px

เรื่อง : Omni genius
ตอนที่ 19   ผู้กล้าช่วยเหลือสาวงาม


ตอนที่ 19   ผู้กล้าช่วยเหลือสาวงาม

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

เหลาซูเฉียงในเวลานี้ถูกครอบงำด้วยความใคร่  จึงไม่ได้สังเกตเห็นฉินฟางที่กำลังวิ่งเข้ามา  ลูกสมุนทั้งสองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเพราะดวงตาของพวกมันล้วนจับจ้องอยู่ที่หญิงสาวคนนั้น

 

อีกด้านหนึ่งขณะที่หญิงสาวกำลังตื่นตระหนกและแสดงให้เห็นถึงท่าทางอับจน  เธอสามารถทำได้เพียงยึดคอเสื้อไว้แน่นพร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่  ทันใดนั้นก็เห็นร่างของฉินฟางซึ่งกำลังมุ่งมาที่นี่ด้วยความเร็วสูง  สายตาของเธอแสดงให้เห็นความประหลาดใจ  และตอนที่เธอกำลังจะร้องเรียกเขา  ก็สังเกตเห็นฉินฟางขอร้องให้เงียบ  ก่อนที่เธอจะทำการควบคุมเสียงของตัวเองไว้ได้อย่างฉิวเฉียด

 

หัวใจของหญิงสาวสงบลงเล็กน้อย  การเผชิญหน้ากับพวกอันธพาลที่กินเนื้อเป็นอาหารและไร้ซึ่งความปราณีเหมือนฝูงหมาป่ากับเสือ  การร้องไห้เห็นได้ชัดว่าไร้ประโยชน์  และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอเป็นคนที่มีสติปัญญาดีมาก  เพราะหลังจากเห็นก้อนอิฐในมือของฉินฟาง  เธอก็สังเกตเห็นแผนของเขา

 

ฟิ้ว~

 

เหลาซูเฉียงบังเอิญอยู่ตรงหน้าของฉินฟางและหลังของมันก็เปิดโล่ง  โอกาสที่ดีเช่นนี้ถูกเสนอมาให้  แล้วเขาจะพลาดมันไปได้อย่างไร?  ก้อนอิฐในมือของฉินฟางกลายเป็นอาวุธหนักในทันที  เขาเหวี่ยงมันอย่างแรงไปยังด้านหลังศีรษะของเหลาซูเฉียง

 

ประสบการณ์ในการต่อสู้หลายปีของเหลาซูเฉียงไม่ได้สูญเปล่า  แรงลมที่เกิดขึ้นจากการฟาดของฉินฟางประกอบกับเสียงลมพัดอย่างแรงที่มาจากก้อนอิฐทำให้มันตื่นตัวในทันที  และสัญชาตญาณของเหลาซูเฉียงก็ทำให้มันต้องหันหน้าไปรอบๆ เพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรเกิดขึ้น

 

*ผัวะ*

 

แต่มันสายเกินไป

 

วินาทีที่มันหันหน้าไป  เหลาซูเฉียงก็เห็นก้อนวัตถุสีดำที่มาจากด้านบน  จากนั้นมันก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ใบหน้า  และความมึนงงที่เล่นงานสมองของมัน  จนสูญเสียความสามารถในการคิดโดยทันที  กระทั่งจะร้องโหยหวนยังล่าช้าออกไป

 

< การโจมตีประสบผลสำเร็จ, เป้าหมายติดสถานะ [มึนงง] >

 

ประโยคดังกล่าวปรากฏขึ้นในหัวของฉินฟาง  แต่เขาไม่ได้มีเวลาที่จะมาใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น  เพราะยังมีลูกสมุนของมันอีกสองคนอยู่ข้างเขา

 

“โอ๊ย!...”

 

สมุนทั้งสองสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงครวญของเหลาซูเฉียง  กระทั่งรอยยิ้มอันชั่วร้ายของพวกมันก็แข็งค้าง  ก่อนที่จะทันได้ตอบสนอง  ทันใดนั้นหนึ่งในพวกมันก็รู้สึกว่าหัวถูกตีด้วยอะไรบางอย่าง  และเกิดมึนงงพร้อมกับสูญเสียความสามารถในการคิดไปทันที

 

ส่วนเจ้าลูกสมุนอีกคนหนึ่ง  ฉินฟางไม่มีเวลาพอที่จะใช้ก้อนอิฐโจมตีอีกครั้ง  เขาจึงทำได้เพียงยกขาเตะไปที่มันอย่างแรง

 

ตำแหน่งที่เจ้าลูกสมุนนั่นโดนช่างเหมาะเหม็ง  ลูกเตะที่ฉินฟางประทานให้กับมันมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว  ดังนั้นตัวของมันจึงลอยไปยังกำแพงของมหาวิทยาลัยหนิงไห่ที่อยู่ด้านข้าง

 

แต่เพราะฉินฟางเอียงตัวตอนที่เตะออกไป  ทำให้เจ้าลูกสมุนนั่นโชคร้ายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากลูกเตะของฉินฟางไปโดนร่างกายส่วนบนของมันจนลอยออกไปในทันที  และหัวของมันก็ตรงไปกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างหนัก  แม้ว่าจะไม่ทำให้มันสลบแต่ก็มองเห็นดาวระยิบระยับพร้อมกับเดินซวนเซ

 

“ฟิ้ว~  เกือบไปแล้ว!”

 

เมื่อฉินฟางทำการลงมือจนสำเร็จ  เขาก็อดไม่ได้ที่จะหอบอย่างหนัก  เพราะถ้าผิดพลาดแม้แต่เพียงนิดเดียวแล้ว  ก็จะไม่สามารถจากไปได้โดยง่าย  โชคของเขายังคงดีอยู่

 

“ทำไมเธอยังไม่รีบวิ่งหนีไปล่ะ?”

 

สำหรับหญิงสาวที่เรียกว่าเสี่ยวซู  เธอตกตะลึงเพราะไม่คาดคิดว่าฉินฟางจะจัดการอันธพาลทั้งสามคนลงได้อย่างรวดเร็ว  ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ฉินฟางขุ่นเคืองและบอกให้เธอรีบจากไปเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่ไม่สุภาพ

 

“ไปค่ะ!  ไป  ฉันกำลังจะไปแล้ว...”

 

หลังจากถูกฉินฟางตะโกนใส่  เธอก็รู้สึกตัวในทันทีและรีบหมุนตัววิ่งจากไป  แต่ขณะที่เธอกำลังจะจากไปนั้นก็นึกขึ้นได้  และหันกลับมาอีกครั้งเพื่อพูดขอบคุณฉินฟางอย่างขัดเขิน

 

“ขอบคุณค่ะ... อ๊า!  ระวัง!...”

 

แต่ในขณะที่เธอหันหน้ากลับไปนั้น  ก็พบว่าเหลาซูเฉียงที่ก่อนหน้าอยู่ในสภาพมึนงง  และยืนอยู่ข้างหลังฉินฟางได้ฟื้นคืนสติกลับมาแล้ว  ซึ่งในตอนนี้มันกำลังเตรียมที่จะแทงฉินฟางด้วยมีด  เมื่อเธอเห็นก็หน้าซีดในทันทีและร้องตะโกนเพื่อทำการเตือนฉินฟาง

 

ด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาว  ฉินฟางก็รับรู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้ในทันที  ใบหน้าของเขาซีดลงเล็กน้อย  เนื่องจากไม่มีเวลาแม้กระทั่งมองหันหลัง  เขาจึงทำได้แค่ขยับตัวไปทีละก้าวเท่านั้น

 

*ฉึก!*

 

เสียงมีดแทงผ่านเสื้อผ้าดังจนได้ยินอย่างชัดเจน  ฉินฟางรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่เอวของเขาในทันที  จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปโดยไม่รู้สึกตัว  และหมุนตัวกลับไปเพื่อทำการเตะ

 

แม้ว่าลูกเตะของฉินฟางจะทำตามสัญชาตญาณ  แต่มันก็มีความรุนแรงกว่าปกติมาก  และด้วยความบังเอิญลูกเตะนั้นก็ประทับลงไปยังจุดสำคัญที่ช่วงท้องของเหลาซูเฉียง  จนมันกระเด็นออกไปในทันที

 

“อ้าก!”

 

เหลาซูเฉียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด  มันไม่สนใจแม้กระทั่งมีดที่เสียบอยู่บนตัวของฉินฟาง  และใช้มือทั้งสองกุม ‘น้องชาย’ ที่อยู่ด้านล่าง  ใบหน้าที่เหมือนกับหนูของมันเปลี่ยนเป็นสีเขียว  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของลูกเตะฉินฟาง

 

อย่างไรก็ตามตัวของฉินฟางก็ไม่ได้ดีไปกว่าเท่าไหร่  เพราะมีดนั่นยังคงเสียบอยู่ที่เอวของเขา  และเลือดสดๆ ก็ไหลนองออกมา  ในหัวของฉินฟางปรากฏข้อความแจ้งเตือน ‘<HP -1>’ อย่างไม่หยุดหย่อน  จนเสียค่า HP ไป 7-8 หน่วยจาก 10 หน่วยของเขาในชั่วพริบตา

 

ฉินฟางที่เสียเลือดไปเยอะทันใดนั้นก็รู้สึกว่าหัวหนักอึ้ง  และมีทีท่าจะสลบอยู่ลางๆ

 

ตอนที่เขาเสียค่า HP ไป 5-6 หน่วยในครั้งที่แล้ว  ก็ตกอยู่ในสภาพมึนงงอย่างที่สุด  แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับร้ายแรงกว่ามาก  เพราะค่า HP ของเขาเกือบจะเป็นศูนย์ในทันที  ถ้ามันกลายเป็นศูนย์แล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะหมายถึงความตายของเขาในช่วงเวลานั้น

 

“ฮือ...  นายยังดีอยู่ไหม?  ได้โปรดอย่าตายนะ!...”

 

ในช่วงเวลานี้หญิงสาวที่เรียกว่าเสี่ยวซูลืมเลือนที่จะทำการหลบหนี  เลือดที่ไหลนองจากเอวของฉินฟาง  และใบหน้าที่ซีดเผือดของเขา  ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการที่เขาพยายามจะช่วยเหลือเธอ  แล้วจะให้เธอหนีไปและทำเป็นตามืดบอดกับทุกๆ อย่างได้อย่างไร?

 

“ลูกพี่...”

 

ท่าทางของเหลาซูเฉียงราวกับมันบาดเจ็บหนัก  แต่มันก็เป็นแค่ความเจ็บปวดเท่านั้น  เปรียบเทียบกับฉินฟางแล้วถือว่าดีกว่ามากมาย  ส่วนเจ้าลูกสมุนทั้งสองที่ฟื้นตัวกลับมาแล้ว  หลังจากเห็นฉินฟางที่เลือดกำลังไหลนองออกมาจากเอว  พวกมันก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

 

พวกมันเป็นเพียงแค่อันธพาลทั่วไป  ถ้าคุณขอให้พวกมันวิวาทและรีดไถเงินแล้ว  พวกมันพร้อมที่จะกระทำ  แต่ถ้าคุณขอให้พวกมันฆ่าคนแล้ว  ต่อให้คุณให้ความกล้าหาญของคนสิบคน  พวกมันก็ยังไม่มีความกล้า

 

แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกมัน  คือร่างของฉินฟางซึ่งมีมีดเสียบอยู่ที่เอว  มันเห็นได้ชัดว่าเหลาซูเฉียงซึ่งเป็นลูกพี่ของพวกมันเป็นผู้กระทำ  แล้วพวกมันจะไม่รู้สึกกังวลได้ยังไง  เพราะถ้าฉินฟางตายไปจริงๆ  เหลาซูเฉียงก็จะกลายเป็นฆาตกร  ส่วนพวกมันก็จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

 

ความกังวลที่เหลาซูเฉียงแสดงออกมาในความเป็นจริงแล้วก็ไม่น้อยไปกว่าพวกลูกสมุน  พอเห็นเลือดจำนวนมากมันก็ตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน  และเกือบจะวิ่งหนีไปในทันที  แต่มันก็ไม่สามารถทำได้เพราะขาอ่อนเปลี้ยเนื่องจากความหวาดกลัว

 

พรึ่บ!

 

และในเวลานี้เอง  อันธพาลทั้งสามก็ใช้ตาซึ่งเบิกกว้างมองฉินฟางที่เลือดไหลไม่หยุดดึงมีดออกมาจากตัว  ทันใดนั้นเลือดก็พ่นกระจายออกมา  และนั่นทำให้พวกมันหวาดกลัวยิ่งขึ้น

 

แต่เมื่อเห็นสิ่งที่ฉินฟางทำหลังจากนี้  พวกมันก็คิดพร้อมกันในทันทีว่าสิ่งที่ไหลลงบนพื้นน่าจะไม่ใช่เลือด  แต่เป็นซอสมะเขือเทศ

 

เลือดพวกนั้นยังคงไหลอยู่  และใบหน้าของฉินฟางก็ยังซีดเผือด  แต่เขากลับหยิบเกี๊ยวซ่าออกมาจากสองสามชิ้น  และเริ่มทำการกินพวกมันเข้าไปเต็มปาก...

 

 

……………………………..

 

รีวิวผู้อ่าน