px

เรื่อง : หัตถ์เทวะธิดาพญายม : ชายายอดรักทรราชไร้ใจ
ตอนที่ 41 ที่พักพิงแสนวิเศษ


เกอซียิ้มเยาะขึ้นขณะหยิบเอาตำลึงเงินที่เหลือเก็บเข้าไว้ในธำมรงค์มิติเวท ตำลึงเงินที่เหลืออยู่นี้ย่อมมีไม่น้อยไปกว่าสามล้านตำลึง เมื่อช่วงสองวันที่ผ่านมานี้จางเต๋อจงได้เสียพนันไปถึงสองล้านตำลึง

 

เพราะจิตของมันยังคงถูกสะกดอยู่จางเต๋อจงจึงยังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นน้ำลายไหลยืดย้อยราวกับคนปัญญาอ่อน กลิ่นเหม็นคลุ้งจากอุจจาระที่ทะลักล้นออกมาเพราะความหวาดกลัวยิ่งส่งให้มันแลดูน่าสมเพชกว่าเหล่าวนิพกตามมุมตึก

 

สายตาที่เกอซีใช้จับจ้องมันไม่ได้บ่งบอกถึงความรังเกียจแต่ประการใด หากแต่กลับเย็นชาไร้หัวใจประดุจปลายกระบี่อาบยาพิษ ประกายตาสีม่วงส่องวูบวาบภายใต้นัยน์ตาหงส์คู่นั้น

 

หญิงสาวทาบฝ่ามือเบา ๆ ลงบนแผ่นหลังของจางเต๋อจงก่อนจะปลดปล่อยขุมพลังภายในให้ปะทุขึ้น แท่งเข็มเงินไร้เงาที่ปักอยู่ในหัวของมันทะลุกลับออกมาสู่ฝ่ามือของนาง

 

แทบจะช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง มือข้างที่กุมกริชของหญิงสาวตวัดพริ้วด้วยความเร็วอย่างหาตัวจับได้ยาก มันตัดผ่านเส้นชีพจรในร่างตลอดจนถึงลำคอของจางเต๋อจงอย่างว่องไวต่อเนื่อง

 

เพียงเสี้ยววินาที โลหิตพุ่งกระจายทะลักออกมาทันทีพร้อมเสียงร้องโหยหวนเขย่าชั้นฟ้าของจางเต๋อจง

 

ถูกแล้ว ยามนี้จางเต๋อจงคืนสติแล้ว ใบหน้าที่ตื่นตระหนกของมันจับจ้องอยู่ที่เกอซี ดวงตาคู่นั้นไร้ร่องรอยแห่งความขุ่นแค้น กลับกันยามนี้ภายในดวงตาของมันเอ่อล้นไปด้วยคำวิงวอนร้องขอ

 

เกอซียังคงยึดด้ามกริชที่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดโลหิตพลางขยับยกขึ้นมาในระดับสายตา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วไล้สัมผัสอย่างบางเบาไปยังสายโลหิตบนคมมีด เสียงหัวเราะอย่างเย็นชาดังกังวาน “พ่อบ้านจาง มิใช่เจ้าชอบขายผู้อื่นออกเป็นทาสกระนั้นหรือ ? วันนี้ ข้าจะให้เจ้าได้สัมผัสประสบการณ์นั้นด้วยตนเอง”

 

“อื้อ------ !อื้อ------- !” พ่อบ้านจางอยากวิงวอนร้องขอ หากทว่ามันกลับพบว่าไม่อาจเปล่งเสียงให้เล็ดลอดออกมาได้ กระทั่งกล้ามเนื้อและเส้นชีพจรต่าง ๆ ในกายยังถูกตัดขาดเช่นนี้แล้วย่อมทำให้มันถึงที่สุดแห่งการไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป

 

รอยยิ้มของเกอซีกลับกลายเป็นยิ่งสดใสเจิดจ้า แม้สีหน้ายามนี้ยังคงซีดเซียวด้วยการแปลงโฉม หากแต่มันกลับดูงดงามกระจ่างใส “เจ้าเห็นเลือดพวกนี้แล้วหวาดกลัวกระนั้นหรือ ? อย่าได้กังวลไปเลย เจ้าเป็นผู้มีพลังยุทธ ร่างกายของเจ้าย่อมสามารถซึมซาบกระแสพลังปราณได้ บาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านี้ไม่อาจทำให้ถึงแก่ความตาย เพียงทว่าข้าได้ตัดเส้นชีพจรทั้งสิ้นในกายของเจ้าแล้ว ตลอดช่วงชีวิตนี้ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะขยับเขยื้อนกายหรืออ้าปากเอ่ยวาจาใดได้อีก”

 

ดวงตาของพ่อบ้านจางที่ดูราวกับนัยน์ตาปลาตายซากปูดโป่งปลิ้นด้วยความสะพรึงกลัวและสิ้นหวัง มันสะดุ้งกระเสือกกระสนประดุจดั่งกำลังเอ่ยปากร้องขอ ได้โปรดฆ่าข้าเถิด ! ฆ่าข้าเสียเถิด !

 

“พ่อบ้านจางอย่าได้กังวล เจ้ายังไม่สังหารข้า เหตุใดข้าจึงต้องลงมือสังหารเจ้าด้วย ! หรือเจ้าเป็นกังวลว่าเมื่อตนต้องกลายเป็นคนพิการไปแล้วจะไม่อาจถูกขายส่งไปในตลาดเนื้อสดสุกรได้ ? หึหึ จะเป็นไปได้เยี่ยงไร ?”

 

เกอซีสาวท้าวขึ้นมาอีกสองก้าวพร้อมเสียงหัวเราะด้วยอาการดูแคลนยิ่งนัก ทุกวาจาทุกคำกล่าวที่หลุดพ้นจากปากของนางยิ่งทำให้มันถึงความสิ้นหวัง “ในตลาดเนื้อสดสุกร ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ต้องการร่างผู้มีวรยุทธเพื่อใช้ในการทดสอบด้านต่าง ๆ อีกทั้งยังมีผู้ต้องการสะสม “เนื้อสดสุกร” เยี่ยงร่างของเจ้าเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการผ่องถ่ายพิษและของเสียที่แทรกซ้อนอยู่ในหินผลึกและพฤกษาเวท พ่อบ้านจาง ต่อไปเบื้องหน้าเจ้าเพียงนอนอยู่กับที่เฉย ๆ ก็จะมีคนมาคอยดูแลจัดการทุกสิ่งให้ มิใช่เจ้าควรขอบใจที่ข้าช่วยหาที่พักพิงแสนวิเศษให้แก่เจ้ากระนั้นหรือ ?”

 

สืบเนื่องจากพลังชีวิตกระแสจิตวิญญาณที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศนั้นเบาบางยิ่งนัก เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายจำต้องใช้หินผลึกและพฤกษาเวทเป็นสิ่งเอื้อประโยชน์ในการช่วยเพิ่มพลังปราณให้แก่ตนเองเพื่อฝึกฝนพลังฝีมือ หากแต่การใช้ของวิเศษทั้งสองอย่างนั้นย่อมมีขอบเขตจำกัด นั่นคือ ขณะที่ผู้ฝึกยุทธโคจรกระแสพลังเพื่อซึมซับพลังปราณเข้าไปในกายของตนแล้วพวกเขาจำต้องขับกระแสพลังงานที่ปนเปื้อนออกไปให้หมดสิ้น มิเช่นนั้นแล้วพลังที่แปลกปลอมพวกนั้นจะส่งผลต่อร่างของผู้ฝึกยุทธทำให้ความก้าวหน้าในพลังฝีมือลดลง

 

เช่นนี้ ผู้ที่มีฐานะมักเลือกใช้ “เนื้อสดสุกร” และให้ “เนื้อสดสุกร” เป็นร่างที่ซึมซาบพลังปราณจากหินผลึก และดูดซับสารพิษจากพฤกษาเวท จากนั้นผู้เป็นนายจึงโคจรพลังดึงดูดเอาพลังปราณจากร่าง “เนื้อสดสุกร” ออกมาอีกชั้นหนึ่ง ด้วยกระบวนการเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่ได้รับพิษ อีกทั้งยังสามารถเร่งความเร็วในการเลื่อนขั้นพลังปราณได้อีกด้วย

 

แม้บรรดาทาส “เนื้อสดสุกร” พวกนั้นจะสะสมพลังงานปนเปื้อนและพิษร้ายไว้ในตัวสักเพียงใด เจ้าของพวกมันย่อมไม่ใส่ใจต่อความทุกข์ทรมานหรือเจ็บปวดของเหล่าเนื้อสดสุกร

 

จางเต๋อจงพยายามพ่นเสียง “อือ อือ” ออกมา มีเพียงความสิ้นหวังในดวงตาแดงดั่งโลหิตขุ่นมัวคู่นั้น

 

เขาไม่คิดฝันเลยว่า ความละโมบแค่เพียงครู่จะผลักไสตนสู่จุดจบที่โหดร้ายเยี่ยงนี้ ! หากเพียงเขาได้ล่วงรู้ก่อน......หากเพียงได้รู้.......

 

***จบตอน ที่พักพิงแสนวิเศษ***

รีวิวผู้อ่าน