px

เรื่อง : Omni genius
ตอนที่ 54   ไล่ตามผู้ร้ายหลบหนี


ตอนที่ 54   ไล่ตามผู้ร้ายหลบหนี

 

ผู้แปล  :  ThreeSwords

ปรับสำนวน  :  ThreeSwords

 

 

“ไปไล่ตามพวกนั้นกัน!”

 

เห็นได้ชัดว่าหนิงอวี่ม่อยังคงเป็นหญิงสาวที่หมกมุ่นและหลงใหลในงานของตัวเอง  พอเห็นว่าสองคนนั่นกำลังจะหลบหนีไปจริงๆ  เธอก็ไม่คำนึงถึงความแปลกประหลาดของฉินฟางอีกต่อไป  และต้องการที่จะไล่จับพวกมัน

 

“เธอแน่ใจนะ... ว่าไม่เป็นไร?”

 

โชคยังดีที่เธอไม่ได้หมกมุ่นขนาดนั้น  เพราะเธอยังไม่ลืมเรื่องท่าทางใกล้ตายของฉินฟางเมื่อครู่นี้  จึงยังถามเขาว่าสบายดีอยู่ไหม

 

“วางใจได้เสี่ยวหนิงเจีย  ผมสบายดี!  แล้วจะไปไล่ตามพวกนั้นกับคุณด้วย”

 

ฉินฟางทำการเบ่งแขนของตัวเองโชว์ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ค่อยมีมากนัก  ซึ่งนั่นทำให้หนิงอวี่ม่อถึงกับกรอกตาไปมาอย่างแบ่งรับแบ่งสู้  แต่สุดท้ายคนทั้งสองก็ไล่ตามพวกผู้ร้ายหลบหนีซึ่งเข้าไปในภูเขา

 

เส้นทางเข้าไปในภูเขาถูกคนร้ายพวกนั้นปัดกวาดไปเรียบร้อยแล้ว  ถึงแม้จะยังเต็มไปด้วยหนามและกิ่งไม้ต่างๆ  ทว่ามันก็ดีกว่าลงมือทำด้วยตัวเอง

 

แต่ปัญหาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

เครื่องแต่งกายของหนิงอวี่ม่อเป็นแบบที่ใช้ในงานเลี้ยง  เธอสวมชุดกระโปรงที่ยาวจนเกือบจะถึงพื้น  และก็โชว์เนื้อหนังค่อนข้างมาก  มันจึงไม่เหมาะที่จะเข้าไปในภูเขาที่เต็มไปด้วยขวากหนาม

 

*แควก*

 

หนิงอวี่ม่อตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะฉีกส่วนล่างของชุดกระโปรงเธอ  ดังนั้นชุดกระโปรงยาวแสนแพงของเธอก็เลยกลายชุดกระโปรงสั้นแทน  และขาวเรียวยาวอันแข็งแรงที่ผ่านการฝึกฝนนับปีก็เผยออกมาให้เห็น

 

ปัญหาที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าได้ถูกแก้ไขแล้ว  แต่หนิงอวี่ม่อก็ต้องขยี้เท้าด้วยความขัดใจอีกครั้งเมื่อเธอมองไปยังรองเท้าของตัวเอง

 

เพราะเธอกำลังมาร่วมงานเลี้ยง  ก็เลยสวมรองเท้าส้นสูง  เดินบนถนนยังพอได้เพราะพื้นค่อนข้างเรียบ  แต่กับบนทางเดินขึ้นภูเขา...

 

เธอถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองในทันที

 

“เสี่ยวหนิงเจีย  สวมรองเท้าของผมแทน  ถึงมันจะค่อนข้างใหญ่  แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าเดินเท้าเปล่า

 

พอเห็นหนิงอวี่ม่อโยนรองเท้าส้นสูงราคาแพงของเธอและลงไปเดินเท้าเปล่า  ฉินฟางก็ถอดรองเท้ากีฬาของเขาออกมาในทันที  จากนั้นเสนอมันให้กับหนิงอวี่ม่อ

 

“ก็ได้...”

 

หนิงอวี่ม่อลังเลเล็กน้อย  แต่ก็ยังสวมรองเท้าของฉินฟางในท้ายที่สุด  ถึงแม้มันจะค่อนข้างใหญ่  ถ้ารัดเชือกรองเท้าให้แน่นๆ ก็ดีกว่าเดินเท้าเปล่าหรือสวมรองเท้าส้นสูง

 

“นายควรดูแลตัวเองด้วย  บางทีน่าจะกลับไปที่ริมถนนก่อนนะ  มันปลอดภัยกว่าที่นี่”

 

เธอล่มแผนของฉินฟางที่ต้องการจะตามไปปกป้อง  เพราะหลังจากให้คำแนะนำกับเขา  หนิงอวี่ม่อก็วิ่งเข้าไปในภูเขาด้วยความแข็งแรงของร่างกายที่น่าเหลือเชื่อ

 

อย่างไรก็ตามฉินฟางจะปล่อยให้หญิงสาวตัวคนเดียวไล่ตามสองผู้ร้ายคดีข่มขืนไปตามลำพังอย่างวางใจได้ยังไง?  เขาเพียงลังเลไปชั่วขณะแต่ก็ยังตามติดหนิงอวี่ม่อในท้ายที่สุด  เพราะเขาเดินเท้าเปล่า  ความเร็วในการเดินทางจึงช้าลงอย่างเห็นได้ชัด  และทำได้เพียงตามร่องรอยที่คนพวกนั้นทิ้งไว้ก่อนหน้านี้

 

“สุดท้ายพวกเราก็สลัดยัยผู้หญิงบ้านั่นได้!”

 

สองผู้ร้ายหลบหนีจางซานกับหลี่ซีสุดท้ายก็ไม่เห็นร่างของหนิงอวี่ม่อหลังจากทำการลดเลี้ยวไปมาในภูเขา  คนทั้งสองที่เหน็ดเหนื่อยแทบตายจากการวิ่ง  ก็นั่งลงบนหินก้อนหนึ่ง  จากนั้นจางซานก็เริ่มบ่นในขณะที่กำลังพัก

 

“ยัยผู้หญิงบ้านั่นช่างร้ายกาจจริงๆ!  รถคันนั้นราคาตั้งสองสามล้าน  แต่เธอก็ยังเอามาชนแบบนั้นได้”

 

หลี่ซีก็รู้สึกขมขื่นเช่นกัน  พวกเขาแค่อยากจะหลอกล้อสาวสวยคนหนึ่งก็เท่านั้น  และไม่ได้คิดว่าสาวสวยนั่นจะเป็นตำรวจสาวเล็กพริกขี้หนูที่โด่งดังของโรงพักเมืองหนิงไห่  พวกเขาเพิ่งจะตระหนักได้ถึงตัวตนของหนิงอวี่ม่อหลังจากที่โดนชน

 

“เฮ้อออ จางซาน  ว่ากันตามตรงนะ  ยัยผู้หญิงบ้านั่นช่าง... สวยโคตรๆ!  ถ้าได้มีอะไรกับเธอสักครั้งแล้ว  ข้าจะยอมอายุสั้นไปสิบปีเลย”

 

หลังจากหยุดพักได้ไม่นาน  สันดานของพวกข่มขืนก็กลับคืนมา  และเริ่มมีความคิดสกปรกเกี่ยวกับหนิงอวี่ม่อ

 

“สิบปีอะไรกัน?  ต่อให้เป็นยี่สิบหรือสามสิบปี  ข้าก็ยอมเหมือนกัน  บ้าเอ้ย!  เปรียบกับเธอแล้ว  ผู้หญิงเหล่านั้นที่โดนพวกเราข่มขืนช่างห่างชั้นราวกับเป็นพวกแม่หมู!  ทำให้ข้าตอนนี้รู้สึกรังเกียจตอนที่นึกถึง...”

 

จางซานแสดงท่าทีเห็นด้วยกับคำพูดของหลี่ซี  ทั้งสองโตมาในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง  และได้กระทำเรื่องชั่วร้ายทุกประเภทที่นั่น  ทั้งทุบทำลายบ้านของคนอื่นและข่นขืนหญิงสาวหลายคนภายในหมู่บ้าน  จากนั้นก็หลบหนีมายังเมืองหนิงไห่  อย่างไรก็ตามตลอดการเดินทางมาที่นี่  ทั้งสองก็ทำการก่อคดีข่มขืนอย่างต่อเนื่อง  นั่นจึงเป็นสาเหตุที่พวกมันอยู่ในรายชื่อประกาศจับ

 

“หยุด  อย่าขยับ!”

 

ทักษะของหนิงอวี่ม่อช่างน่าประทับใจจริงๆ  เช่นเดียวกันกับความสามารถทางด้านร่างกายของเธอ  หลังจากทำการสำรวจร่องรอยและสภาพแวดล้อมรอบๆ เล็กน้อยแล้ว  เธอก็สามารถคำนวณทิศทางที่พวกผู้ร้ายกำลัง  หลบหนีและไปถึงที่นั่นได้อย่างรวดเร็ว  แม้จะตามหลังพวกมันอยู่ 7-8 นาที  เธอก็ยังค้นพบจุดที่พวกมันกำลังหยุดพักอยู่ในตอนนี้

 

“จางซาน  รีบไปกันเถอะ!”

 

พอได้ยินเสียงของหนิงอวี่ม่อ  หลี่ซีที่ขี้ขลาดมากกว่าก็เตรียมหลบหนีตามสัญชาตญาณ  แต่ในขณะที่กำลังจะไปนั้น  เขาก็ถูกจางซานดึงตัวไว้

 

“หลี่ซี  แกจะกลัวไปทำไม!  แค่ผู้หญิงคนเดียว...  พวกเรามีตั้งสองคน  แล้วทำไมยังต้องกลัวอีกล่ะ?”

 

จางซานตบหลี่ซีไปหนึ่งที  และพูดอย่างไม่พอใจ

 

“ไม่ใช่แกบอกเองหรือไงว่าถ้าได้มีอะไรกับเธอ  ก็จะยอมอายุสั้นไปสิบปี?  อะไรกัน?  ตอนนี้กลัวแล้วเหรอ?”

 

พอคุยเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง  โดยเฉพาะกับพวกชอบก่อคดีข่มขืนอย่างจางซานกับหลี่ซี  ที่มีความรู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ  ยิ่งตอนที่พวกมันจ้องมองหนิงอวี่ม่อซึ่งแต่งกายเซ็กซี่  แรงปรารถนาที่เกิดขึ้นก็เปรียบได้กับระเบิดนิวเคลียร์ลูกหนึ่ง

 

ดวงตาของจางซานเต็มไปด้วยตัณหา  ปากก็อ้าเล็กน้อยพร้อมกับมีน้ำลายไหลออกมา

 

ส่วนหลี่ซี  หลังจากถูกจางซานตะโกนใส่  สายตาของมันก็จับจ้องที่หนิงอวี่ม่อ  ท่าทางในตอนนี้กลายเป็นคล้ายกับจางซานแล้ว

 

“คุณตำรวจสาวแสนสวยครับ  ในเมื่อคุณเสนอตัวเองให้  พวกเราก็จะรับไว้ด้วยความยินดี!  ในสถานที่รกร้างอย่างนี้  คุณคิดว่าพวกเราควรข่มขืนแล้วฆ่า  หรือฆ่าแล้วข่มขืนดีล่ะ?”

 

จางซานกับหลี่ซีเข้าไปขนาบข้างหนิงอวี่ม่อ  คนทั้งสองค่อนข้างมีทักษะในการต่อยตี  และเคยได้ร่ำเรียนวิชาการต่อสู้ในสำนักต่างๆ มาบ้าง  ถึงเรื่องนี้จะไม่ได้หมายความว่าพวกมันมีฝีมือดี  แต่ก็ค่อนข้างเข้าขากันอย่างมาก  เหล่านักสู้ที่มีประสบการณ์จำนวนมากถูกพวกมันรุมจนพ่ายแพ้

 

“รนหาที่ตาย!”

 

ด้วยนิสัยของหนิงอวี่ม่อ   ทันทีที่เธอโกรธก็จะกลายไปเป็นเหมือนกับตัวทีเร็กซ์ในร่างของผู้หญิง  และใครก็ตามที่ตกอยู่ในมือของเธอก็จะถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

*ผัวะ*  *ผัวะ*  *ผัวะ*

 

ทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไรกันมาก  และเริ่มต่อยตีกันในทันที  หนิงอวี่ม่อรับมือกับผู้ร้ายสองคนตามลำพัง  และขาเรียวยาวของเธอก็เตะใส่พวกมันอย่างรุนแรง  ลูกเตะเหล่านั้นมีพลังมากจนพวกมันต้องโซเซไปมา

 

ตอนที่หนิงอวี่ม่อเริ่มปะทะกับพวกผู้ร้ายหลบหนี  ฉินฟางก็ได้แกะรอยติดตามพวกนั้นมาใกล้จะถึงแล้ว  พอได้ยินเสียงของการต่อสู้  เขาก็ขยับตัวไปทางนั้นอย่างระมัดระวัง

 

การเคลื่อนไหวของฉินฟางนั้นเบามาก... ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้ว!  เขาจะไม่ค่อยๆ เดินได้ยังไง?  หลังจากที่ต้องเดินเท้าเปล่าในภูเขาที่เต็มไปด้วยหนาม!  อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้มามือเปล่า  มือข้างหนึ่งถือท่อนเหล็กที่ได้จากจักรยานที่พังเสียหาย  ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ถือ... อิฐก้อนหนึ่ง!

 

 

……………………………..

 

รีวิวผู้อ่าน