px

เรื่อง : Omni genius
ตอนที่ 66 สมัครเข้ามหาวิทยาลัย


ตอนที่ 66 สมัครเข้ามหาวิทยาลัย

 

 

          “ผมชื่อฉินฟาง แล้วนายล่ะ?”

 

          หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ฉินฟางก็ขับไล่ความรู้สึกอันหนักหน่วงออกไป แล้วยื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย

 

          “หนิง....”

 

          ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจต่อท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉินฟางอยู่บ้าง แต่ก็ยื่นมือออกไปจับอย่างสุภาพ ขณะที่เขากำลังเอ่ยปากบอกชื่ออยู่นั้น ถังเฟยเฟยและเซียวมู่เสวี่ยก็เดินเข้ามา ถังเฟยเฟยพลันร้องเรียกด้วยความตื่นเต้น “น้องเสี่ยวเฉียง!!!”

 

          เมื่อได้ยินถังเฟยเฟยเรียก ฉินฟางก็พบว่าความสำรวมที่หนุ่มหล่อมีอยู่ก็พังทลายลงไป เขายิ้มอย่างบิดเบี้ยวและมองไปยังถังเฟยเฟย

 

          “เฟยเฟย ผมบอกพี่หลายครั้งแล้วนะว่าให้เรียกน้องเฉียงก็พอ ! ตัดคำว่า “เสี่ยว” ได้เลย”

 

          “ชิ ฉันเรียกนายมาเป็นสิบปี ไม่เห็นว่าเสียหายอะไรนี่!!!”

 

          ถังเฟยเฟยถลึงตามองกลับไป แล้วเดินนวยนาดตรงหน้าฉินฟาง

 

          “ฉินฟาง นี่คือหนิงเว่ยเฉียง นายสามารถเรียกเขาว่าน้องเสี่ยวเฉียง เขาเป็นน้องชายของพี่สาวเสี่ยวหนิง...”

 

          “น้องเสี่ยวเฉียง...”

 

          ฉินฟางยิ้ม เขารู้สึกประหลาดใจและสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเขา ด้วยประโยคและน้ำเสียงที่คุ้นเคย และหลังจากที่ถังเฟยเฟยพูด ก็ตระหนักได้ว่า เขาไม่ได้คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเป็นน้องชายของหนิงอวี่ม่อ

 

          ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวมันวุ่นวายเช่นถังเฟยเฟย และปฏิบัติตามธรรมเนียมด้วยการเรียกว่า “น้องเฉียง” หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง “เสี่ยวเฉียง” ได้ออกฉาย ก็สร้างความหมายใหม่ขึ้นมา ทำให้ทุกคนที่ใช้ชื่อ “เฉียง” หมดหนทาง [เฉียงหมายถึง แข็งแรง แต่เนื่องจากภาพยนตร์นั้นมีคำ เสี่ยว นำหน้า เฉียง เสี่ยวเฉียงซึ่งใช้เรียกคนที่เป็นเช่นแมลงสาบ ไร้ประโยชน์ และยังตายยากอีกด้วย!!!]

 

          “อื้ม ไม่เลวเลยนี่นาย! ชอบนายว่ะ!”

 

          หนิงเว่ยเฉียงผงกศีรษะ หลังจากฉุกคิดได้ชั่วครู่ ก็นำบัตรออกมาจากกระเป๋าเงินโยนให้ฉินฟาง

 

          “นั่นคือเบอร์มือถือของฉัน ถ้านายมีปัญหาอะไรละก็ โทรมาหาฉันได้ตลอดเวลา”

 

          พูดจบก็หันกายกลับไปแล้วพูดกับถังเฟยเฟยเหมือนกัน ก่อนที่จะวิ่งออกไป เขาไม่ได้ให้โอกาสกับฉินฟางมีปฏิกิริยาต่อเขาไปมากกว่านี้

 

          “อย่าคิดมาก พวกเราเติบโตมาด้วยกันในบ้านหลังใหญ่ พ่อของเขาคือเลขาธิการคณะกรรมการเทศบาล เหมือนกับพ่อของฉัน”

 

          เมื่อหนิงเว่ยเฉียงจากไปแล้ว ฉินฟางอดที่จะมึนงงไม่ได้ ถังเฟยเฟยจึงกระซิบบอกสถานะของหนิงเว่ยเฉียงรวมถึงหนิงอวี่โม่ด้วย

 

          ฉินฟางจึงเข้าใจว่าทำไมการปรากฏตัวของหนิงเว่ยเฉียงจึงกำราบทุกผู้คนได้ กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังอ้ำอึ้งพูดจาไม่ออก ยิ่งกว่านั้น เลขาธิการของคณะกรรมการเทศบาลก็มีผลต่อกฎหมายและงานในเมือง ดังนั้นแล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะกล้าขัดใจลูกชายของเขาได้อย่างไร

 

          แน่นอนว่า พรสวรรค์ของหนิงเว่ยเฉียงเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน แม้แต่ฉินฟางที่เพิ่งจะพบเขาเป็นครั้งแรกยังรู้สึกถึงออร่าได้ด้วย

 

          <ภารกิจ [เอาชนะร้อยคนด้วยตัวคนเดียว] เสร็จสิ้น, ความสำเร็จ: 60%, การประเมินผล: ธรรมดา, จะได้รับรางวัลตามระดับความสำเร็จ>

 

          <ค่าประสบการณ์ +60 !!!>

 

          <แต้มสกิล +60 โปรดเลือดสกิลที่จะใช้>

 

          <ได้รับฉายา: [นักรบไร้พ่าย]>

 

การปรากฎตัวของหนิงเว่ยเฉียงเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มอันธพาลซึ่งกำลังเรียกพวกมาเพิ่มขึ้นก็สลายตัวไปในทันที เมื่อทุกผู้คนจากไปแล้ว ภารกิจของฉินฟางจึงเสร็จสิ้น แต่ก็ไม่สมบูรณ์ซะทีเดียว รางวัลที่ได้จึงขึ้นอยู่กับระดับความสำเร็จนั่นเอง

 

          <ฉายา: [นักรบไร้พ่าย], เมื่อต่อสู้กับคนจำนวนมาก มีโอกาสสร้างความเสียหายหมู่ โอกาสและค่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับค่าสถานะ>

 

          เมื่อเห็นประโยชน์ของฉายานี้ ฉินฟางไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี มันก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

 

          การตะลุมบอนที่ผ่านมานั้นเป็นแค่อุบัติเหตุ และเมื่อทุกอย่างสงบลง ที่ทางเข้าของโรงเรียนก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ทุกผู้คนยุ่งเป็นปกติ และกลุ่มของฉินฟางเองก็ต้องรีบไปรายงานตัว เมื่อพวกเขามาถึงชั้นเรียนและที่นั่ง พวกเขาก็แยกกันไปยังหอของตน

 

          ถึงอย่างไร ชื่อของฉินฟางก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันแรก คนที่กล้าสู้กับคนทั้งสามสิบคนด้วยตัวคนเดียวนับเป็นเรื่องที่หายาก และที่ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอิจฉาตาร้อนก็คือฉินฟางมีสาวงามสองคนอยู่เคียงข้าง หญิงสาวซึ่งสามารถได้รับฉายามาดอนน่าของโรงเรียน

 

          หลังจากไปที่ออฟฟิศเพื่อรับกุญแจห้อง ฉินฟางก็รีบตรงไปยังหอทันที บ้านเช่าด้านนอกเป็นแค่ที่ซุกหัวนอนของฉินฟางเท่านั้น ในเมื่อตอนนี้มีหอพักแล้ว เขาก็สามารถประหยัดค่าเช่าได้

 

          ไม่ใช่ว่าฉินฟางเป็นคนตระหนี่ แต่เพราะร้านบะหมี่นั้นยังต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก อะไรที่ประหยัดได้ก็ควรประหยัด และนั่นก็คือแผนการในการวางรากฐานอนาคตของฉินฟาง

 

          “หืมมม? เถ้าแก่ฉิน!!!”

 

          ที่หน้าห้องพัก เขาสังเกตเห็นว่าประตูเปิดอยู่ก่อนแล้ว ฉินฟางเดินเข้าและพบกระเป๋าที่ดูคุ้นตา ก่อนที่ฉินฟางจะจำได้ว่ามันคืออะไร เพื่อนร่วมห้องของเขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำ และร้องเรียกด้วยความประหลาดใจ

 

          “ฟางต้าเฉิง!!!”

 

          ฉินฟางเองก็ประหลาดใจด้วยเช่นกัน และคิดว่าโลกนี้ช่างแคบเสียจริง พวกเขาเพิ่งจะพบกันเมื่อสามวันก่อน ได้พูดคุยเพียงไม่กี่คำ ตอนนี้ก็พบกันอีก แล้วยังเป็นเพื่อนร่วมห้องกันด้วย

 

          “ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้....”

 

          ฟางต้าเฉิงยิ้มร่า มหาวิทยาลัยหนิงไห่กว้างใหญ่มาก มีเจ้าหน้าที่และนักเรียนรวมกันก็สี่หมื่นกว่าคนแล้ว การที่คนสองคนจะมาพบกันโดยบังเอิญนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก การจะเป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกันด้วยก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก

 

          “ใช่เลย! ช่างเป็นเรื่องบังเอิญโดยแท้! อย่าเรียกผมว่าเถ้าแก่เลย มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆน่ะ เรียกว่าฉินฟางก็พอ”

 

          สุดท้ายแล้ว ฉินฟางก็เป็นแค่นักศึกษา การโดนเรียกว่าเถ้าแก่มันทำให้ฉินฟางรู้สึกอึดอัดใจยิ่ง

 

          “อิอิ”

 

          ฟางต้าเฉิงเพียงยิ้มให้ แล้วก็มีคนเข้ามาอีก

 

          ฉินฟางอาศัยอยู่ในห้องสำหรับหกคน และคิดว่ามันคงไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันก็นับว่าดี ตามคำกล่าวของฟางต้าเฉิง “มันสวยกว่าบ้านของฉัน!!!”

 

          นอกจากฉินฟางและฟางต้าเฉิงแล้ว ยังมีเฉินหยาง, เกาหมิง, เซี่ยวหนาน และสีเสี่ยวจุน

 

          “พี่น้อง การที่พวกเราหกคนจะเป็นเพื่อนร่วมห้องกันได้ ต้องเป็นเพราะโชคชะตาเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราจะต้องอยู่ด้วยกันถึงสี่ปี ดังนั้นฉันคาดหวังว่า เราควรจะจัดกิจกรรมในคืนนี้และดื่มด้วย!!! คิดว่ายังไงล่ะ?”

 

          เมื่อคนทั้งหกมารวมตัวกัน คนตัวใหญ่สุดของกลุ่มก็ชักชวนให้จัดปาร์ตี้ เขาได้รับการสนับสนุนให้กลายเป็นหัวหน้า

 

          “ฉันไม่ขัดข้อง!”

 

          “ฉันเห็นด้วย!”

 

          “ไม่มีปัญหา...”

 

          ในทันทีทันใดนั้น ทุกผู้คนรวมถึงเฉินหยางต่างก็เห็นด้วย มีเพียงฉินฟางและฟางต้าเฉิงที่เงียบ และคนทั้งสี่ก็มองมายังพวกเขา

 

          “ฉินฟาง นายว่าไงล่ะ?”

 

          หากเทียบกับฟางต้าเฉิงที่ดูเหมือนคนบ้านนอก ฉินฟางกลับดูหล่อเหลากว่า หลังจากที่ได้รับ “การเปลี่ยนแปลง” จากถังเฟยเฟยและเซียวมู่เสวี่ย ดังนั้นคนทั้งสี่จึงถามฉินฟางก่อนเป็นอันดับแรก

 

          “ผม...ก็ได้ ไม่มีปัญหา!”

 

          ฉินฟางต้องการปฏิเสธเพราะเขามีธุระต้องทำ แต่เมื่อพิจารณาอีกที นี่คือการพบหน้ากันครั้งแรกของทั้งหกคน เขาจึงตกลงในท้ายที่สุด

 

          “ต้าเฉิง อย่าปฏิเสธเลย ไปด้วยกันเถอะ!”

 

          ไม่เพียงแต่ฉินฟางจะดึงฟางต้าเฉิงที่ต้องการปฏิเสธและชักชวนเขาด้วยความจริงใจ

 

          “แต่...”

 

          ฟางต้าเฉิงนั้นมีเหตุผลที่จะปฏิเสธ และฉินฟางเองก็รู้เรื่องนั้นดี คนที่เหลือเองก็พอจะเดาเหตุผลนั้นได้เช่นกัน

 

          เซี่ยวหนานพลันยืนขึ้น และพูดว่า “วางใจเถอะ ต้าเฉิง! ค่าใช้จ่ายในวันนี้นั้น ฉันจะจ่ายเอง!”

 

          เขาคือคนที่ขับรถBMWมาโรงเรียนในวันนี้ จึงไม่มีปัญหาเรื่องเงิน ทั้งยังมีบุคลิกที่ดี ไม่มีความหยิ่งยโสโอหังเหมือนกับที่เด็กรวยแทบทุกคนเป็นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาทำความคุ้นเคยกับฉินฟางและพวกที่เหลือได้อย่างรวดเร็ว

         

          หลังจากชักชวนฟางต้าเฉิงอย่างยากเย็น ฉินฟางและพวกก็ออกจากหอพัก และตรงไปยังสถานที่พลุกพล่านที่สุดในพื้นที่มหาวิทยาลัย สวนกล้วยไม้...

 

          ชั่วเวลาที่ฉินฟางกำลังออกจากมหาวิทยาลัยขณะกำลังพูดคุยกับกลุ่มอย่างมีความสุขนั้น หลี่เฟิงที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นในการสมัครเข้าเรียน ก็บังเอิญเห็นฉินฟางเข้า หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ หลี่เฟิงก็ขับรถตามฉินฟางไปอย่างช้าๆ ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็โทรศัพท์แล้วพูดอะไรบางอย่าง

 

          เมื่อวางสาย สีหน้าของเขาพลันเย็นชา แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย....

 

 

รีวิวผู้อ่าน