px

เรื่อง : Omni genius
ตอนที่ 67 สกิล[การดื่ม]


ตอนที่ 67 สกิล[การดื่ม]

 

         

          ถนนคนเดินสวนกล้วยไม้

 

          เมื่อมหาวิทยาลัยเปิดแล้ว จากเดิมที่สวนกล้วยไม้นั้นดูอ้างว้างก็เริ่มเนืองแน่นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการเป็นเจ้าภาพของการรวมกลุ่มในครั้งนี้ ฉินฟางนำพวกไปยังโรงแรมที่ดีที่สุดของที่นี่ โรงแรมหนิงชุ่ย

 

          คนในวัยเดียวกันมักจะเข้ากันได้ง่าย และคนกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนดี พวกเขาจึงสนิทสนมกันหลังจากได้พูดคุยหัวเราะสักพัก แม้ว่าจะไม่ถึงจุดที่พวกเขาสาบานเป็นพี่น้อง แต่พวกเขาก็ปฏิบัติต่อกันราวกับเพื่อนสนิท

 

          ทั้งหกคนรีบจัดลำดับพี่น้องอย่างรวดเร็ว ไม่อิงตามอายุ แต่อิงตามหมายเลขเตียงที่ได้รับ เช่นคนแรกสุดที่ได้เตียง ฟางต้าเฉิงก็ได้รับตำแหน่งกลายเป็นพี่ใหญ่ฟาง ส่วนฉินฟางที่ไม่ได้มาก่อนและก็ไม่ได้มาหลังสุด ได้รับตำแหน่งเป็นพี่สี่ฉิน

 

          โรงแรมหนิงชุ่ยเป็นโรงแรมที่ดีที่สุด ราคาย่อมสูงกว่าโรงแรมอื่นๆด้วยเช่นกัน ในทางเทคนิคมันไม่ใช่โรงแรมระดับห้าดาว แต่ในสวนกล้วยไม้มันนับเป็นอันดับหนึ่ง

 

          “ฉันอาศัยอยู่ใกล้สวนกล้วยไม้มาสองเดือนแล้ว ผ่านโรงแรมหนิงชุ่ยเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่เคยลองชิมอาหารของที่นี่เลย โชคดี ที่พวกเรามีพี่รองที่ร่ำรวยมาด้วย!!! ฮ่าฮ่า....วันนี้ฉันจะจัดให้เต็มที่เลย!!!”

 

          เซี่ยวหนานได้รับตำแหน่งพี่รอง ประกอบกับนามสกุลของเขา ทำให้เป็นชื่อที่ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะใส่มัน

 

          ต่อหน้าชื่อที่น่าหัวเราะนั้น เซี่ยวหนานแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงและต้องการการจัดลำดับอิงตามอายุแทนที่ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เมื่อทั้งหกคนบอกวันเกิด เซี่ยวหนานผู้เกิดเดือนตุลาคมคิดว่าจะได้รับตำแหน่งรองลงมา แต่เหตุการณ์อันน่าโศกเศร้าก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะเขาก็ยังคงเป็นพี่รองอยู่เช่นเดิม ดังนั้น เขาจึงได้รับฉายา “พี่รองตัวน้อย”

 

[ในภาษาจีน พี่รองเป็นคำแสลงสำหรับ พี่ชายตัวน้อย เป็นที่รู้กันว่ามันหมายถึงอวัยวะเพศชาย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ต้องโดนเรียกว่า พี่รองตัวน้อย]

 

          โรงแรมหนิงชุ่ย เป็นโรงแรมระดับสูงและมีราคาแพง ลูกค้าก็ไม่เยอะมากเท่าโรงแรมที่ถูกกว่าซึ่งอยู่ใกล้กัน เมื่อกลุ่มของฉินฟางมาถึง ห้องส่วนตัวทั้งหมดล้วนถูกจับจองหมดแล้ว ทั้งหกจึงได้แต่นั่งที่โต๊ะธรรมดา

 

          “ฉันไม่รู้ว่าธุรกิจที่นี่จะดีขนาดนี้...”

 

          ฉินฟางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ นี่เป็นโรงแรมระดับสูง และราคาแพงเกินสำหรับคนทั่วไป ลูกค้าแทบทุกคนที่อยู่ในเขตมหาวิทยาลัยล้วนเป็นนักศึกษา มีไม่มากนักที่สามารถจ่ายราคาแพงได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงแปลกประหลาดอยู่ดี ที่ในวันนี้ไม่มีห้องส่วนตัวหลงเหลืออยู่เลย

 

 

          แต่ก็พอเข้าใจได้ ด้วยโรงเรียนกว่าสิบแห่งและผู้คนกว่าสองหมื่นคน ต่างก็มายังสวนกล้วยไม้ ถึงอย่างไร มันก็เงียบเหงาในช่วงวันหยุด และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉินฟางทำการค้าขายได้ไม่มากในช่วงสามวันแรก เขาจึงรอคอยช่วงเวลาที่โรงเรียนเปิดเทอม

 

          แม้ว่าจะมีลูกค้าอยู่มากมาย แต่ว่าอาหารแต่ละจานล้วนถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ด้วยเวลาเพียงสิบนาที อาหารครึ่งหนึ่งที่พวกเขาสั่งมาก็ยกมาวางที่โต๊ะแล้ว

 

          “ให้พวกเราลองชิมอาหารก่อน ถ้ามันไม่อร่อย พวกเราจะเข้าเมือง”

 

          เซี่ยวหนานรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะเป็นคนง่ายๆ แต่ก็ยังคงเป็นคนร่ำรวย หลังจากที่เคยชินกับการใช้ห้องส่วนตัวเพื่อทานอาหารของโรงแรมระดับสูง นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาต้องออกมาทานด้านนอก โชคดีที่มีคนมากมายให้เขาคุยด้วย แต่เขาก็ยังคงบ่นพึมพำอยู่ดี

 

          “อย่ารังเกียจในสิ่งที่ฉันจะพูดนะ พวกเราจะทานอาหารโดยปราศจากเบียร์ได้อย่างไรกัน? พวกเราพี่น้องล้วนมาจากสถานที่อันห่างไกล แต่กลับได้พบเจอกันเพราะโชคชะตานำพา สำหรับการรวมตัวกันในครั้งแรกนี้ พวกเราต้องดื่ม!!!”

 

          พี่สามเฉินหยางเห็นว่าทุกผู้คนกำลังทานแล้วและเริ่มแสดงความไม่พอใจขึ้นมา

 

          “น้องสาม อย่าเพิ่งรีบไป อันดับแรกต้องทานอาหารเพื่อเติมเต็มกระเพาะก่อน วันนี้เราจะไม่กลับจนกว่าจะเมา!!!”

 

          เซี่ยวหนานกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มโดยพลัน

 

          “ถูกต้อง!!! ห้ามกลับจนกว่าจะเมา!!!”

 

          ที่เหลือต่างพยักหน้าเห็นด้วย ฉินฟางยิ้มแบบขมขื่นในทันที เขามีชื่อเล่นอีกชื่อว่า “ขี้เมาแก้วเดียว” กล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ ไวนขาว ไวน์แดง หรือเบียร์ดำ เพียงแค่แก้วเดียวเท่านั้น เขาจะเมาทันที

 

          ถึงอย่างไร เมื่อได้เห็นทุกคนต่างตื่นเต้นยินดี ฉินฟางก็ไม่ต้องการทำลายบรรยากาศนี้ และเปลี่ยนการบอกปัดเป็น “พี่น้อง ผมดื่มได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นโปรดอย่าโกรธผมในภายหลังนะ....”

 

          เบียร์ถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว จำนวนไม่มากเท่าใดนัก สองกล่อง ทุกคนได้รับเพียงสี่ขวดเท่านั้น ตามคำบอกเล่าของพวกเขา เฉินหยางสามารถดื่มได้ 7-8ขวด และยังเดินได้ตรง ในขณะที่เซี่ยวหนานเองก็ดื่มได้มากเช่นกัน

 

          “เอ้อ รสชาติไม่เลวเลย! ทักษะของเชฟคนนี้เทียบเท่ากับโรงแรมระดับห้าดาวเลยทีเดียว!!!”

 

          เซี่ยวหนานชิมอาหาร และอดที่จะเอ่ยปากชมไม่ได้ ที่จริงเขาไม่ได้คาดหวังกับมันมาก แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะอร่อยเช่นกัน

 

          ที่เหลือต่างก็คว้าตะเกียบแล้วเริ่มทานบ้าง แม้ว่าทุกคนจะมีการรับรสและความคาดหวังที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดล้วนให้ความสำคัญต่อการรับรู้รสชาติอาหารเป็นที่สุด

 

          ยกเว้นฟางต้าเฉิงเท่านั้นที่...

 

          “รสชาติดี แต่น่าเสียดายที่มันมีปริมาณน้อยเกินไป ฉันว่าเราไปทานบะหมี่ของน้องสี่ดีกว่า!!! การบริการของเถ้าแก่เนี้ยทั้งสองก็ดีกว่าการบริการของที่นี่อีกด้วย!!!”

 

          ฟางต้าเฉิงเป็นคนตรง และมีความอยากอาหารที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ฉินฟางรู้อยู่แล้วและรู้ว่าฟางต้าเฉิงให้ความสำคัญกับปริมาณมากกว่ารสชาติของอาหาร

 

          คนอื่นๆกำลังยุ่งกับการทาน และออกความคิดเห็นว่าจานไหนดีกว่าและจานไหนที่แย่กว่า ถึงอย่างไรคำพูดของฟางต้าเฉิงก็ทำให้ทุกผู้คนใบหน้าแข็งค้าง รวมถึงฉินฟางด้วย

 

          “น้องสี่ นายทำงานกับใครนะ?”

 

          เฉินหยางมีปฏิกิริยาไวที่สุด ในเมื่อเขานั่งอยู่ข้างฉินฟาง ก็คว้าตัวฉินฟางแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอันแปลกประหลาด

 

          มีนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยจำนวนมากที่เปิดร้านเป็นของตัวเอง แล้วถ้าฉินฟางจะมีร้านบะหมี่เป็นของตัวเองด้วย ก็ไม่แปลก ถึงอย่างไรสิ่งที่ทำให้พวกเขาสนใจจริงๆก็คือประโยคสุดท้าย ซึ่งมีคำ “เถ้าแก่เนี้ยสองคน”

 

          “เอ่อ....แค่เป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนร่วมชั้นเดียวกันน่ะ”

 

       ข่าวลือเกี่ยวกับร้านของฉินฟางที่ว่ามีเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยสองคนนั้นได้แพร่กระจายไปแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเพื่อนร่วมห้องของเขายังไม่ทราบกัน

 

          “อื้ม! เพื่อนร่วมชั้นสุดสวยถึงสองคน!!!”

 

          ขณะที่ฟางต้าเฉิงกำลังทานอยู่นั้น เขาก็ยืนยันคำพูดของฉินฟาง แม้ว่าจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองก็ตามที...

 

          “สุดสวย!!!”

 

          เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ เหล่าพี่น้องทั้งหลายต่างเบิกตาโต หากเป็นฉินฟางที่พูดออกมา พวกเขาคงไม่เชื่อ แต่นี่เป็นฟางต้าเฉินผู้เป็นคนตรง พวกเขาสามารถเชื่อได้อย่างสนิทใจ

 

          “น้องสี่ นายมีสาวแล้วเหรอ? ทำไมไม่บอกเราพี่น้องล่ะ หรือนายกลัวว่าพวกเราจะแย่งสาวๆมาจากนาย? อย่าห่วงไปเลย! ฉันมั่นใจว่าพวกเราไม่ใช่คนประเภทนั้นแน่นอน!!!”

 

          เฉินหยางตัวใหญ่ยักษ์กอดฉินฟางไว้และพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเขาจะตัวใหญ่และดูโง่เง่าด้วย แต่กลับเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก

 

          *ปึ้ก!*

 

          เซี่ยวหนานไม่พูดไม่จา แต่กลับกระแทกไอโฟนเครื่องใหม่ลงบนโต๊ะ

 

          “หยุดพูดพล่ามได้แล้ว! รีบๆเรียกพวกเธอมา!!! นายไม่อาจมาสนุกโดยทิ้งสองสาวเอาไว้หรอกนะ ถูกต้องไหม?”

 

          “ถูกต้องแล้ว!! พี่สี่ พี่นี่ช่างไม่นึกถึงจิตใจผู้อื่นเลย!!!”

 

          สำหรับน้องห้าและน้องหก พวกเขาเองก็ร่วมผสมโรง ช่วยกันถล่มฉินฟาง

 

          “เปล่านะ... ก็ได้ ผมจะชวนพวกเธอมาก็ได้!!!”

 

          ฉินฟางต้องการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสองสาว แต่เมื่อเห็นว่า “เหล่าพี่น้อง” กำลังกลั่นแกล้งเขาโดยใช้สองสาวมาเกี่ยวข้อง ฉินฟางไม่มีทางเลือกนอกจากโทรหาถังเฟยเฟย

 

          เมื่อโทรหาได้แล้ว ฉินฟางก็อธิบายสถานการณ์ในตอนนี้อย่างง่ายๆและแสดงความต้องการที่จะเชิญชวนหญิงสาวทั้งสองมาที่นี่ พวกเธอเองก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ในโรงแรมหนิงชุ่ย แต่ก็อยู่ในสวนกล้วยไม้ ถึงอย่างไรมันก็ยังไกลอยู่บ้าง เขาจึงปฏิเสธแบบอ้อมๆ

 

          ทว่าก่อนที่เธอจะวางสายไป กลับพูดว่าจะไปหาถ้ามีเวลา

 

          ฉินฟางจึงบอกให้เธอดูแลตัวเองและขอให้สนุกด้วยเช่นกัน พวกเขาทำราวกับกำลังออกเดตกัน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เหล่าพี่น้องกลายร่างเป็นหมาป่าเริ่มผิวปากแซว ทำให้ผู้คนในร้านอาหารต่างมองมาด้วยความสนใจ

 

          “พวกเธอก็มีปาร์ตี้เช่นกัน จึงไม่มา ถ้ามีโอกาสผมจะแนะนำให้พวกนายรู้จักเอง!!!”

 

          ฉินฟางวางสายและพูดราวกับว่ามันเป็น “เรื่องที่ช่วยไม่ได้”

 

          “หึหึ ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา ยังมีโอกาสอีกมากมาย โอกาสอีกมากมายจริงๆ....”

 

          ทั้งกลุ่มต่างรู้สึกผิดหวัง แต่ก็เข้าใจ ทั้งหมดล้วนมองมายังฉินฟางด้วยสายตาร้อนผ่าว ขณะคิดได้ว่า “ฉันก็หล่อเหมือนกันนะ ทำไมถึงไม่มีแฟนสาวสวยๆบ้าง แต่เขากลับมีถึงสองคน...”

 

          “มา! ฉลองให้กับการพบกันของพวกเรา เชียร์ส!!!”

 

          พี่ใหญ่ฟางไม่ใช่คนประเภทรู้วิธีการพูด ดังนั้นเจ้าภาพจึงกลายเป็นพี่รองเซี่ยวหนานแทน เมื่อทุกคนต่างมีแก้วเบียร์อยู่ในมือ ก็เริ่มดื่มกันโดยพลัน

 

          “เชียร์ส!!!”

 

          ทั้งกลุ่มต่างแหงนศีรษะขึ้น แล้วดื่มลงไปรวดเดียวจนหมดแก้ว

 

          เมื่อเห็นเหล่าพี่น้องต่างดื่มกันอย่างรวดเร็ว ฉินฟางได้แต่ถอนหายใจ และทำใจกล้า ในที่สุดก็ดื่มลงไปหนึ่งแก้ว ในใจเขากำลังขบคิดว่า “โชคดียิ่งที่โทรหาถังเฟยเฟย ไม่เช่นนั้นแล้ว ใครจะมาช่วยถ้าผมเมาล่ะ...”

 

          <เรียนรู้สกิล: [การดื่ม] ความชำนาญ: เริ่มต้น, ประสบการณ์ 0% ฉายาเพิ่มเติม: {มือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่โลกแห่งการดื่ม}>

 

          เมื่อวางแก้วลง ความรู้สึกมึนเมายังไม่มาแต่กลับมีเสียงแจ้งเตือนแทนที่

 

 

รีวิวผู้อ่าน