ตอนที่ 82 สกิล <อาวุธมือเดียว>
มองไปที่ปลาสีดำที่หนิงอวี่ม่อทำค้างไว้นั้นฉินฟางไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นี่มันมีคนที่ทำอาหารได้แย่ขนาดนี้อยู่บนโลกด้วยแหะ … นี่เธอเป็นคนที่ทำอาหารได้แย่จนไม่น่าเชื่อเลย…
ถ้าเขาไม่ตรงเข้ามาที่ครัวเพราะได้กลิ่นเหม็นไหม้จากตำแหน่งที่ถังเฟยเฟยชี้นั้น เขาคิดว่าไม่นานทั้งเขา และถังเฟยเฟยคงจะอยู่ในเหตุหายนะเพลิงไหม้แน่นอน …
ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆใครจะรู้ละว่ามันอาจจะเป็นพาดหัวข่าวแบบว่า รักสามเศร้าเคลียร์ปัญหาไม่ลงตัว ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทจนลามไปถึงจุดไฟเผาบ้านวอดทั้งหลัง ศพไม่เหลือแม้แต่ซาก ตัวละครหลักก็เป็นพวกเขาสามคนแหง๋มๆ ….
“ฉินฟาง ….”
ระหว่างที่ฉินฟางกำลังจัดการโยนปลาที่ดำเป็นตอตะโกตรงหน้าลงถังขยะ และเตรียมจะจัดการปลาตัวใหม่ ถังเฟยเฟยก็เดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกล่าวเรียกเขาอย่างนุ่มนวล
“เอ่อ…. พี่เสี่ยวหนิงฝากขอโทษมาน่ะ เธอไม่เคยทอดปลามาก่อนดังนั้น ….”
ถังเฟยเฟยกล่าวด้วยใบหน้ารู้สึกผิด เพราะเมื่อก่อนเธอเคยฟังว่าหนิงอวี่ม่อทำ
อาหารได้ทุกอย่าง รสชาติดีและอร่อยมาก … ดังนั้นเมื่อฉินฟางถามเกี่ยวกับการทำอาหารของหนิงอวี่ม่อ เธอจึงไม่ได้พูดอะไร และอยากให้เขาเซอไพรส์ แต่ผลมันกลับออกมาเป็นเช่นนี้ …
“ไม่เคยทอดปลามาก่อน …?”
ใบหน้าของฉินฟางตอนนี้แทบจะเป็นการบอกบุญไม่รับ นี่มันไม่ใช่แค่ไม่เคยทอดปลามาก่อน หรือทำได้ไม่ดี เขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนจะโยนปลาทิ้งว่า เครื่องในและไส้ปลาเองก็ถูกควักออกไม่หมด นี่ถ้าเสิร์ฟขึ้นมื้ออาหาร มันจะกลายเป็นฝันร้ายดีๆนี่แหละ …
หลังจากหลายใจเข้าลึกๆฉินฟางก็พอจะสงบสติตัวเองลงได้บ้าง …
“เฟยเฟยเธอออกไปข้างนอกเถอะ ไปรออยู่กับหนิงอวี่ม่อนั่นแหละ ตรงนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเอง ..”
“นายจัด .. เอ่อ จัดการมันทั้งหมดไหวนะ … ?”
ถังเฟยเฟยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พร้อมกับความเป็นห่วงฉินฟาง เพราะจากผลงานที่หนิงอวี่ม่อเหลือไว้นี่ มันแทบเรียกได้ว่าเละเทะไม่มีชิ้นดีอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นฉินฟางไม่ตอบและขมวดคิ้ว เธอจึงรีบพูดว่า “โอเค ฉันจะไปรอนาย..”
จากนั้นเธอก็นึกถึงสิ่งที่เธอและฉินฟาง รวมถึงมู่เสวี่ยร่วมหุ้นกันในร้าน ถึงแม้ว่าจะขายแต่ก๋วยเตี๋ยว แต่ฝีมือของฉินฟางนั้นดีมาก จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรสำหรับตรงนี้ เขาก็น่าจะทำอาหารอย่างอื่นได้เช่นกัน พอคิดได้แบบนี้เธอก็ผ่อนคลายลง
หนิงอวี่ม่อ ถูกไล่ออกจากครัวไปแล้ว และฉินฟางก็ให้ถังเฟยเฟยไปคอยคุมเธอไว้ไม่ให้มายุ่มย่ามในครัวอีกแล้ว … ฉินฟางเบาใจไปเยอะมาก …
ฉินฟางเริ่มสังเกตรอบๆครัวและสิ่งของที่หนิงอวี่ม่อเตรียมไว้ ที่ยังปลอดภัยดี ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยหากไม่นับเครื่องครัวที่ไหม้ ทุกอย่างถูกทำความสะอาดอย่างดี และข้างอ่างล้างมือก็มีผักหลายๆอย่างที่ถูกล้างเตรียมไว้แล้ว ดูเหมือนว่าหนิงอวี่ม่อ นั้นจะชอบกินปลา เธอจึงพยายามเตรียมปลาก่อน …
อย่างไรก็ตามปลาที่ฉินฟางโยนลงถังขยะนั้นไม่สามารถเรียกว่า อาหาร หรือปลาทอดได้อีกแล้ว มันดำเป็นตอตะโก แม้ว่าเขาจะเป็นเทพเจ้าผู้รังสรรค์อาหารเขาก็ไม่สามารถรังสรรค์อาหารที่ดีจาก ปลาไหม้ แบบนั้นได้ แต่เขาสามารถใช้เครื่องปรุง ผัก และส่วนผสมอื่นๆที่ยังพอมีทดแทนปลาที่ขาดไปได้ …
เขาเริ่มล้างผักอีกรอบ เขาไม่ไว้ใจอะไรก็ตามที่หนิงอวี่ม่อทำไว้ .. ก่อนจะเริ่มหั่นผัก
“ปั๊ก ! ปั๊ก !”
เสียงที่น่ารื่นรมย์ของการหั่นผักที่ดูเหมือนคนทำอาหารเป็นดังออกมาจากห้องครัว ทำให้ถังเฟยเฟยที่ได้ยินรู้สึกมีความสุขและยิ่งผ่อนคลาย
“เฟยเฟย เธอคิดว่าฉินฟางจะสามารถจัดการทั้งหมดได้หรอ ?”
ได้เสียงตัดผักของฉินฟาง ที่ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หนิงอวี่ม่อก็ยังคงกังวลเล็กน้อยและหันไปถามถังเฟยเฟย เธอเป็นพวกชอบตั้งมาตราฐานของคนตามความคิดของเธอเอง
“ไม่ต้องไปห่วงฉินฟางหรอก ห่วงตัวพี่เองเถอะ ไหนพี่บอกฉันว่าทำอาหารเป็นไง แล้วที่ฉันเข้าไปเจอนั่นอะไร ทอดปลายังไงจนมันดำได้ขนาดนั้น พี่เสี่ยวหนิง ?” ถังเฟยเฟยถามหนิงอวี่ม่อด้วยความโกรธเล็ก เพราะเธอเองก็เสียหน้าเล็กๆที่ชวนฉินฟางมาแต่กลับลงเอยเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ซีเรียสมากมายนักและเริ่มหยอกล้อหนิงอวี่ม่อต่อ ถึงสกิลการทำอาหารของเธอจะแย่อย่างไร แต่เธอก็มั่นใจเลยละว่าไม่ได้แย่ พี่สาวตรงหน้าเธอแน่นอน !!
หนิงอวี่ม่อไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้เธอทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างสิ้นหวัง เพราะผลงานที่เธอทำนั้นเห็นอยู่ตรงหน้า มันไม่มีอะไรที่เธอจะสามารถแก้ตัวได้
ในเวลาไม่นานเสียงหั่นผักก็หยุดลง และจู่ๆห้องครัวก็เงียบราวกับเป่าสาก ราวกับห้องครัวนั้นไม่มีใครอยู่เลย …
“ฮะ ? เสียงทำอาหารจากในครัวไปไหน ทำไมเงียบขนาดนี้ ? หรือว่าเกิดอะไรขึ้น ..?”
หนิงอวี่ม่อรีบพูดขึ้น เธอกำลังรีบหาทางที่จะออกจากสถานการณ์การโดนถังเฟย
เฟยล้อ จึงได้โอกาส
“ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นนะ … ? เอ๊ะ พี่เสี่ยวหนิงปิดสวิตซ์เตาแล้วรึยัง ?”
ถังเฟยเฟยขมวดคิ้ว ก่อนจะคิดถึงไฟเตา เธอจึงถามขึ้น
“เอ่อ ฉันไม่แน่ใจนะ หรือว่าฉันลืม ….”
เมื่อคิดได้ดังนั้นหนิงอวี่ม่อก็กลัวมาก และรีบจะลุกจากโซฟาไปที่ครัวเพื่อช่วยฉินฟาง
แต่เมื่อเธอลุกขึ้นยืนขึ้นมาเสียงทุกอย่างก็กลับมา และเป็นปกติเช่นเดิม ..
“ฟู่วว ฉันกลัวเกือบตาย”
ทั้งถังเฟยเฟยและหนิงอวี่ม่อถอนหายใจ เมื่อได้ยินเสียงดั่งเช่นปกติ …
ในขณะที่ห้องในห้องครัวนั้นมีเหตุผลที่ฉินฟางหยุดมือชั่วคราว ….
<ทักษะที่ได้: [อาวุธมือเดียว], ความเชี่ยวชาญ: ระดับเริ่มต้น, EXP: 0%>
เมื่อฉินฟางกำลังๆค่อยหั่นผักนั้น เสียงเตือนของระบบก็ดังขึ้นซึ่งมันทำให้เขาตื่นเต้นจนหยุดมือไปชั่วครู่ …
<[อาวุธมือเดียว]: ทักษะแบบพาสซีฟ(สกิลติดตัว ออกมาเองอัตโนมัติ ราวๆนี้ครับ) เมื่อมีการใช้อาวุธแบบมือเดียว ค่า EXP จะเพิ่มขึ้นอัตโนมัติ>
ยิ่งเขาสังเกตเห็นรายละเอียดของสกิลนั้นฉินฟางก็ยิ่งยิ้มไม่หุบ
คนที่เคยเล่นเกมมาก่อนจะรู้ว่าสกิลแบบพาสซีฟนั้น สำคัญมากมันช่วยเพิ่มค่าความแข็งแกร่งให้ตัวเองอย่างมาก และเมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่มันพัฒนาข้ามขั้นนั้น ค่า str int agi ของเขา ก็มีสิทธิที่จะเพิ่มขึ้นเองอย่างมหาศาล
“การหั่นนี่มันก็มีประโยชน์แหะ แล้วถ้าเราหั่นมันด้วยสองมือ ละ จะได้สกิล
อย่างอาวุธสองมือ หรือดาบคู่มั่งไหม ?”
ฉินฟางได้แต่คิดหากแต่ว่าไม่ได้ทำจริงๆ เพราะหาก เขาสับผักโดยไม่จับด้วย มีดทั้งสองมือจริงๆ ก็คงพบกับความเละเทะที่ไม่ต่างจากหนิงอวี่ม่อ …
ในขณะที่ข้างนอกกำลังตั้งใจฟังเสียงฉินฟางทำอาหารนั้น ก็ได้เสียง “ฉ่าา” ขึ้นมา พวกเธอก็รู้ว่าฉินฟางเริ่มเอาผักลงกระทะแล้ว ...