px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 137 ภัยร้ายคืบคลาน


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนที่คิดจะทาบทามชิ่งหรูให้มาทำงานกับเขานั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรอื่นเคลือบแฝง มันเป็นเพียงความเป็นห่วงใยต่อนางล้วนๆ เพราะถึงแม้ชิ่งหรูจะนับว่าเป็นสตรีที่งดงาม แต่นางก็นับว่าด้อยกว่าลี่เฟยและเค่อเอ๋ออยู่หลายส่วน หากจะเทียบก็คงเทียบได้กับลี่ฉีฉี เท่านั้น เขาหาได้พิศวาสนางแต่อย่างใด...

ในฐานะอดีตราชันย์ทหารรับจ้าง ต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นคนรู้วิธีตอบแทนคุณคนและกระทำต่อมิตรและศัตรูอย่างดี ถึงแม้ตอนนี้ชิ่งหรูจะเปลือยเปล่ามายั่วยวนหลิงเทียน หากแต่ว่านางไม่ได้มาดีแล้วละก็หลิงเทียนก็สามารถลงมือปลิดชีวิตนางได้โดยที่หางตาไม่กระพริบ

ที่เขาให้สตรีผู้นี้มาทำงานเป็นผู้จัดการ คอยดูแลเรื่องๆเงินของเขา เพราะนางมีนิสัยที่เหมาะสมและแลดูซื่อสัตย์นัก เขาเองก็สามารถไว้วางใจคนที่สามารถเสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อผู้อื่นทั้งที่เป็นการพบกันครั้งแรก เช่นนางให้ดูแลเรื่องพวกนี้ได้อย่างไม่ต้องกังวล

"ฉงเฉวียน เรากลับไปโรงเตี๊ยมแล้วรับพวกท่านแม่มากันเถอะ" หลังจากที่ชิ่งหรูจากไป หลิงเทียนก็ล็อคประตูใหญ่ของบ้านแล้วออกไปข้างนอกกับฉงเฉวียน

เขตที่พักตระกูลต้วน

ในฐานะที่เป็นตระกูลใหญ่ประจำเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภาล่อง แน่นอนว่าพื้นที่ของตระกูลต้วนย่อมกว้างขวางใหญ่โตเป็นอย่างมาก มันกว้างใหญ่กว่าเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งเสียอีก... กล่าวได้ว่าเพียงมีที่ดินและอาณาเขตน้อยกว่าตระกูลประจำราชวงศ์ก็เท่านั้น

ตอนนี้ในลานกว้างขนาดใหญ่ ปรากฏร่างสตรีอ้วนฉุแต่งงานแล้วที่ดูท่าทางจะมีน้ำหนักราวๆ 300 ปอนด์กำลัง ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของต้วนหรงอยู่ ดวงตาคู่เล็กๆของนางฉายประกายอาฆาตชั่วร้ายออกมา "หลานหรง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นผู้ใดที่บังอาจทำร้ายเจ้าเช่นนี้?"

ต้วนหรงทำได้เพียงส่ายหน้าออกมางึกๆ "ท่านป้า ข้าก็ไม่รู้!"

"เจ้าไม่ต้องกังวล ป้าคนนี้จะแก้แค้นให้เจ้าเอง!" น้ำเสียงยะเยือกของสตรีอ้วนฉุเปล่งออกมาอย่างพยาบาท

"ผู้หลาน ขอขอบคุณท่านป้าอย่างยิ่ง!" ต้วนหรงยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข นี่เป็นเพราะเขารู้ความสามารถและอำนาจของป้าคนนี้ดี

แม้ว่าลุงของเขาที่เป็นสามีของท่านป้าจะมีสายเลือดรองทั้งยังถูกใครคนหนึ่ง ทำลายจุดตันเถียนอันเป็นแหล่งกำเนิดพลังจนพิการ แต่เขาก็สามารถทำงานและดูแลเรื่องกิจการของตระกูลต้วนได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ตระกูลต้วนมั่งคั่งขึ้นมากมายมหาศาล นั่นทำให้สถานะของเขาในตระกูลนั้นเพียงต่ำกว่าประมุขและผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สำคัญลุงคนนั้นกลับเชื่อฟังท่านป้าเป็นที่สุด...

สตรีอ้วนฉุมองไปยังต้วนหรง ก่อนที่จะกล่าวออกมา "เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้าบอกลุงเจ้าให้ไปซื้อบ้านเดี่ยวพร้อมลานกว้างเอาไว้ให้แล้ว เดี๋ยวเจ้าก็ย้ายเข้าไปได้เลย เจ้าเพียงต้องมุ่งมั่นและตั้งใจทำผลงานให้ดีในยามที่อยู่สถาบันบ่มเพาะขุนพล ทั้งตระกูลต้วนได้รับ เทียบเชิญอภิสิทธิ์ มาเพียง 5 เทียบเท่านั้น และลุงของเจ้าก็นำมันมายกมันให้เจ้า 1 สิทธิ์ เจ้าก็อย่าได้ทำให้เขาต้องเสียหน้าล่ะ "

"ท่านป้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านป้าและท่านลุงต้องผิดหวังอย่างแน่นอน" ต้วนหรงพยักหน้ารับคำอย่างจริงจังก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป

หลังจากที่ต้วนหรงเดินจากไปแล้ว สตรีอ้วนฉุพลันลุกขึ้นด้วยความยากลำบากก่อนที่จะเดินแบกก้อนเนื้อขนาด 300 ปอนด์ของนางเดินกลับไปอย่างช้าๆ ทุกก้าวที่เดินบังเกิดภาพไขมันกระเพื่อมอัปลักษณ์นัก ...

เหนือขึ้นไปของที่พักตระกูลต้วนยังคงเป็นเขตที่มีอาคารก่อสร้างดูหรูหราและสงบเงียบอย่างยิ่ง เกวียนหลังหนึ่งควบขับมาเตรียมเข้าประตูหน้า ของสถานที่แห่งหนึ่งทีแลดูมีกลิ่นอายสูงศักดิ์

"ผู้ใด หยุดแล้วแจ้งนามออกมา!?" ทหารที่เฝ้าประตู 4 คนหยุดยั้งรถเกวียนเอาไว้ไมให้เข้าไปโดยพลการ

"อาศัยพวกเจ้า กล้าที่จะหยุดเรานายหญิงน้อย ? เบิ่งตาของพวกเจ้าแล้วดูเสียให้ชัดว่าข้าเป็นผู้ใด!" สตรีชุดแดงพลันฉุนเฉียวขึ้นมาในขณะที่จ้องมองเหล่าหทารอย่างไม่สบอารมณ์ มือของนางพลันคว้าจับแส้สีดำ แล้วฟาดหวดออกไปอย่างอำมหิต

ใบหน้าของทหารที่กล่าวถามบังเกิดรอยแดงทั้งสีหน้ายังเริ่มเปลี่ยนเป็นซีดขาว เมื่อจดจำได้ว่าผู้มาเป็นใคร... "นายหญิงน้อยลี่เองหรอกหรือขอรับ!! ขออภัยที่ผู้ต่ำต้อยจดจำไม่ได้ ได้โปรดท่านนายหญิงน้อยให้อภัยข้าน้อยด้วยขอรับ!"

นายหญิงน้อยลี่?

ท่าทางของทหารอีก 3 คนเองก็เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด พวกมันรีบวิ่งเข้ามาทำความเคารพทันที

พวกมันทั้งหมดย่อมจดจำนางได้อย่างดี ในฐานะเด็กปีศาจที่นิสัยอันธพาลไม่ไว้หน้าผู้คน อันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับองค์ชาย 5 บุตรีของผู้ว่าการมณฑลตะวันฉาย ถงลี่...ทั้งพวกมันยังเคยโดนฤทธิ์เดชของนางมาแล้วกันถ้วนหน้า

"ให้อภัยพวกเจ้า? ฝันไปเถิด! ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าให้รู้ระเบียบและมารยาทแทน พี่ชายของข้าเอง" ถงลี่แน่นอนว่าย่อมไม่เลิกราโดยง่าย นางยกมือขึ้นพร้อมกระชับแส้สีดำที่ถืออยู่ในมือ ก่อนที่จะแกว่งไกวคล้ายอสรพิษพุ่งไปฟาดทุบตีทำร้ายเหล่าทหารทั้ง 4 คนอย่างอำมหิต

เพียะ ! เพียะ ! เพียะ ! เพียะ ! เพียะ !

...

แม้ว่ายามนี้เนื้อตัวของทหารทั้ง 4 คนจะแตกออกอย่างเลอะเลือนจนน่าสงสาร โลหิตหลั่งไหลจนเป็นแอ่งเจิงนอง ทว่าพวกเขายังคงเงียบสงบไม่สงเสียงร้องโอดครวญมาแม้แต่น้อย นี่เพราะพวกเขารู้ดีหากส่งเสียงใดๆออกมา จะพบเจอเรื่องราวร้ายแรงกว่านี้

“ฮึ่ม! ทีหลังก็จดจำเรานายหญิงน้อยเอาไว้ให้ดี ยายหวังไปหาพี่ชายกันเถิด” หลังจากที่ได้ระบายความโกรธออกไปบ้างแล้ว ถงลี่ก็เก็บแส้และสั่งให้สารถีควบเกวียนเข้าไปในเขตที่พัก

ใบหน้าของทหารทั้ง 4 คนยามนี้ซีดเซียวเพราะเสียเลือดมาก เมื่อเกวียนลับตาไป พวกมันก็โอดครวญพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ใบหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและรังเกียจอย่างถึงขีดสุด

"ข้าไม่คิดเลย ว่าขนาดผ่านไปแล้วหลายปี อารมณ์ร้ายของถงลี่นั่นจะไม่แปรเปลี่ยนไปสักนิด"

"ข้าว่าไม่ใช่เพียงไม่เปลี่ยน แต่มันยิ่งเลวร้ายมากขึ้นด้วยซ้ำ ... ข้ายังจำได้ดีครั้งแรกที่นางมาที่นี่วันนั้นเมื่อ 3 ปีก่อน ผมบนศีรษะข้าถูกเผาด้วยมือของนางไปครึ่งหนึ่ง"

“เจ้ายังดี ของข้าสิเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนที่นางยังเป็นเด็กตัวเล็กๆไม่รู้ความอะไร แต่นางกลับแอบเข้าไปในห้องของข้า พร้อมทั้งนำงูที่มีพิษร้ายแรงใส่ลงไปในถังอาบน้ำของข้า หากองค์ชาย 5 ไม่ยินดีสละยาแก้พิษให้ ป่านนี้ข้าตกตายไปแล้ว"

"ปีศาจน้อยนี่กลับมาครั้งนี้ เกรงว่าวังนี้คงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีกไม่น้อย"

ทหารทั้ง 4 ที่มีหน้าที่เฝ้าประตูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อนึกถึงเรื่องร้ายๆในอดีตที่ถงลี่กระทำ

ในเขตที่พักหรูหรา บริเวณสวนแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับงดงาม มีชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปีรแลดูสุภาพสูงส่งกำลังนั่งอยู่ที่เก๋งพร้อมทั้งจิบชาหอมกรุ่นเลิศรสอย่างสบายอารมณ์ ด้านหลังของเขามีชายชราคนหนึ่งยืนเฝ้าเอาไว้

"พี่ชายค้า" ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งที่ดังเจื้อยแจ้วขึ้นจากที่ไกลๆ ทำให้คิ้วของชายหนุ่มพลันโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ความรักและความอ่อนโยนจะฉายชัดขึ้นมาบนใบหน้าของเขา

ส่วนมุมปากของชายชราชุดขาวที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย และท่าทางของเขาก็ไม่สงบเหมือนดั่งปกติ

ไม่นานหลังจากนั้น ถงลี่ก็มาถึงเก๋งของชายหนุ่ม ซ้ำนางยังร้องไห้ฟูมฟายน้ำตาหลั่งไหลเป็นสายฝนเข้ามาอีกด้วย "ท่านพี่เจ้าคะ ท่านต้องแก้แค้นให้น้องนะเจ้าคะ... "

ชายหนุ่มที่แลดูสุภาพนี้แน่นอนว่าย่อมเป็นองค์ชาย 5 ของอาณาจักรนภาล่องนี่เอง เมื่อได้ยินคำกล่าวของถงลี่เขาเองก็พลันสงสัยขึ้นมาทันที ว่าผู้ใดกันที่บังอาจมารังแกน้องสาวตัวน้อยของเขาได้ “ลี่ เกิดอะไรขึ้น ใครกล้ารังแกน้องพี่กัน”

"ฮืออออออ... ."ถงลี่พลันพุ่งเข้าไปร้องห่มร้องไห้ซบอกองค์ชาย 5 เพราะสำหรับนางแล้วอ้อมอกของพี่ชายเป็นที่ๆ ปลอดภัยและอบอุ่นที่สุดของนาง

"ยายหวัง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?" เมื่อองค์ชาย 5มองไปยังหญิงชราที่ติดตาม ถงลี่มา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักความอ่อนโยน พลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความสูงส่ง นี่คือใบหน้าและท่าทางของผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่อย่างแท้จริง มันมีสภาวะของเจ้าชีวิตแฝงอยู่จนทำให้สามัญชนไร้ยศถาบังเกิดความครั่นคร้าม หญิงชรารีบก้มหน้าลงไม่อาจสบสายตา

หญิงชรารีบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเหลาอาหารออกมาโดยพลัน "องค์ชาย 5 เจ้าคะ นี่เป็นเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นในเหลาอหารไม่กี่ชั่วยามก่อน ข้ากับนายหญิงน้อย... "

ปัง!! ครืนนน!!

ฝ่ามือขององค์ชาย 5 พลันฟาดลงไปบนโต๊ะศิลาแกร่งอย่างแรงด้วยโทสะ พลังงานต้นกำเนิดเองก็ปะทุออกมาจนป่นทำลายศิลาแกร่งราคานับหมื่นเหรียญทองเป็นผุยผงในพริบตา "เจ้าว่าไงนะ ไอบัดซบนั่นกล้าตบหน้าลี่ถึงหลายครั้ง?"

"จะ..เจ้าค่ะ" หญิงชรารีบก้มหัวลงต่ำทันที

ถงลี่พลันเงยหน้าขึ้นมากล่าวทั้งน้ำตา "ท่านพี่ดูนี่สิเจ้าคะ ขนาดข้ากินโอสถกายเยือกเย็นไปเป็นเวลาหลายชั่วยามแล้ว แต่บาดแผลยังหายไม่สนิทเลยเจ้าค่ะ ข้าเจ็บเหลือเกิน"

เมื่อองค์ชาย 5สังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของถงลี่ ประกายตาของเขาพลันวูบวาบขึ้นมาอย่างดุร้าย!

โอสถกายเยือกเย็นเป็นโอสถระดับ 7 ที่มีสรรพคุณในการรักษาบาดแผลภายนอก และฟื้นฟูผิวที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก ผลของมันเรียกได้ว่าอัศจรรย์

แต่นางได้ใช้โอสถกายเยือกเย็นไปแล้วตั้งแต่หลายชั่วยามก่อน ทว่ามันยังไม่หายดี แถมหลงเหลือรอยช้ำเอาไว้ถึงเพียงนี้ ... เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าบาดแผลของนางก่อนหน้าร้ายแรงขนาดไหน!

"ไอบัดซบนั่นมันเป็นใคร?" อารมณ์สงบและเยือกเย็นขององค์ชาย 5 มลายหายไป เหลือเพียงโทสะและความอาฆาตที่น่าพรั่นพรึง

สายตาเย็นชาของเขากวาดมาทางหญิงชรา จนทำให้นางหน้าซีดลงไม่น้อย "องค์ชาย 5 ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่ที่ข้าทราบคือ ชายหนุ่มที่ลงมือสวมชุดสีม่วง อายุประมาณ 17 ปี ผู้ติดตามมันเป้ฯชายวัยกลางคน มีระดับบ่มเพาะ กำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 และสตรีสวมผ้าคลุมอีก 2 คนอายุประมาณ 20 ปี "

องค์ชาย 5 สูดหายใจเข้าลึกๆ "ผู้เฒ่าไป๋!"

"ไป๋เม่ย อยู่" ชายชราชุดขาวเดินไปข้างหน้าองค์ชาย 5 ก่อนที่จำทำความเคารพ

"ไปสืบเรื่องนี้มา ข้าอยากเห็นหัวคนที่กล้าทำร้ายน้องสาวของข้า!" องค์ชาย 5 ออกคำสั่งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร

เขาเกิดมาในตระกูลเชื้อพระวงศ์ถึงแม้เขาจะมีพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันมากมาย แต่ทว่าพวกมันล้วนเป็นพี่น้องต่างมารดาทั้งสิ้น เขาจังไม่อาจไว้ใจและสนิทกับใครได้มากมายนัก เฉพาะน้องสาวตัวน้อยคนนี้ ที่เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องเท่านั้น ที่ไม่มีสิทธิ์และคิดแย่งชิงบัลลังก์หรือคอยหาโอกาสทำร้ายเขา ถึงจะทำให้เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เขาจึงเอ็นดูน้องสาวตัวน้อยคนนี้อย่างมาก

"ท่านพี่ ข้าอยากให้ท่านจับมันมาเป็นๆ น้องอยากฆ่ามันด้วยมือของน้อง!" น้ำเสียงของถงลี่เต็มไปด้วยความเย็นชาและจิตสังหาร

....

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนผู้ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรแม้แต่น้อย...ว่าการมาเยือนเมืองหลวงวันแรกเขาก็ก่อเรื่องใหญ่ถึง 2 เรื่องเสียแล้ว ตอนนี้เขากำลังนั่งเกวียนอย่างสบายพร้อมทั้งสนทนากับสตรีทั้ง 3ในระหว่างเดินทางไปยังบ้านที่พึ่งซื้อ ...

"ตัวเลวร้าย เหตุใดเจ้าถึงขายอาชาเหงื่อโลหิตไปเสียเล่า?" ลี่เฟยกล่าวถามออกมาด้วยความอยากรู้

"ตอนนี้ข้าไม่ค่อยมีเงินทุนสักเท่าไร ข้าจึงขายพวกมันออกไปก่อน เพราะจะอย่างไรยามอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้พวกเราก็คงไม่ได้ใช้งานอะไร หากในอนาคตอยากใช้เมื่อไหร่พวกเราค่อยซื้อใหม่ก็ได้" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาคร่าวๆ

เขาเสียเงินซื้อบ้านไป 8,000,000 เหรียญเงิน นั่นเท่ากับทำให้เขาเหลือเงินอยู่ 2,000,000 เหรียญเงิน แล้วก็การขายอาชาเหงื่อโลหิตไปอีก 3 ตัว ทำให้เขาได้เงินเพิ่มมาอีก 3,000,000 เหรียญเงิน ทำให้เบ็ดเสร็จแล้วตอนนี้เขามีเงินอยู่ 5,000,000 เหรียญเงิน

ไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องใช้อาชาเหงื่อโลหิตในเมืองหลวงอีกต่อไป เช่นนั้นเขาจึงขายพวกมันและหันมาใช้ม้าธรรมดา

"นายน้อยเจ้าคะ แล้วเรื่องราวที่ท่านบอกว่าจะให้พวกเราประหลาดใจคืออันใดหรือเจ้าคะ?" ดวงตากลมใสของเค่อเอ๋อกระพริบเล็กน้อย ในขณะที่กล่าวถามออกมาด้วยความอยากรู้

ต้วนหลิงเทียนเพียงส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม "ถ้าข้าบอกเจ้าตอนนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดใจแล้วน่ะสิ"

"ฮึ ทำเป็นลึกลับ ผู้ใดอยากรู้กัน" ลี่เฟยค้อนออกมา แม้ปากนางจะพูดอย่างนั้น แต่แววตาและท่าทางของนางก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างปิดไม่มิด

และในที่สุดเกวียนก็หยุดลง

"นายท่านพวกเรามาถึงแล้วขอรับ" เสียงของฉงเฉวียนดังขึ้น

เมื่อสตรีทั้ง 3 เห็นต้วนหลิงเทียนเดินไปเปิดประตูบานใหญ่ พวกนางพลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึง

“ลูกเทียน ... นี่เป็นบ้านที่เจ้าซื้อหรือ?” ลี่หลัวถามด้วยความประหลาดใจ

หลายปีที่แล้วลี่หลัวเองก็อาศัยอยู่ในเมืองชั้นในของเมืองหลวงแห่งนี้ และนางยังใช้เวลาไม่น้อยในการอาศัยอยู่ที่นี่ เช่นนั้นนางเองก็ย่อมรู้ดีว่าที่ดินในเมืองชั้นในเช่นนี้มีราคาสูงถึงขนาดไหน บ้านเดี่ยวพร้อมลานกว้างเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นบ้านที่ไม่ได้มีของตกแต่งอะไรเลยก็ตาม แต่มูลค่าของมันอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีถึง 7,000,000 – 8,000,000 เหรียญเงินแล้ว

"ฮ่าๆ พวกท่านประหลาดใจกันแล้วสิ?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา

สตรีทั้ง 3 ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างอึ้งๆ ก่อนที่จะเดินตามต้วนหลิงเทียนเข้าไปในบ้าน บ้านหลังนี้นับว่าสร้างความประหลาดใจให้พวกนางอย่างแท้จริง!

ฉงเฉวียนนำเกวียนไปจอด ก่อนที่จะลงกลอนประตูหลัก

"ตัวเลวร้าย บ้านเดี่ยวพร้อมลานกว้างเช่นนี้ มีราคาสูงมากใช่หรือไม่?" ลี่เฟยที่เริ่มหายตกใจ กล่าวถามออกมาอย่างใคร่รู้

"ไม่ต้องไปคิดมากหรอกราคาเท่านี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ว่าแต่เจ้าชอบไหมเล่า อาคารด้านขวานี้จะเป็นตัวตึกหลัก มี ห้องพักใหญ่ๆ 7 ห้อง ซ้ำยังมีทางเชื่อมไปยังลานกว้างด้านหลัง ส่วนอาคารด้านซ้ายนี่เป็นตึกรองมีห้องพักเล็กๆ ประมาณ 20 กว่าห้อง ข้าคิดที่จะให้เหล่าคนรับใช้ คนครัว และผู้จัดการอาศัยอยู่ตึกนี้" ต้วนหลิงเทียนค่อยๆแจกแจกออกมาคร่าวๆ

ไม่นานหลังจากนั้น ลี่หลัวเองก็ถูกเค่อเอ๋อและลี่เฟยลากไปดูห้องหับกันอย่างสนุกสนาน พวกนางรู้สุกตื่นเต้นอย่างมาก เพราะจากวันนี้เป็นต้นไปบ้านหลังนี้พวกนางจะเป็นเจ้าของๆมัน

ก๊อกๆ ! ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

ภายใต้คำสั่งของหลิงเทียน ฉงเฉวียนก็เดินไปที่ประตูแล้วกล่าวถามออกมา “ผู้ใด”

"ข้าเอง" น้ำสียงของสตรีที่แลดูกังวลไม่น้อยดังขึ้นจากด้านนอก

"เปิดประตู" ต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำน้ำเสียงนี้ได้ นี่เป็นน้ำเสียงของว่าที่ผู้จัดการบ้าน ที่เขาคิดจ้าง

แต่เพราะอะไรน้ำเสียงของนางจึงฟังดูกังวลนัก?

รีวิวผู้อ่าน