บทที่ 265 : ช่างทรงพลัง..แต่ก็เพลียใจ
"ชิคกี้ แกนั่งรออยู่ในนั้นไปก่อนนะ ขอพี่เรียบเรียบความคิดอะไรก่อนแป๊บนึง" หลินฟ่านที่รู้ว่าตอนนี้ชิคกี้ปลอดภัยก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตัวเขาดีใจอย่างถึงที่สุดที่ไม่ได้เสียมันไป ...ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นภายในมิติหลอมกลั่นสวรรค์และโลกนั้น ก็ทำให้หลินฟ่านอึ้งไปไม่น้อย!
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา! แต่ร่างกายของเขาก็มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นก่อนที่เขาจะทำอะไรเขาต้องตรวจสอบร่างกายเขาให้ละเอียดเสียก่อน!
เมื่อเริ่มตรวจสอบตอนแรกหลินฟ่านก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เพราะในแง่ระดับบ่มเพาะแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยน ตัวเขายังอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม
และนี่ก็นับว่าแปลกนัก ถ้าระดับบ่มเพาะของเขาไม่ได้พุ่งพรวดพราด แล้วเพราะอะไรกัน? ที่แค่เพียงเขาขยับมือมันถึงขั้นฉีกกระชากห้วงอากาศได้ง่ายดายอย่างนี้
"หื้ม ... ?" ในขณะที่หลินฟ่านกำลังตรวจสอบตัวเองอยู่นั้น เขาก็พลันตระหนักได้ถึงความแตกต่างของ...โลหิตที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเขา! เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้ทั่วทั้งร่างกายของเขากำลังรวบรวมสั่งสมพลังงานที่แท้จริงจากพลังงานฟ้าดินที่อยู่ไปทั่วในโลกและสวรรค์อย่างต่อเนื่อง ซ้ำมันยังสั่งสมอย่างอัตโนมัติอีกด้วย นอกจากนั้นเลือดแต่ละหยดที่ไหลเวียนในร่างของเขาดูเหมือนมันจะมีโลกของพวกมันเอง แต่ทว่าทุกอย่างมันยังคลุมเครือและเขาเองก็ไม่อาจทำความเข้าใจมันได้กระจ่างสักเท่าไร
ทันใดนั้นเองรูขุมขนของเขาพลันเปิดออก ก่อนที่จะดูดซับพลังงานที่แท้จริงเข้ามาในร่างของเขา
'ติ๊ง!!...EXP+10,000'
ฟลินฟ่านพลันตกตะลึงอ้าปากค้าง เรื่องนี้มันทำให้เขาตกใจแทบฉี่เล็ด ‘เชี่ยไรวะเนี่ย? ทำไมพี่ประมุขถึงได้ค่า EXP โดยที่ยังไม่ได้กินยาหรือฆ่ามอนอะไรเลยวะ!?’
ถึงแม้จะเป็นตัวตนระดับสวรรค์อมตะ หากคิดเพิ่มพูนพลังงาน ก็จำเป็นต้องโคจรพลังและใช้จิตสำนึกควบรวมพลังงานที่อยู่รอบๆ ก่อนที่จะดูดซับเข้าไป... แต่นี่อยู่ๆ ค่า EXP ของเขาก็เด้งขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ แบบนี้มันแทบไม่ต่างอะไรกับ กับเปิดบอท*ในเกมส์คอมพิวเตอร์สมัยก่อนด้วยซ้ำ? นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ๆร่างกายของเขามันกลับกลายเป็นยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้? (*บอท = โปรแกรมช่วยเล่น )
หลินฟ่านนั้นประทับใจกับความสามารถใหม่นี้อย่างถึงขีดสุด ...ดูเหมือนชีวิตเส้นทางชีวิตหลังจากนี้ของเขาคงเสมือนมีพรมแดงปูไว้ให้เดินนุ่มเท้าแล้ว!
และตอนนี้เองเมื่อหลินฟ่านเริ่มสำรวจมือขวาของเขาอย่างละเอียด สองตาของเขาก็แทบถลนออกจากเบ้า! อยู่ดีๆ ทำไมแขนขวาของเขาถึงมีเกล็ดคล้ายแขนของกิเลนกัน!!
ทันใดนั้นเองมือ ไม่สิทั้งแขนขวาของเขาก็เปล่งประกายสีแดงเรืองรองออกมา
'นี่มันเชี่ยอะไรวะเนี่ยยยย นี่มันไอแขนเปรตนั่นนี่หว่า! หลินฟ่านตกตะลึงพรึงเพริด เขาจำเกล็ดกับลักษณะมือได้ดี ถึงแม้มันจะแลคล้ายมนุษย์ทว่าหากสังเกตให้ดีจะพบเกล็ดเล็กๆแข็งแกร่ง และมันย่อมเป็นแขนข้างเดียวกับที่เขาแลกชีวิตหลอมสลายไปในเหลอมกลั่นสวรรค์และโลกแน่นอน! คำถามคือ ทำไมมันมาอยู่บนร่างของเขาได้?
หลินฟ่านเปิดแผงควบคุมของระบบทันที ก่อนที่เขาจะตรวจสอบหน้าต่างสถานะและตรวจดูคำอธิบายๆต่างๆ ...ในที่สุดเขาก็พบข้อมูลของมัน
'แขนผู้อมตะ: แหล่งกำเนิดไม่ปรากฏ อยู่ยงคงกระพันชั่วฟ้าดินสลาย สถานะ : ได้รับความเสียหาย'
'แขนผู้อมตะงั้นเหรอ?' หลินฟ่านพลันยกมือขวาขึ้นมาลูบคางโดยไม่รู้ตัวเพราะกำลังครุ่นคิด แต่สองตาก็เบิกกว้างขึ้น! เขารีบหยุดมือขวา ก่อนที่จะวางมันลงทันที เพราะเขากลัวจะระเบิดคางตัวเองจนเหี้ยน เหมือนตอนที่เขาขยับมือไปมาแล้วมันฉีกกระชากห้วงอากาศว่างเปล่า
“เหอะ! ดูเหมือนไอแขนเปรตนี่จะรู้งานไม่น้อย พอสู้ไม่ได้มันก็เลือกยอมแพ้และยอมมอบตัวแต่โดยดี” หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หลินฟ่านยังไม่อาจปรับตัวรับแขนที่พึ่งหลอมรวมมาใหม่นี้ได้ เขายังคงต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อควบคุมระดับพลังงานและแรงต่างๆ
หลังจากนั้นครู่หนึ่งหลินฟ่านก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอีกจุด... เขาพบว่าแผ่นหลังของเขามันรู้สึกคันคะเยอแปลกๆ...
‘ชิบหาย ไม่ได้อาบน้ำมาเป็นวันแล้วนี่หว่า... แต่เราพึ่งถูกหลอมจนร่างสลาย ไม่น่าจะใช้ขี้กลากนะ...แล้วมันคืออะไรหว่า’ หลินฟ่านคิดไปคิดมาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ เขาจึงพยายามเอื้อมมือไป ลูบๆด้านหลัง และเขาก็พบว่ามันมีอะไรแปลกๆ ที่ต่างออกไป
แต่สำหรับคนที่มีระบบอย่างหลินฟ่าน ไม่มีอะไรที่จะเล็ดรอดความอยากรู้อยากเห็นเขาไปได้ ในที่สุด เพราะระบบก็ทำให้เขาพบกับเรื่องผิดปกตินี้เช่นกัน
'คัมภีร์สวรรค์และโลก: อักษรชุดแรก ที่ปรากฏขึ้นระหว่างโลกและสวรรค์ ทรงพลังอำนาจไร้สิ้นสุด สถานะ : ได้รับความเสียหาย'
...
‘เอ๊า เชี่ยไรเนี่ย !? ทำไมอะไรๆ แม่งเจ๊งหมดเลยวะ? แต่ว่าถึงไอคัมภีร์สวรรค์และโลกนี่จะได้รับความเสียหายอยู่ มันก็ยังคงมีประโยชน์อยู่บ้างเหมือนไอแขนนี่ ใช่ไหม?’ หลินฟ่านครุ่นคิด
“กุ๊กกุ๊กกู!” ชิคกี้ที่ยังอยู่ในห้วงแห่งนิพพาน พลันร้องครางครวญออกมาอีกครั้ง
เมื่อมันต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายที่หลินฟ่านปล่อยมันติดแหง็กอยู่ในเปลือกโดยไม่สนใจใยดี ทำให้ตัวมันไม่พอใจอย่างมาก ...พอคิดว่าตัวมันนั้นได้อุตส่าห์สู้ตาย ถวายชีวิตเพื่อปกป้องหลินฟ่านแท้ๆ แต่ตอนนี้หลังจากที่มันทำไปถึงขนาดนี้! หลินฟ่านยังไม่สนใจมัน ... เขาทำได้ยังไง? น้อยใจแล้วนะ!!
“โอ๋ๆๆ ไม่เอาหน่าชิคกี้ ใจเย็นๆก่อนนะ ออเจ้านั่งพักผ่อนไปก่อนมิดีหรือ? ให้พี่ตรวจสอบอะไรๆ ให้มันกระจ่างก่อน อีกแป๊บนึง” เมื่อได้ยินเสียงเจ้าชิคกี้ร้องโวยวายประท้วงจากในเปลือก หลินฟ่านก็ตะโกนกล่าวปลอบออกมา ก่อนที่จะจมอยู่กับตัวเอง...ติดอยู่กับเรื่องก่อนหน้า อีกครั้ง
‘คัมภีร์สวรรค์และโลกอะไรนี่มันน่าจะมีวิธีใช้สักอย่าง และคงจะมีความสำคัญไม่น้อย แต่แค่เรายังใช้ไม่เป็นเท่านั้น ... เอาล่ะเรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ ยังไงเราก็ต้องพยายามควบคุมมือขวาข้างนี้ให้มันคล่องแคล่วซะก่อน’
หากเขาสามารถทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่ขยับมือขวา...เขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร ...เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ซ้ำยังถนัดขวา ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรไปตอนทำ ‘สิ่งนั้น’ ไม่แย่หรือ?
เพื่อให้หลินฟ่านน้อยไม่พบชะตากรรมโหดร้ายหลินฟ่านจึงตั้งจิตสมาธิ เพ่งพินิจไปยังวิญญาณและจิตวิญญาณของเขา เพื่อควบคุมรักษาเสถียรภาพของพลังงานที่แท้จริงให้คงที่ ก่อนที่จะเริ่มขยับมือขวาขึ้นมาเบาๆ
เปรี๊ยะ!!
หลินฟ่านอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แค่เขายกมือเบาๆตอนนี้อากาศที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าพลันถูกฉีกกระชากอีกครั้ง ... นี่หากไม่ใช่ความจริงที่ว่า สวรรค์ และอากาศที่ว่างเปล่ารวมทั้งมิติ สามารถรักษาตัวเองให้กลับมามีเสถียรภาพได้ หลินฟ่านคงทำให้โลกล่มสลาย ชั้นฟ้าพลังทลายก่อนที่จะควบคุมแขนข้างนี้ได้!
หลังจากนั้นหลินฟ่านก็พยายามสรรหาวิธีต่างๆ ทดลองควบคุมพลังงานในแขนข้างนี้
เปรี๊ยงงงง!!
บรึมมมมม!!
เปรี๊ยะ!!
...
ราวกับอากาศว่างเปล่าและมิติถูกฉีกกระชากได้ง่ายดายดั่งทิชชู่เปียกน้ำอย่างไรอย่างนั้น! มันปริแตก ระเบิด ฉีกขาดไม่หยุดหย่อน ...ทว่าเมื่อเวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ หลินฟ่านก็ค่อยๆทำความเข้าใจมันได้อย่างช้าๆ...
แขนข้างนี้มันพึ่งหลอมรวมเข้ากับร่างของเขา ทำให้ตอนนี้ยังไม่ชินสักเท่าไร จึงไม่อาจควบคุมมันได้อย่างละเอียด แต่นี่ก็นับเป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น... เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก สุดท้ายเดี๋ยวเขาก็สามารถควบคุมมันได้ดั่งใจคิด
เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้หลินฟ่านก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่สิ่งที่หลินฟ่านยังคงประหลาดใจไม่หายก็คือ เรื่องที่กายปีศาจนิรันดร์ ได้พัฒนาไปเป็น กายอมตะนิรันดร์!
ใจของหลินฟ่านหวนนึกย้อนกลับไปในช่วงเวลาสุดท้ายที่จำความได้ ...ที่เขายังมีชีวิตรอดอยู่นี่ใช่เป็นเพราะว่ากายปีศาจนิรันดร์ มันได้พัฒนาไปเป็นกายอมตะนิรันดร์รึเปล่า?
ในบางครั้งหลินฟ่านก็อดมโนไปไม่ได้ว่า นี่ตัวเขาเป็นพระเอกของโลกใบนี้หรือเปล่า? ตอนนี้ตัวเขาได้พานพบเหตุการณ์แปลกๆ และก็สถานการณ์ล่อแหลมที่ดูแล้วสมควรตายนับครั้งไม่ถ้วน ...แต่สุดท้ายจนแล้วจนรอด เขาก็รอดมาได้แบบอึนๆงงๆ ราวกับปาฏิหาริย์.... นี่มันคล้ายกับ พระเอกอ่อนด๋อย เยื้องย่างกล้ำกรายเข้าไปยังพื้นที่สุดโหด ท้าทาย BOSS ใหญ่ไร้เทียมทาน แต่ทว่าบังเกิดเหตุการณ์พบพานปาฏิหาริย์ จนทำให้ BOSS ใหญ่สิ้นท่าอย่างน่าอนาถเพราะเรื่องโง่ๆ และแล้วพระเอกอ่อนด๋อย ก็ได้รับความช่วยเหลือส่งเสริมจนกลายเป็น ตัวตนทรงพลังไร้เทียมทานขึ้นมาทันที...
เพราะในเมื่อแขนลึกลับ ของผู้อมตะอะไรนี่ มันแข็งแกร่งทรงพลังสุดประมาณขนาดนี้ ทำไมมันไม่ฆ่าเขาไปให้จบๆตั้งแต่เริ่มแรก? เอาจริงๆมันแค่กระดิกนิ้วนิดเดียวเขาก็ต้องตายแล้วด้วยซ้ำ...
ทันใดนั้นเองสองตาของหลินฟ่านพลันส่องประกายออกมาวาวโรจน์ “เป็นไปได้ไหม...ที่พี่จะมีความสามารถแฝงทำให้คนอื่นที่อยู่รอบๆกลายเป็น ตัวโง่งม?”
ยิ่งหลินฟ่านคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเข้าเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ.... !
ทั้งพอคิดไปคิดมา เมื่อนึกถึงตอนเจ้าชิคกี้เขาก็คิดว่าเรื่องนี้มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ...เพราะไม่ว่าจะยังไงเจ้าชิคกี้นี่มันก็เป็นถึงลูกหลานของสัตว์อสูรระดับบรรพกาล ... แต่พอหลินฟ่านไปเจอมันและรับมันมาเลี้ยง มันดันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้ขลาดซ้ำไม่ได้มีอำนาจกดดันสะกดข่มอะไรอย่างที่ สัตว์อสูรโบรานยุคบรรพกาลควรมี
“เฮ่อ...”
หลินฟ่านไม่ต้องการคิดอะไรให้มันมากไปกว่านี้อีกแล้ว เรื่องนี้ไม่ว่ามันจะถูกหรือมันจะผิด เขาแค่เชื่อในอะไรก็ตามที่เขาคิดว่ามันถูกก็พอ...
มองไปที่มือขวาอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ส่ายหน้าออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนจากนี้เขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับไอแขนอมตะทรงพลังนี่! ...ตอนนี้ประโยคที่สามารถอธิบายชีวิตของเขาได้ดีที่สุดคงไม่พ้น
“จะแข็งแกร่ง จะอ่อนแอ มาเหอะ! พี่จะตบให้หน้าสั่น!!”
ตอนนี้เมื่อหลินฟ่านรู้สึกดีขึ้นและทำความเข้าใจอะไรได้หลายๆอย่าง เขาก็คิดช่วยเหลือเจ้าชิคกี้ให้ออกมาเสียที เขาลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะใช้มือปัดฝุ่นที่ก้นเล็กน้อย...
เปรี๊ยง!!
"โอ๊ย!! ไอมือขวาเปรตเอ๊ย แม่งเมื่อไหร่จะชินวะ ว่าปัดฝุ่นที่ตูดเบาแล้วนะ แต่แม่ง! เจ็บชิบ" หลินฟ่านหันไปมองเห็นตูดตัวเองแดงเถือกก็อดยิ้มออกมาเจื่อนๆไม่ได้
แต่จะอย่างไรเขาก็รู้สึกยินดีอย่างถึงขีดสุดในหัวใจ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจะต้องตกตายไปพร้อมๆกับไอแขนเปรตนี่แล้ว...แต่ตอนนี้เขาพลันได้แขนที่ทรงพลังมาใช้งาน เรื่องนี้นับว่าทำให้เขามีความสุขอย่างมาก
ห้วงแห่งนิพพานของฟีนิกซ์ ... เปลวเพลิงแห่งการถือกำเนิด
เกี่ยวกับเรื่องนี้หลินฟ่านก็พอรู้เรื่องมาไม่น้อย อันที่จริงกระทั่งตัวเขาเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ที่กำลังจะได้เห็นว่า เมื่อผ่านการถือกำเนิดจากเปลวเพลิงแล้ว เจ้าชิคกี้มันเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
"เอ่าละชิคกี้ ไม่ต้องห่วงนะ พี่มาช่วยเอ็งแล้วว!" หลินฟ่านหยิบเมล็ดพันธ์แห่งชีวิตออกมา
หลินฟ่านได้พยายามใช้งานเจ้าเมล็ดพันธุแห่งชีวิตนี่มานานแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้วิธีใช้มันสักที แต่มันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับหลินฟ่านมากนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาตอนนี้ก็คือช่วยเหลือเจ้าไก่น้อยของเขาออกมา
ทันใดนั้นเอง เมล็ดพันธ์แห่งชีวิตที่หลินฟ่านถือเอาไว้ในมือขวา มันก็เริ่มเปล่งประกายส่องสว่าง มันสั่นสะท้านราวกับกลับมามีชีวิต และดูเหมือนมันจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร
แกร่ก....เสียงแตกหักประการหนึ่งราวกับเปลือกของอะไรบางอย่างได้แตกออก...
ตอนนี้เปลือกนอกของเมล็ดพันธ์แห่งชีวิตได้แตกออกเล็กน้อย พลังชีวิตมหาศาลพวยพุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราด ก่อนที่มันจะค่อยๆ ซึมเข้าไปในเปลือกสีแดงตรงหน้า
“กุ๊ก กุ๊ก กุ๊กกู กุ๊กกู !!!” เจ้าชิคกี้ในเปลือกพลันกู่ร้องออกมาจากเริงร่าคึกคักอักโข ราวกับว่ามันได้กลิ่นบางสิ่งที่เลิศล้ำเลอค่า
ฟู่มมมมมมมม!!!
ทันใดนั้นเอง เปลวเพลิงพลันลุกโชนพวยพุ่งร้อนแรง!
'กุ๊ก กู กู! เสียงร้องกังวานราวกับอีกาทองคำ 3 ขาดังก้องแหวกฝ่าอากาศ
ภายในเปลวเพลิงที่ร้อนแรง เงาร่างหนึ่งพลันเปล่งประกายออกมา มันเจิดจ้าราวกับว่าโลกใบนี้จะหม่นแสงลงเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับมัน
หลินฟ่านมองเงาร่างนั้นอย่างตื่นเต้น สองมือกำหมัดแน่น!
“ฟินิกซ์! ... นี่มันต้องเป็น นกฟินิกซ์ในตำนานที่แท้จริง!!”
สุดท้ายเจ้าชิคกี้ ก็เป็นดั่งลูกเป็ดขี้เหร่ ที่เติบโตเป็นพญาหงส์!!
ปีกสวยงามลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง ร่างกาย โค้งสวยงามได้รูป แพนหากงอกเงยร้อนแรงโชติช่วงไปด้วยเพลิงไม่มีวันดับ ... ทรงพลังและเหนือชั้น! แผ่ซ่านอำนาจสะกดข่มออกมา ราวกับสรรพชีวิตในโลกหล้าต้องก้มหัวให้กับการถือกำเนิดของราชันย์แห่งสัตว์อสูรในตำนาน!...
หลินฟ่านมองลึกลงไปในเปลวเพลิงด้วยความตื่นเต้น และรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความสุข ถึงแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น แต่เขาเชื่อว่าเจ้าชิคกี้ต้องยกระดับพัฒนาร่างเป็นนกฟินิกซ์โดยสมบูรณ์ดั่งที่เขาคิดแน่ๆ
ภายใต้เงาร่างของนกฟินิกซ์ ราวกับบังเกิดร่างต้นไม้โบราณหนึ่งงอกเงยขึ้นมาจากเปลวเพลิง กลิ่นอายต้นไม้ทรงพลังราวกับเป็นราชันย์พฤกษา เริ่มแผ่ซ่านกดดันออกมา
"ชิคกี้! พี่รู้! ว่าเอ็งต้องไม่ทำให้พี่ผิดหวัง!" หลินฟ่านรู้สึกประทับใจจนต่อยหมัดใส่ฝ่ามือดังสนั่น ไม่มีอะไรที่จะสามารถอธิบายความตื่นเต้นในเวลานี้ของเขาได้
“กุ๊ก กุ๊ก กูววววววววววว” ชิคกี้กู่ร้องออกมาอย่างภาคภูมิใจ
หลินฟ่านจับจ้องไปอย่างคาดหวัง ในที่สุดชิคกี้ที่รัก ก็ก้าวออกมาจากเงามืด!
เปลวเพลิงดับหายไป...
...พร้อมๆกันกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของหลินฟ่าน
“ชะ ...เชี่ยยยยย... .!” สีหน้าหลินฟ่านกลับกลายเป็นร้ายแรง ราวกับเขาต้องการใช้เส้นหมี่ผูกคอตายใต้ต้นพริกเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ชิคกี้ ยังคงเหมือนชิคกี้ก่อนหน้านี้ เพียงแต่บริเวณตูดของมันที่เคยว่างเปล่า มีหางสั้นๆโผล่ออกมา แต่หางนั่นก็ไม่ได้ดูดีอะไรสักเท่าไร...
ชิคกี้พลันกระโจนร่างขึ้นไปกลางอากาศ ท่าร่างของมันยามกระโจนนั้นแลดูยาวนานคล้ายไม่มีวันจบ... สุดท้ายมันก็เหินร่างพุ่งมาพร้อมกางกรงเล็บเท้าออก ทะยานข้ามผ่านอากาศมาลงจอดบนไหล่ของหลินฟ่าน
เมื่อมันลงมาเกาะที่บ่าของหลินฟ่านแล้ว มันก็หลับตาปี๋ก่อนที่จะใช้หัวน้อยๆถูไถไปที่แก้มของหลินฟ่าน ด้วยความดีใจ อย่างไม่คิดจะหยุดยั้ง
“กุ๊ก! กุ๊กกุ๊ก! กุ๊กกู”
ความคาดหวังครั้งใหญ่ของหลินฟ่าน ได้ถูกขยี้จนแหลกเป็นเสี่ยงๆ ในวินาทีที่ชิคกี้ปรากฏกาย
สุดท้ายมันก็ยังไก่ตัวเดิม...เพิ่มเติมคือมีหาง
....แน่นอน ว่าทั่วทั้งร่าง ยังคง....ไร้ขน!