px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 262 : ความลับที่หน้าผา


บทที่ 262 : ความลับที่หน้าผา

 

 

หลังจากที่กล่าวบอกเรื่องราวที่จำเป็นต้องรู้ กับกล่าวกำชับย้ำเตือนถึงข้อห้ามสำคัญต่อเหล่าศิษย์สายนอกหน้าใหม่เสร็จสิ้น หลู่ชิวก็จากไป

ต้วนหลิงเทียนเดินตามกลุ่มศิษย์สายนอกเข้าไปในอาคารด้วยเช่นกัน เพื่อไปรับชุดประจำการของศิษย์สายนอก

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนได้รับชุดประจำกายแล้ว เขาก็หันมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ ‘แล้วไอตัวโง่งม ฮั่วชินนั่นมันหายหัวไปไหนแล้ว?’

ตอนแรกเขาคิดว่าเมื่อผู้อาวุโสหลู่จากไป ตัวโง่งมฮั่วชินนั่นจะฉวยโอกาสนี้มาหาเรื่องเขาซะอีก ...

แต่ตอนนี้ฮั่วชินอะไรนั่นกลับหายไปเสียอย่างนั้น

‘เป็นไปได้หรือไม่ ว่ามันจะรับรู้บางอย่าง?’ ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความคิดในใจเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาคิดก็คือ ฮั่วชินอาจจะสัมผัสได้ว่าเขาไม่ง่าย ดั่งที่ตาเห็น

แต่น้ำหน้าอย่างฮั่วชินจะมีสายตาขนาดนั้นหรือ?

ต้วนหลิงเทียนทำได้เพียงทิ้งข้อสงสัยในใจนี้ไป

‘ดูท่าแล้วมันมีเรื่องที่ต้องรีบไปจัดการมากกว่า’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ

อย่างไรก็ดี ที่ฮั่วชินมันไม่อยู่วุ่นวายสร้างความรำคาญให้เขา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดอะไรให้มันเปลืองสมอง เขาเตรียมที่จะไปหาสถานที่สำหรับบ่มเพาะพลังในภายภาคหน้า บนเขาเทียนเฉวียนทันที

เขาเองก็นึกภาพได้ชัดเจน ว่าสถานที่บ่มเพาะดีๆมีความหนาแน่นของพลังงานฟ้าดินสูง น่าจะถูกเหล่าศิษย์จับจองกันไปหมดแล้ว

ดังนั้นถ้าหากตัวเขาต้องการสถานที่บ่มเพาะพลังดีๆ ไม่แคล้วคงต้องใช้ความแข็งแกร่งแย่งชิงมาจากผู้อื่น

แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ติดขัดหรือรังเกียจอะไร

ทวีปเมฆาล่องแห่งนี้ เป็นโลกที่นับถือผู้แข็งแกร่ง ผู้ที่จะอยู่รอดได้อย่างไม่ต้องเกลงกลัวผู้ใด ย่อมเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!

"เอาล่ะ เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ คงไม่พ้นหาสถานที่ดีๆสินะ" ต้วนหลิงเทียนไม่คิดอะไรมาก ตอนนี้เขาจะไปหาสถานที่ดีๆ ก่อน...เรื่องจะทำอย่างไรก็ค่อยว่ากันไปทีหลัง

“ฟ่อ ฟ่อ~”ตอนนี้เองเสียงร้องเล็กๆก็ดังขึ้นมาจากด้านในแขนเสื้อต้วนหลิงเทียน ดูท่าเจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวที่นอนหลับสบายจะตื่นขึ้นมาแล้ว 

เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินขึ้นมาบนเขาเทียนเฉวียนบริเวณที่ไร้ผู้คนเขาก็ปล่อยเจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวให้ออกมาวิ่งเล่น ...

ทว่าเมื่อปล่อยพวกมันปุ๊บต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจขึ้นมา

เพราะตอนนี้เจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 หันมองมายังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเริงร่า พวกมันพยายามส่ายตัวไปมา อวดลวดลายบนร่าง  สีดวงตาของพวกมัน ก็เด่นชัดขึ้นมาเล็กน้อย

"หืม? อะไร นี่พวกเจ้าทั้ง 2 ตัว ทะลวงระดับได้อีกแล้วรึ?" ต้วนหลิงเทียนพูดไม่ออก  เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อเช้าตอนที่ออกจากเมืองไผ่ดำ เจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ยังมีระดับบ่มเพาะเพียงวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 เท่านั้น ... แต่ตอนนี้ด้วยพลังวิญญาณที่เฉียบคมของเขา สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัดผ่านระดับแล้ว

พวกมันตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7!

เมื่อเห็นสายตาตกตะลึงของต้วนหลิงเทียน  ความพึงพอใจพลันฉายชัดออกมาจากแววตาของเจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2  พวกมันส่ายหางไปมาก่อนที่จะยิ้มแย้มแจ่มใส เผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆ สะท้อนแสงระยิบระยับราวคริสตัลน้ำแข็ง ราวกับจะบอกอะไรบางอย่างกับต้วนหลิงเทียน...

ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาได้ว่าทั้ง 2 ตัวนี้คิดทำอะไร "พวกเจ้าทั้งคู่คิดจะสู้กับเสี่ยวจินงั้นหรือ?"

ทั้ง 2 ตัวพยักหน้าเล็กๆของพวกมันทันทีการเคลื่อนไหวของพวกมันคล้ายมนุษย์นัก  ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าพวกมันเป็นอย่างไร ไม่แคล้วคงคิดว่าผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักมา...

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา เขาไม่คิดว่าที่เขาเดาเอาไว้จะถูกเผง "เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ .... ตอนนี้แค่จะพบเสี่ยวจินพวกเจ้ายังทำไม่ได้เลย"

เจ้า 2 ตัวน้อยพลันกลับกลายเป็นกระวนกระวายทันที มันเคลื่อนร่างดั่งเส้นสายอัสนีไปรอบบริเวณราวกับกำลังจะค้นหาอะไรบางอย่าง

ในที่สุดพวกมันก็พุ่งกลับมาพันที่แขนของต้วนหลิงเทียนด้วยความผิดหวัง  ก่อนที่จะจ้องมองมาด้วยแววตาราวกับคิดไถ่ถามอะไรบางอย่าง

"พอดีเสี่ยวจิน ไปอยู่กับเค่อเอ๋อแล้วก็ลี่เฟยน่ะ แล้วตอนนี้พวกนางก็ไม่ได้อยู่กับข้าอีกแล้ว" ต้วนหลิงเทียนยักไหล่พร้อมกับส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะกล่าวปลอบโยนออกมา "เอาล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ว่างเมื่อไหร่ข้าจะพาไปหาเอง... "

เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวจบ อสรพิษน้อยทั้ง 2 ก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจสักเท่าไร ก่อนที่จะกลับมาในแขนเสื้อของต้วนหลิงเทียน

เขาเองก็จนปัญญากับความคับแค้นใจของเจ้า 2 ตัวน้อยนี่ สำหรับเรื่องที่พวกมันไม่ได้เจอเสี่ยวจิน  แต่อีกด้านเขาก็แอบสงสารเจ้าเสี่ยวจินเหมือนกัน ที่กำลังจะถูกเจ้า 2 ตัวน้อยนี่เอาคืน ...

เว้นแต่ว่าเสี่ยวจินนั้นตัดจะผ่านระดับไปเช่นกัน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ตอนนี้มันไม่ใช่คู่มือของเจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ที่ร่วมมือกันแล้ว

“ขุนเขาเทียนเฉวียนนี่ช่างใหญ่โตไม่เบา  ข้าสงสัยนักว่าจะยังเหลือสถานที่ดีๆให้ข้าบ่มเพาะหรือไม่” ต้วนหลิงเทียนเดินเตร็ดเตร่อยู่บนยอดเขาเป็นเวลานาน และตลอดทางเขาก็เห็นช่องเขาบ้างประปราย แต่เขาก็ไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร

ในซอกเขาเหล่านั้นมันมืดทึบ ไม่มีแสงส่องเข้าไป กล่าวได้ว่าหากเขาคิดใช้มันเป็นที่ฝึกฝนก็คงต้องนั่งบ่มเพาะทั้งมืดๆนั่นล่ะ

ต้วนหลิงเทียนที่เดินมาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาถึงยอดเขา เทียนเฉวียนแล้ว

ตรงยอดเขานั้นเป็นหน้าผาเรียบๆไม่มีอะไรให้จับ หากใครพลาดพลั้งเดินตกลงไปล่ะก็ ด้วยความลึกไม่เห็นก้นเช่นนี้เกรงว่า จะหาซากร่างก็ลำบากหนักหนาแล้ว ...

เมื่อขึ้นมาบนยอดเขาสิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือเมฆหมอกไร้สิ้นสุด  กล่าวได้ว่าตอนนี้มองไปทางใดก็มีแต่ทะเลหมอกหนาทึบไม่เห็นสิ่งใดนอกเหนือจากนี้

"อา ดูเหมือนว่าการหาสถานที่บ่มเพาะจะไม่ง่ายเลย... ซ้ำบนนี้ช่างหนาวนัก" ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงลมหนาวที่โชยพัดมาจากด้านหน้า  ลมหนาวนี้ยิ่งมายิ่งหนาวเย็น ตอนนี้อดไม่ได้ที่ต้วนหลิงเทียนจะกระชับเสื้อผ้าให้แน่นมิดชิดขึ้น เพื่อป้องกันลมหนาว

"ข้าลงไปหาดูด้านล่างอีกทีดีกว่า  ถ้าได้ตรงบริเวณใกล้สะพานโซ่นั่นก็ดี อืม..ตรงนั้น ว่าไปก็ไม่ได้อยู่ห่างยอดเขาสักเท่าไร ...นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก" ระหว่างทางที่ขึ้นเขามานี่ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นช่องเขาบางแห่ง ที่พอจะอาศัยอยู่ได้บ้าง แต่ว่าก็ไม่มีใครไปอยู่ เห็นได้ชัดว่าทุกคนล้วนไม่พอใจกับสถานที่เหล่านั้น

แต่ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเดินลงจากยอดเขานั้นเอง

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

อสรพิษน้อยที่รัดพันอยู่ที่แขนพลันพุ่งออกไปด้วยความเร็ว

"เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ นั่นพวกเจ้าจะทำอะไรกัน?" ต้วนหลิงเทียนสังเกตว่า เจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวพลันพุ่งร่างไปหยุดอยู่ที่ริมขอบผาด้านหนึ่งอย่างน่าหวาดเสียว เขากลัวพวกมันจะตกลงไปนัก

ครู่ต่อมาใบหน้าของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มซีดลง

"ฟ่อ ฟ่อ ~" แต่เจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวแลดูจะไม่ได้รับรู้ถึงอันตราย ยังมีหน้าหันกลับมาพยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียน ซ้ำยังแลบลิ้นใส่อีก

"เจ้าสองตัวน้อย พวกเจ้าอย่าซนตรงนี้จะได้หรือไม่..." ต้วนหลิงเทียนช่วยไม่ได้ จึงค่อยๆเดินมาหาพวกมันอย่างช้าๆ เมื่อมาถึงริมผาแล้วเขาก็คว้าจับอสรพิษน้อยทั้ง 2 ขึ้นมาอย่างระวัง "เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋  อย่าได้ดื้อแล้ว! รีบกลับเข้าไปเร็ว... มาเล่นตรงนี้ พวกเจ้าไม่กลัวตกลงไป ร่างกายแหลกเป็นชิ้นๆหรือไร

เมื่อกล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็จ้องไปยังอสรพิษน้อยด้วยสายตาดุเล็กน้อย

"ฟ่อ ฟ่อ ~" เจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 กลับไม่เชื่อฟังพวกมันพยายามดิ้ไปดิ้นมา จนหลุดไปจากมือของต้วนหลิงเทียน  ก่อนที่พวกมันจะพุ่งไปอยู่ตรงริมผาอีกครั้ง ก่อนที่มันจะหันกลับมาหาต้วนหลิงเทียนพร้อมส่ายหางไปมา ราวกับจะบอกอะไรสักอย่าง

"หืม? นี่พวกเจ้า มีเรื่องจะบอกข้ารึ?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วหลังจากมองไปยังท่าทางของอสรพิษน้อย 2 ตัว  หลังจากนั้นเขาก็ลองเดินไปดูพร้อมชะโงกหน้าโผล่พ้นหน้าพามองลงไป แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เห็นอะไร

เมื่อมองลงไปเขาก็เห็นเพียงหน้าสูงชันไม่เห็นก้นเหว  เขานึกภาพออกเลยว่า ถ้าหากร่วงตกลงไปจะเป็นยังไง คงไม่แคล้วร่างกายแหลกเหลวเป็นชิ้นๆ ต่อให้เทพเจ้าจุติลงมาจากแดนเทพก็คงไม่อาจช่วยเหลืออะไรเขาได้

"ฟ่อ ฟ่อ ~" ครู่ต่อมาภาพที่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดฝันว่าจะได้เห็นบังเกิด  เจ้าอสรพิษน้อย 2 ตัวพลันเลื้อนลงไปตามหน้าผา ก่อนที่จะหายไปต่อหน้าต่อตาเขา

"ไม่! เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋!" หน้าของต้วนหลิงเทียนซีดเผือด เข้าพุ่งไปนอนคว่ำตรงหน้าผา กางขารักษาสมดุลเอาไว้ ก่อนที่จะชะโงกออกไปครึ่งตัวก้มลงมองไปดูด้านล่าง  แต่ทว่าสิ่งที่ตาของเขามองเห็น มีเพียงทะเลหมอกขาวโพลนเท่านั้น ร่างอสรพิษน้อยทั้ง 2 ได้หายไปจากสายตาเขาอย่างสิ้นเชิง

"เสี่ยวเฮย! เสี่ยวไป๋! ไม่นะ" สีหน้าของต้วนหลิงเทียนบิดเบี้ยวอย่างถึงขีดสุด เพราะตลอดเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เขาได้เลี้ยงดูเจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวตั้งแต่มันเกิด ในสายตาเขาพวกมันไม่ใช่สัตว์อสูรแต่เป็นครอบครัวของเขา

แต่ตอนนี้พวกมันกลับต้องมาตกตายเพราะร่วงหล่นหน้าผา?

แววตาของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างถึงขีดสุด ในหัวใจบังเกิดความปวดปร่าสุดพรรณนา

เขาไม่ควรขึ้นมายังยอดเขาเทียนเฉวียนแห่งนี้เลย  ตอนนี้อสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวจึงต้องจากไปเช่นนี้

"ฟ่อ ฟ่อ ~"

"ฟ่อ ฟ่อ ~"

...

ทันใดนั้นม่านตาของต้วนหลิงเทียนพลันหดแคบลง  เมื่อครู่เขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ในหัวเขานึกภาพไปราวกับตอนนี้เจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวกำลังร้อง พร้อมแลบลิ้นเล่นตามประสา

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาก้มลงไปมองอีกครั้ง เขาก็ยังคงเห็นแต่เพียงทะเลหมอก ไม่เห็นร่องรอยของอสรพิษน้อยทั้ง 2 แต่อย่างไร

"หรือว่า...ข้าจะเสียใจจนประสาทหลอนง หูแว่วไปเอง?" ในใจต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คิดสงสัย และยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไรเขาก็ยิ่งเศร้าใจมากขึ้นเท่านั้น

"ฟ่อ ฟ่อ ~ ~"

แต่อาการประสาทหลอนนี่จะถี่ไปหรือไม่? ยังไม่หยุดอีก?

ขวับ! ฟู่ม!

ทว่าตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันเห็นว่าทะเลหมอกด้านล่างริมผาเริ่มสลายหายไป และร่างของอสรพิษน้อยทั้ง 2 ก็ปรากฏตัวตรงหน้าเขา

ตอนนี้พวกมันกำลังใช้หางเล็กๆสะบัดไปมาเพื่อพัดทำลายหมอกตรงบริเวณนี้

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นว่าด้านล่าง ต่ำกว่าทะเลหมอกเมื่อครู่ลงไป มีต้นไม้ที่เจริญเติบโตงอกเงยออกมา

สิ่งที่น่าประหลาดก็คือ เหมือนต้นไม้นี้มันจะเอนทำมุมแปลกๆ ราวกับมันงอกออกมาอย่างเฉียงๆ ซ้ำมันยังมาเติบโตตรงบริเวณริมผาที่แห้งแล้งไร้ความอุดมสมบูรณ์  แต่แปลกนักที่ใบของมันกลับเป็นพุ่มหนาเตอะซ้ำยังมีสีเขียวสดใส  ลำต้นของมันก็แลดูยึดติดแน่นไปกับขอบผามั่นคงดั่งเขาไท่ซาน

ไม่นานนักเมฆหมอกก็ฟุ้งกระจายกลับมาบดบังทัศนะวิสัยเขาอีกครั้ง

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

...

คราวนี้เจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ไม่รีรออะไรมันรีบร่วมมือกันใช้หางพัดทำลายทะเลหมอกด้วยความเร็วอีกครั้ง

แล้วต้วนหลิงเทียนก็มองเห็นต้นไม้เฉียงๆนั่นอีกครั้ง

และไม่ใช่เพียงเท่านั้น ตอนนี้เจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ยังส่งสัญญาณราวกับเรียกเขามาอีกด้วย

"เจ้า 2 ตัวน้อย ... นี่ข้าไว้ใจพวกเจ้านะ อย่าให้ข้าตกไปตายล่ะ " ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาจ้องไปยังต้นไม้เฉียงนั่นตาเขม็ง หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆไต่ขอบผา เอาเท้าไปยืนไว้บนต้นไม้เฉียงๆนั่น จนประคองร่างยืนได้อย่างมั่นคง

ต้องกล่าวว่าเจ้าต้นไม้ที่งอกเงยออกมาเฉียงๆนี่มีความแข็งแกร่งทนทานนัก ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ใช่คนร่างเล็ก เขาสูงกว่า 1.8 เมตร หนักราวๆ 68 กิโลกรัม  แต่ลำต้นของต้นไม้นี้กลับไม่เอนเอียงหรือโค้งลงแม้แต่น้อย 

"เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ พวกเจ้าพบเจออะไรย่างนั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวด้วยความสงสัย ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวนี่ ไม่ได้ซุกซนหรือหาเรื่องเล่นสนุกอะไร  แต่พวกมันพบเจออะไรบางอย่าง

"ฟ่อ ฟ่อ ~" เสี่ยวเฮยผงกหัวให้ต้วนหลิงเทียนระรัว ก่อนที่จะใช้ดวงตาสีทองจ้องไปยังผนังหน้าผาตรงหน้า

ดวงตาสีเงินของเสี่ยวไป๋เองก็จ้องไปยังผนังหน้าผาเช่นกัน

"ตรงนี้มันมีอะไรอยู่งั่นรึ?" ต้วนหลิงเทียนเดินไปตามต้นไม้เฉียงๆอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะแตะไปยังผนังหน้าผาด้วยความสงสัย

ฟุ่บ!

ทันใดนั้นเองเส้นสายอัสนีสีดำพลันบังเกิดขึ้น เป็นเสี่ยวเฮยที่อยู่ๆ ก็พุ่งไปหมายทะลวงผนังหน้าผาตรงหน้า

"เสี่ยวเฮย!" สีหน้าของต้วนหลิงเทียนมืดลงทันที ถึงแม้ว่าเสี่ยวเฮยอาจจะพุ่งไปเจาะรูบนผนังหน้าผาได้  แต่ถ้าเสี่ยวเฮยพุ่งไปด้วยความเร็วสูงเช่นนี้ จะอย่างไรก็ต้องบังเกิดแรงสะท้อน แล้วถ้าหากมันพลาดกระเด็นตกลงไป คงไม่พ้นต้องตายอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามครู่ต่อมาสีหน้าหวาดกลัวของต้วนหลิงเทียนก็หายไป มันแปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจแทน

เพราะร่างของเสี่ยวเฮยกลับพุ่งทะลุหน้าผาเข้าไปทั้งตัวต่อหน้าต่อตาเขา  ไม่ได้สะท้อนหรือกระเด็นอะไรออกมา

ตอนนี้บังเกิดหลุมเล็กๆตรงผนังหน้าผา

ฟุ่บ!

ตอนนี้เอง กระทั่งเสี่ยวไป๋ก็พุ่งร่างเข้าไปด้านในผนังหน้าผาเช่นกัน มันเจาะรูเข้าไปอย่างง่ายดาย

ต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งตกตะลึง และครู่ต่อมาเสียงของอสรพิษน้อยทั้ง 2 ก็ดังก้องกังวานออกมาจากด้านในหน้าผา  ก่อนที่พวกมันโผล่หัวออกมาจากรูเล็กๆ พร้อมแลบลิ้นแผล่บๆ

"เป็นไปได้หรือไม่ ที่ด้านในมันจะเป็นโพรงถ้ำ?" ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็มองผนังหน้าผาตรงหน้าด้วยสายตาเป็นประกาย

ไม่นาน ประกายตาของเขายิ่งมายิ่งวาวโรจน์!

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน