บทที่ 265 : ระเบิดโทสะ
เหล่าศิษย์สตรีหลายต่อหลายคนที่กำลังเดินสัญจรอยู่บนสะพานโซ่ ถึงกับเบิกตากว้างจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียน
นอกจากนี้หากสังเกตดีๆ จะพบว่าสายตาของพวกนางทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยความ...อิจฉา!
ต้วนหลิงเทียนไร้คำจะกล่าว
เขาอยากจะบอกกล่าวต่อเหล่าศิษย์สตรีเหล่านี้เหลือเกิน...
ข้าเป็นผู้ชาย! แล้วพวกท่านจะมาอิจฉาข้าทำซากอะไร?
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ฟันฝ่าสายตาและแรงกดดันเต็มไปด้วยความริษยา จนข้ามสะพานโซ่มาถึงฝั่งขุนเขาเหยากวงเรียบร้อย
เลยจากสะพานโซ่ไป เขาก็พบลานหินและมีอาคารขนาดใหญ่ไม่ได้ต่างอะไรไปจากขุนเขาเทียนเฉวียน ...
‘แบบนี้ ดูท่าอีก 4 ขุนเขาก็คงไม่ต่างกันเท่าไร’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ
"หืม? ศิษย์น้องคนนี้เป็นบุรุษใช่หรือไม่?"
"ไม่จริงน่า! นี่สวรรค์ตาบอดหรือไรกัน ใยจึงให้บุรุษเกิดมามีผิวเรียบเนียนขาวอมชมพูสวยงามเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ให้ผิวงดงามสมบูรณ์แบบเช่นนี้กับข้าบ้าง?"
“อ๊า! พวกเจ้าดูหนุ่มน้อยนั่นเร็ว! ผิวเขาช่างแลดูเรียบเนียนดั่งหยกนัก ... นี่เป็นผิวที่สตรีอย่างเราล้วนใฝ่ฝันโดยแท้จริง!”
...
เมื่อต้วนหลิงเทียนได้ยินบทสนทนาที่ดังขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งขึ้นขุนเขาเหยากวงไปทันที
มีคำกล่าวว่าไว้ว่า...สตรีไม่ต่างอันใดกับเสือร้าย ไม่แน่ว่าตัวเขาอาจจะมีประสบการณ์ได้พิสูจน์คำๆนั้นก็ได้ หากยังรั้งอยู่สืบไปในที่ๆมีอิสตรีเยอะๆเช่นนี้!
ต้วนหลิงเทียนวิ่งตะบึงขึ้นเขาเหยากวงมาได้ไม่นาน พลันหยุดร่างก่อนที่จะทำสีหน้าราวตัวโง่งม
วิ่งมาถึงตอนนี้...เขาก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าขุนเขาเหยากวงนี้ก็มีขนาดที่กว้างขวางใหญ่โตไม่น้อย! การหาเค่อเอ๋อและลี่เฟยบนขุนเขาเช่นนี้ แทบไม่ต่างอะไรจากงมเข็มในมหาสมุทร ...!
ดูท่าแล้วมีแต่ต้องทานทนความอิจฉาและริษยาของเหล่าศิษย์สตรี บากหน้าไปถามทางเสียแล้ว ...ถึงจะหาพวกนางพบ
"ศิษย์พี่หญิง ท่านพอรู้หรือไม่ว่า เหล่าศิษย์สายนอกที่มาใหม่เมื่อวาน พวกนางอาศัยอยู่ที่ใดกันบ้าง?"
"ศิษย์พี่หญิงท่านเห็นศิษย์สตรี 2 คนที่มาด้วยกันหรือไม่? พวกนางเป็นศิษย์สายนอกคนใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาวเมื่อวานนี้ และพวกนางถูกผู้อาวุโสไป่พามาด้วยตัวอาวุโสเอง"
"ศิษย์พี่หญิงท่าน... "
ต้วนหลิงเทียนพยายามกล่าวถามมาตลอดทาง แต่ก็ไร้วี่แววแม้แต่น้อย
"อ๊า ศิษย์น้องทั้ง 2 นั่นช่างงามเลิศล้ำนัก ข้าเกรงว่าทอดตามองไปทั้งขุนเขาเหยากวงของพวกเรา คงมิมีผู้ใดงามเทียบเทียมกับพวกนางได้"
"ฮายๆ ข้าว่าคงมิใช่แต่เพียงขุนเขาเหยากวงหรอก เกรงว่าทั่วนิกายกระบี่ 7 ดาวของพวกเรา ยังมิมีผู้ใดเทียบได้เลยด้วยซ้ำ งดงามเช่นนั้นเกรงว่าคงมิมีผู้ใดกล้าเอาตัวไปเปรียบแล้ว หากข้างามได้สักครึ่งพวกนาง ชาตินี้ข้าตายก็ไม่เสียดายแล้ว"
"ข้าเองก็เช่นกัน แต่ว่าดูเหมือน ฉีเยี่ยนจะมิค่อยพอใจพวกนางสักเท่าไร ยามนี้พวกนางทั้ง 2 น่าจะกำลังโดนฉีเยี่ยนขับไล่อยู่แน่นอน"
"อะไรกัน แม่นางน้อยทั้ง 2 นั่นก็อยู่ในที่ๆมิมีผู้ใดจับจองและมิใช่อาณาเขตของฉีเยี่ยนมิใช่รึ แล้วเหตุใดฉีเยี่ยนจึงยังคิดไปขับไล่พวกนางอีกเล่า"
"ไฮย่า เจ้ามิรู้หรือไร ว่าฉีเยี่ยนนั่น นางขึ้นชื่อเรื่องขี้อิจฉาผู้อื่นนัก ซ้ำนางยังชอบกล่าวว่าสตรีที่งดงามกว่าตัวนางว่า นางจิ้งจอกอีกด้วย ...ข้าคิดว่าฉีเยี่ยนนี้แลดูจิตใจคับแคบ ซ้ำสติยังมิค่อยจะสู้ดีสักเท่าไร นางเป็นคนประเทภที่มิอาจเห็นผู้อื่นดีกว่าตัวได้ ช่างโรคจิตยิ่งนัก!"
"ฮึ่ม! หากมิใช่เพราะนางมีพี่เป็นถึงศิษย์สายนอกอันดับ 1 ของนิกายกระบี่ 7 ดาว คอยให้ท้ายแล้วล่ะก็ เกรงว่าคงมีแต่สวรรค์เท่านั้นล่ะ ที่รู้ว่านางจักถูกผู้อื่นสั่งสอนบทเรียนกี่ครั้ง"
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเดินไปเรื่อยๆ พลันบังเอิญได้ยิน บทสนททนาของสตรีทั้ง 2 ที่นับได้ว่าเป็นโฉมงามคู่หนึ่ง ที่กำลังเดินสวนมา
แววตาต้วนหลิงเทียนทอประกายขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำกล่าวของพวกนาง
ข้าได้เบาะแสแล้ว!
"เอ่อ...ขออภัย...ศิษย์พี่หญิงทั้ง" ต้วนหลิงเทียนพลันเดินมาขวาง ก่อนที่จะยิ้มแย้มกล่าวทักพวกนางเอาไว้
"ฮ้า!" สตรีทั้ง 2 พลันตกตะลึงไม่น้อย เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียน และในแววตาของพวกนางพลันเต็มไปด้วยความอิจฉาทันที เมื่อพวกนางเห็นใบหน้าและผิวกายที่เรียบเนียนดั่งหยกของเขา
"สวรรค์ช่วย! ศิษย์น้อง! นี่เจ้ามีวิธีดูแลผิวอย่างไรรึ? ถึงได้ดูดีเช่นนี้! เจ้าพอจักสอนพี่สาวบ้างได้หรือไม่?"
"ใช่ๆๆ ศิษย์น้อง! ผิวเจ้าจักดูดีเกินหน้าเกินตาสตรีอย่างพี่สาวไปแล้ว! รีบบอกพี่สาวมาเร็วเข้า ว่าเจ้าทำอย่างไร!"
สตรีทั้ง 2 ล้วนถูกผิวที่เนียนดั่งหยกของต้วนหลิงเทียนดึงดูดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง สองตาพวกนางเป็นประกายและกล่าวถามต้วนหลิงเทียนอย่างสนิทสนม
พวกนางคงลืมไปว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้พบต้วนหลิงเทียน...
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนนั้นกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างลำบากใจ "ศิษย์พี่หญิง ข้าเกิดมาก็เป็นเช่นนี้แล้ว ... และข้าก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นเช่นนี้สักนิด..."
สตรีทั้งสองถลึงตามองไปยังต้วนหลิงเทียนทันที "ฮายๆๆ ศิษย์น้องใยเจ้ากล่าววาจาราวกับมันเป็นเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นเล่า ผิวของเจ้านั้นดีจนพวกเราต้องคิดอิจฉาแล้ว! เหตุใดเจ้าถึงได้ทำหน้าและกล่าวออกมาเลวร้ายเช่นนั้นเล่า?"
"นั่นสิศิษย์น้อง เจ้าทำพวกเราอิจฉาแทบตายแล้ว!"
สิ่งที่สตรีทั้ง 2 กล่าวทำให้ต้วนหลิงเทียนไร้คำจะกล่าว
เขา….
เขาเป็นบุรุษ!!
แล้วบุรุษมันมีเหตุผลบัดซบอันใด! ที่จะต้องการให้ผิวเนียนดั่งหยก?!
"ศิษย์พี่..." ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเปิดโอกาสให้พวกนางกล่าวอะไรอีก เขารีบถามออกมาทันที "ศิษย์สตรีสายนอกที่เข้าใหม่ ที่พวกท่านกล่าวถึงเมื่อครู่นางอยู่กันที่ใดงั้นหรือ?"
สตรีคนหนึ่งพลันหันมามองสำรวจต้วนหลิงเทียน "ศิษย์น้องแม้ว่าเจ้าเองก็...อืม หล่อเหลา...มากนัก ... แต่เจ้าอย่าได้ไปวุ่นวายกับเทพธิดาทั้ง 2 นั่นจักดีกว่า พวกนางมิชมชอบเจ้าหรอก"
"ใช่แล้วศิษย์น้อง พวกนางนั้นแลดูมุ่งมั่นและทุ่มเทในการฝึกยุทธ์นัก พวกนางคงไม่คิดเสียเวลาฝึกฝนมาสนใจเจ้าหรอก เจ้าตัดใจเถิด ว่าแต่เจ้าไม่ได้หลอกพวกเราแน่นะว่าไม่มีสูตรลับอันใดบำรุงผิว" สตรีอีกคนหนึ่งก็กล่าวเสริมออกมา
"เหอๆ...เอ่อ ศิษย์พี่ ...คือข้ารู้กับพวกนางรู้จักกัน ท่านบอกมาเถอะ" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาอย่างขื่นขม หากไม่เพราะต้องการตามหาสตรีทั้ง 2 แล้วล่ะก็ เขาไม่คิดมาเสียเวลากล่าววาจากับสตรี 2 คนนี้เด็ดขาด!
"เอ๊า! แล้วกันสิ! หากเป็นเช่นนั้นใยเจ้ามิบอกกล่าวพวกเราตั้งแต่แรกกันเล่า?"ศิษย์หญิงคนหนึ่งส่ายหัวออกมา ก่อนที่จะหันหลังและเริ่มชี้นิ้ว "นี่ๆ เจ้าเดินไปตามทางนี้ แล้วก็เลี้ยวขวา 2 ครั้ง ไม่นานเจ้าก็จักเห็น ป้ายหินสีฟ้าข้างทางขึ้นหุบเขาหนึ่ง และหากเจ้าสังเกตดีๆจะมีเส้นทางเล็กๆใกล้ๆกัน ให้เจ้าเดินตามทางเล็กๆนั่นไปนะ เจ้าก็จะไปโผล่ที่หุบเขาเล็กๆแห่งหนึ่ง สตรีทั้ง 2 ที่เจ้าตามหาก็อยู่ที่นั่นแหล่ะ"
...ไม่บอกแต่แรกงั้นหรือ?
มุมปากของต้วนหลิงเทียนกระตุกเมื่อได้ยินคำกล่าวของสตรีตรงหน้า
พวกท่าน 2 คนให้โอกาสข้ากล่าวคำหรือไม่เล่า?
ถึงแม้ในใจต้วนหลิงเทียนจะแอบคิดและเขม่นเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงรักษาใบหน้ายิ้มแย้มกล่าวขอบคุณพวกนางออกไปอย่างรู้บุญคุณ ก่อนที่จะเดินไปตามทางที่พวกนางบอก
หลังจากเดินอยู่ไม่นาน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เห็นป้ายหินสีฟ้า ที่พวกนางบอก
ป้ายหินสีฟ้านี้ถูกตั้งเอาไว้อย่างมั่นคงตรงทางขึ้นหุบเขา และมันยังสลักอักษรเอาไว้ 4 ตัว
ต้วนหลิงเทียนมองอย่างละเอียดและพบว่ามันสลักคำว่า ‘ฉีเยี่ยนถือครอง’
ต้วนหลิงเทียนพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตอนนี้เขานึกขึ้นมาได้ว่า ศิษย์พี่หญิง 2 คนเมื่อครู่ก็ได้กล่าวเอ่ยนามฉีเยี่ยนนี้ออกมา ในระหว่างที่พวกนางเดินสนทนากันมาตอนแรก และนอกจากนี้ดูเหมือนฉีเยี่ยนผู้นี้ยังกล้าคิดรังแกสาวน้อยทั้ง 2 ของเขา!
"ฮึ่ม! หากเจ้ากล้าทำอะไรสาวน้อยของข้าล่ะก็!" ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองช่องทางขึ้นเขาที่ฉีเยี่ยนอยู่ด้วยสายตาเย็นชาไม่แยแส ก่อนที่จะเดินผ่านไปเล็กน้อยๆ ก่อนที่เขาจะเห็นเส้นทางเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยวัชพืชรกปกคลุม
เขารู้ได้ทันทีว่าสาวน้อยทั้ง 2 น่าจะอยู่ด้านในนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับช่องเขาที่ฉีเยี่ยนอยู่แล้ว สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่สถานที่ๆใครคิดจะมาอาศัย
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันแย้มยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเขากำลังจะได้เห็นสาวน้อยทั้ง 2ที่รักเร็วๆนี้ เขาก็รีบก้าวอาดๆไปตามทางอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามแค่เขาก้าวเข้ามาไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงสะท้อนดังก้องออกมาจากหุบเขาด้านใน เสียงนี้ดังระคายหูราวกับเสียงร้องของอีกา
"บัดซบ นางจิ้งจอกทั้ง 2! นี่พวกเจ้ากล้าไม่ฟังคำข้างั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าเมื่อวานข้าบอกพวกเจ้าแล้วหรือไง? ว่าให้ไสหัวไป?!" น้ำเสียงแหลมระคายหูเสียงหนึ่งดังขึ้น ซ้ำน้ำเสียงระคายหูนี้ ยังเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่ามาผิดทางหรือเปล่า ...
ทว่าทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
และยามนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันชะงักค้างก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว
"ศิษย์พี่ฉีเยี่ยน หุบเขาที่ท่านอยู่ กับช่องเขาของพวกเรา ก็แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง หาได้รบกวนอันใดท่านไม่...พวกเราเองก็พึ่งมาถึง แล้วสถานที่แห่งนี้พวกเราก็ลำบากไม่น้อยกว่าจะได้พบ ใยท่านยังต้องคิดสร้างความลำบากให้พวกเราเพิ่มอีกเล่า?" น้ำเสียงไพเราะชัดถ้อยชัดคำของเค่อเอ๋อดังขึ้น
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ฟังนั้นสามารถรับรู้ได้ทันที ว่าภายในน้ำเสียงนี้ของเค่อเอ๋อ มันเต็มไปด้วยความลำบากใจ และเรื่องนี้มันทำให้เขาปวดปร่าใจนัก
ปกติตัวเขารักและทะนุถนอมเค่อเอ๋ออย่างดีดูแลนางราวกับสมบัติล้ำค่า แต่ตอนนี้กลับมีอีนังแพศยาบัดซบที่ไหนก็ไม่รู้ กล้าสร้างความลำบากให้เค่อเอ๋อของเขา!
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันเย็นชาราวกับมีชั้นน้ำแข็งเคลือบ ดวงตาของเขาทอประกายดุร้ายออกมา
แม้ว่าเขาจะยืนอยู่เฉยๆ ทว่าตอนนี้ท่วงท่าของเขาแข็งกร้าวแลดูดุร้าย ซ้ำกลิ่นอายกระหายเลือดยังแผ่ซ่านออกมาอย่างน่าพรั่นพรึงราวกับสามารถกลืนกินผู้คนได้
"ไม่รบกวนกันแล้วจะอย่างไร?" น้ำเสียงน่ารำคาญราวกับเสียงอีการ้องพลันดังขึ้น ซ้ำยังเต็มไปด้วยความเย้ยหยันในนั้น “นังจิ้งจอกน้อยทั้ง 2 ข้าจะกล่าวบอกต่อพวกเจ้าเอาไว้เลยนะ ถึงแม้พวกเจ้าจักอยู่ที่นี่โดยไม่ได้รบกวนอันใดข้า แต่เมื่อข้าไม่ให้พวกเจ้าอยู่ พวกเจ้าคิดไม่ไปไม่ได้!” เจ้าของเสียงน่ารำคาญกล่าวออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
"แล้วทำไมจะไม่ได้?" ทันใดนั้นเองอีกเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น น้ำเสียงไพเพราะเพราะพริ้งกระจ่างชัดกังวานดังวิหค ซ้ำยังเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
ต้วนหลิงเทียนสามารถบอกได้ทันทีว่า นี่เป็นเสียงของลี่เฟย
และดูท่านางกำลังโมโหอยู่ไม่น้อย
"ทำไมน่ะหรือ?" เสียงน่ารำคาญดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้เต็มไปด้วยความดูแคลน "ในเมื่อจิ้งจอกน้อยอย่างพวกเจ้าทั้ง 2 กล้าถามเรื่องนี้ออกมา ข้าก็จะกล่าวบอกเหตุผลให้รู้... ทั้งหมดเป็นเพราะข้าคือ ฉีเยี่ยน!"
"เจ้า ... เจ้าช่างเอาแต่ใจนัก!" น้ำเสียงของเค่อเอ๋อเจือไปด้วยโทสะเล็กน้อย แต่นางเองก็อับจนหนทางไม่อาจทำอะไรได้
“ถูกต้อง ข้าฉีเยี่ยน ชมชอบเอาแต่ใจ แล้วมันจะอย่างไร? ผู้ใดใช้ให้นางจิ้งจอกน้อยทั้ง 2 อย่างพวกเจ้าดูดีขัดหูขัดตาข้าล่ะ พวกเจ้าทั้งสอง เป็นพวกนางจิ้งจอก ที่ชมชอบอาศัยความงามล่อลวงบุรุษ...สิ่งที่ข้าฉีเยี่ยนรังเกียจที่สุด! คือสตรีเช่นพวกเจ้า!!” เสียงตะโกนดังเสียดหูออกมา ในน้ำเสียงน่ารำคาญครั้งนี้แฝงความอิจฉาและริษยาเอาไว้เต็มเปี่ยม
"อะไร นี่เจ้าคิดให้พวกเราออกไปเพราะเหตุผลนี้?" ตอนนี้น้ำเสียงของลี่เฟยเต็มไปด้วยโทสะยากระงับ...
"ถูกต้อง เพราะพวกเจ้ามันรกหูรกตาข้านัก ข้าถึงไล่ให้พวกเจ้าออกไปเช่นนี้! อ่อ จริงสิ ข้าเองก็ขอกล่าวบอกพวกเจ้าเอาไว้ก่อนเลยนะ ถึงแม้พวกพวกเจ้าจักออกไปจากที่นี่และหาที่อื่นอยู่ได้ แต่วันไหนหากข้าอารมณ์ไม่ดี ข้าก็จะไปขับไล่พวกเจ้าให้เปลี่ยนที่ใหม่! เพราะนางจิ้งจอกรูปโฉมอย่างพวกเจ้านั้น ช่างขัดใจข้านัก! "น้ำเสียงของฉีเยี่ยนเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาอย่างถึงขีดสุด และทันทีที่มันดังไปเข้าหูต้วนหลิงเทียน คราวนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป
โทสะเขาระเบิดออกมาแล้ว!!
" สตรีอุบาทว์บัดซบเช่นนี้ ข้าขยะแขยงนัก!" ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้า ใช้วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษพุ่งไปทันที ร่างของเขาพุ่งโยกไปมาด้วยความเร็วสูงดังอสรพิษตัวเขื่องหายลับเข้าไปด้านในหุบเขา
ภายในหุบเขายามนี้ มีสตรีใบหน้าบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจแลดูน่าขยะแขยง กำลังเชิดหน้ามองต่ำลงมายังสตรีทั้ง 2 คนที่งดงามปานบุปผา
ในบรรดาสตรีทั้ง 2 ที่งดงามปานบุปผานั้น คนหนึ่งมีรูปร่างส่วนสัดเย้ายวนชวนให้หลงใหลดั่งปีศาจ ทว่ากลับมีใบหน้างามล้ำปานเทพธิดา แต่ทว่ายามนี้...ใบหน้าเทพธิดาแลไปคล้ายมีโทสะ แก้มของนางเจือไปด้วยสีแดงระเรื่อ ซ้ำดวงตาทั้งคู่ดังมณี ยังฉายชัดออกมาถึงความเกรี้ยวกราด
ส่วนสตรีอีกคนนั้นที่อากัปรกริยาเรียบร้อย ใบหน้าแลดูบริสุทธิ์ ท่วงท่าอ่อนโยน แลดูอ่อนแอน่าปกป้องทะนุถนอม ยากที่ใครจะไม่หลงรักเอ็นดู ...ทว่ายามนี้ใบหน้าอ่อนโยนนั้นกำลังเต็มไปด้วยโทสะเช่นกัน
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนทก็ได้ปรากฏตัวออกมาอย่างฉับพลัน และเขาก็ดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมด
"เจ้าเป็นใคร?" ฉีเยี่ยนพลันหันไปจับจ้องต้วนหลิงเทียน ดวงตาคบไม่ได้ดั่งงูพิษกวาดสำรวจทั่วร่างต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยเสียงแหลมระคายหู
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนมิคิดแยแสสตรีอุบาทว์นามฉีเยี่ยนนี้แต่อย่างไร เขาทำดั่งนางเป็นเพียงก้อนหินสวะไร้ค่าไม่คู่ควรให้เหลือบแล ก่อนที่จะพุ่งร่างเลยไปอยู่ด้านหน้าสตรีทั้ง 2 ...
"ตัวเลวร้าย?"
"นายน้อย?"
ในขณะที่ลี่เฟยและเค่อเอ๋อจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนในตอนนี้นั้น พวกนางอดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน ซ้ำบนใบหน้าที่งดงามล่มเมืองของพวกนาง ยังฉายชัดออกมาถึงความยากจะเชื่อ
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้จะดูแปลกตาไม่เหมือนเก่า แต่จะอย่างไรพวกนางก็จดจำได้ว่าเขาคือต้วนหลิงเทียน! นี่เพราะรูปร่างหน้าตาเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแค่ใบหน้าของเขาเรียบเนียนดั่งหยก มือทั้งสองข้างรวมถึงส่วนที่โผล่พ้นร่มผ้าแลดูเนียนละมุน สีขาวอมชมพูราวกับกุหลาบอ่อน ไม่ได้ต่างอะไรไปจากผิวของเด็กทารกแม้แต่น้อย
นี่ทำให้ลี่เฟยและเค่อเอ๋อตกตะลึงพรึงเพริด!
บุรุษของพวกนางกลับกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ตอนนี้ถึงแม้พวกนางจะไม่ได้กล่าวอะไร แต่ในใจของพวกนางเองก็บังเกิดความอิจฉาขึ้นมาแทบตายแล้ว!!
พวกนางอิจฉาต้วนหลิงเทียนที่มีผิวเรียบเนียนดั่งหยกเช่นนี้นัก ...!
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่