บทที่ 268 : อาวุโสไป่
เพียงได้ยินน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์หาผู้ใดเหมือน ไม่จำเป็นต้องดูต้วนหลิงเทียนก็รู้ว่าเป็นใคร
ถึงแม้เขาจะคาดเอาไว้แล้วว่าฉีเยี่ยนคงไม่เลิกราโดยง่าย แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่านางจะกลับมาเร็วถึงเพียงนี้ ...
คิ้วของต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างสตรีคนหนึ่งที่กำลังก้าวอาดๆนำทั้ง 3 คนมา เขาจำได้ทันทีว่านางเป็นใคร
นี่คือผู้อาวุโสไป่ ที่ไปรับศิษย์สตรีคนใหม่เข้าสู่ขุนเขาเหยากวงด้วยตัวเองเมื่อวานนี้
ด้านหลังของผู้อาวุโสไป่ก็เป็นฉีเยี่ยน ที่ยามนี้กำลังแลเต็มไปด้วยโทสะ ใบหน้าของนางเดิมที่อัปลักษณ์อยู่แล้วพลันยิ่งอัปลักษณ์มากเข้าไปใหญ่ สายตาของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ราวกับไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันกับต้วนหลิงเทียนได้ ...
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดแยแสฉีเยี่ยนสักนิด เขาหันไปมอง ผู้ที่มากับอาวุโสไป่อีกคน
คนๆนี้เป็นสตรีที่มีลักษณะอ่อนโยน ใบหน้าสวยงามไม่น้อย นางอายุประมาณ 23-24 ปี และดูเหมือนนางเองก็หันไปจ้องมองฉีเยี่ยนเป็น ครั้งคราวด้วยแววตารังเกียจ...
เห็นได้ชัดเลยว่า...ความนิยมในตัวฉีเยี่ยนบนขุนเขาแห่งนี้เป็นอย่างไร...
อาวุโสไป่และสตรีที่ติดตามมานี้ เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก ประกายตาของพวกนางพลันส่องประกายขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ซ้ำยังแฝงความอิจฉาเอาไว้เล็กน้อย!
มุมปากของต้วนหลิงเทียนพลันกระตุกขดตัว เผยให้เห็นความขมขื่น
ดูเหมือนตั้งแต่วันนี้ตัวเขาคงต้องขยันออกมาตากแดดบ่อยแล้วๆ... เขาต้องการผิวสีบรอนซ์อันห้าวหาญกลับคืนมาให้เร็วที่สุด ต้องการยิ่งกว่าการตัดผ่านระดับ!!
ส่วนสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายของลี่เฟยและเค่อเอ๋อนั้น เกรงว่าหากไม่ใช่คนที่สนิทกันจริงๆ คงเห็นได้ไม่ชัดเจน เพราะเดิมทีพวกนางก็งดงามอยู่แล้ว หากไม่สังเกตให้ละเอียดคงยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ
"ทักทาย ผู้อาวุโสไป่" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังสตรีหน้าตาสวยงามที่นำมาพร้อมรอยยิ้มยางๆ
เค่อเอ๋อและลี่เฟยก็ก้าวออกมาทักทายตามหลังเขา
"หืม? ข้าจำได้ว่าพวกเจ้าทั้ง 2 เป็นศิษย์สตรีคนใหม่ ที่ข้าไปรับเข้าเป็นศิษย์ของขุนเขาเหยากวงเมื่อวานนี้ไม่ใช่รึ"หลังจากนั้นอาวุโสไป่ก็เบนสายตาที่จับจ้องเค่อเอ๋อและลี่เฟยมายังต้วนหลิงเทียน "จากที่ข้าดู อายุของเจ้าสมควรยังไม่ 20 ปีใช่หรือไม่?"
"ถูกแล้ว อีกสักพักข้าถึงจะมีอายุ 20 ปี" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาบังเกิดความอยากรู้เล็กน้อยว่าอาวุโสไป่กล่าวถามเรื่องนี้ทำไม?
"เช่นนั้นเจ้าก็เป็นศิษย์ที่พึ่งเข้าร่วมนิกายมาเมื่อวาน?" อาวุโสไป่ถามต่อ
"ใช่แล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
อาวุโสหันไปมองฉีเยี่ยนก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส "ฉีเยี่ยนเจ้ากล่าวบอกมาตามตรงเสียจักดีกว่า ว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ไหนเจ้าบอกว่าศิษย์ใหม่ทั้ง 3 คนนี้ ร่วมมือกันทำลายระดับบ่มเพาะของเจ้า ไม่ใช่หรือ?"
สำหรับนาง เรื่องนี้มันไม่น่าเชื่ออย่างแท้จริง
นอกจากสตรีคนหนึ่งที่อายุราวๆ 21-22 ปีแล้ว อีก 2 คนยังเป็นเพียงชายหนุ่มหญิงสาวที่อายุไม่ 20 ปีด้วยซ้ำ
ทั้ง 3 คนจะมีความสามารถเพียงพอ ไปลอบโจมตีฉีเยี่ยนที่อยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 ได้ยังไง?
ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายตันเถียนของฉีเยี่ยนอีก?
นางรู้สึกว่าเรื่องนี้หาได้ง่ายดายดั่งคำกล่าวฉีเยี่ยน
"ถูกแล้วเจ้าค่ะ อาวุโสไป่" ฉีเยี่ยนรีบพยักหน้าออกมา ก่อนที่นางจะหันไปจ้องกลุ่มต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาชั่วร้าย "พวกมันลอบเข้ามายังสถานที่บ่มเพาะของข้า และลอบจู่โจมในขณะที่ข้ากำลังบ่มเพาะอยู่ในช่วงสำคัญ พวกมันซัดทำร้ายข้าจนบาดเจ็บสาหัสด้วยอำมหิตเจ้าค่ะ แล้วพวกมันก็กลุ้มรุมลงมือทำลายตันเถียนของข้าอย่างไร้ปราณี ซ้ำยังยึดสถานที่บ่มเพาะของข้าไปอีกเจ้าค่ะ!"
"เรื่องนี้จริงหรือไม่?" อาวุโสไป่หันไปจ้องกลุ่มของต้วนหลิงเทียน ม่านตานางหดแคบลงเล็กน้อย
"เจ้าอย่าได้โกหก!" เค่อเอ๋อมองไปยังฉีเยี่ยน ใบหน้าที่งดงามบริสุทธิ์ของนางแดงวูบวาบขึ้นมาด้วยโทสะ ร่างบอบบางของนางสั่นสะท้านเล็กน้อย
ส่วนลี่เฟยนั้นจับจ้องไปยังฉีเยี่ยนด้วยสายตาเย็นชา นางไม่คิดเลยว่าฉีเยี่ยนจะสารเลว กล้าปั้นน้ำเป็นตัว กล่าววาจาปั้นแต่งออกมาได้อย่างไร้ยางอายถึงเพียงนี้
มีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่ยังสงบนิ่ง ราวกับเรื่องราวนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
"หืม?" อาวุโสไป่สังเกตเห็นท่าทีสงบนิ่งของต้วนหลิงเทียน อดไม่ได้ที่นางจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย กล่าวถามออกมา “แล้วเจ้ามีอะไรจะกล่าว เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ "อาวุโสไป่ ท่านอย่าได้ฟังความที่ฉีเยี่ยนกล่าวข้างเดียวและด่วนสรุป โดยไร้ซึงหลักฐานใดๆ ก็พอ ... "
อาวุโสไป่ไม่ทันได้กล่าวอะไร ฉีเยี่ยนที่อยู่ด้านหลังพลันตะโกนกล่าวออกมาอย่างดุร้าย "ตัวข้าที่ถูกเจ้าทำลายตันเถียนนี่อย่างไรเล่า หลักฐานที่ดีที่สุด!"
"อะไร ตันเถียนของเจ้าถูกพวกเราทำลายหรือ?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา "ผู้ใดจะไปรู้บางทีเจ้าอาจจะไปเดินสะดุดหกล้มที่ใดสักที่แล้วบังเอิญพลั้งพลาดทำลายตันเถียนตัวเองก็ได้ ไม่ใช่หรือ...คำพูดมันจะกล่าวอย่างไรก็ได้ แค่เจ้าเห็นว่าพวกเราอยู่ในสถานที่บ่มเพาะของเจ้า เลยบังเกิดจิตคิดใส่ร้ายป้ายสีพวกเราหรือ? ประสาท!"
อาวุโสไป่และสตรีที่ติดตามมาที่ยืนด้านหลัง ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาพวกนางทอประกายสวยงามเมื่อได้ฟังคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน พวกนางบังเกิดความขบขันไม่น้อยจริงๆ
อาวุโสไป่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "ฉีเยี่ยนเจ้าจักกล่าวคำอันใดก็คิดให้ดีๆ ...หากข้ารู้ว่าเจ้ากำลังหลอกลวงข้าอยู่ล่ะก็ ข้าจะขับไล่เจ้าออกจากขุนเขาเหยากวงเสียตอนนี้!"
ใบหน้าของฉีเยี่ยนเปลี่ยนเป็นซีดเซียวทันที สุดท้ายนางก็ต้องกัดฟันกล่าวเล่าความจริงทั้งหมดออกมาอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ
หลังจากได้ยินเรื่องราวที่ฉีเยี่ยนเล่า อาวุโสไป่และศิษย์สตรีอีกคนที่อยู่ด้านหลังก็ตกตะลึง ... สายตาของพวกนางตกมาที่ต้วนหลิงเทียน ทั้งแววตาพวกนางยังเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
พวกนางไม่คาดคิดเลยว่าความแข็งแกร่งของชายหนุ่มคนนี้จะเหนือกว่าฉีเยี่ยน
กล่าวอีกแงหนึ่งก็คือ ระดับบ่มเพาะของเขาเหนือกว่าระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4!
อายุยังไม่ถึง 20 ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4!
แม้กระทั่งทอดสายตามองไปทั่วทั้งนิกายกระบี่ 7 ดาว พรสวรรค์ตามธรรมชาติอันไร้ผู้ต้านนี้ก็ไม่ได้มีปรากฏให้เห็น
"ฮึ่ม!" ไม่นานอาวุโสไป่ก็หันไปจับจ้องฉีเยี่ยนด้วยสายตาที่ทอประกายเย็นชาวูบวาบ... เจ้ารู้ความผิดตัวหรือไม่?"
ใบหน้าของฉีเยี่ยนซีดลงเล็กน้อย นางทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำ และกัดฟันอดทน "ฉีเยี่ยนรับทราบความผิดตัวดี แต่มันเป็นคนทำลายตันเถียนของข้า! ไม่ใช่ว่ามันกระทำเกินไปหรอกหรือ? ข้าหวังว่าอาวุโสไป่จะให้ความเป็นธรรมแก่ข้า ลงมือทำลายตันเถียนของมันให้ข้าด้วยเช่นกัน!"
ใบหน้าของอาวุโสไป่พลันจมลง "ฉีเยี่ยน แต่ก่อนข้าก็ได้ยินเหล่าศิษย์ในขุนเขากล่าวถึงความชั่วร้ายของเจ้าอยู่บ้าง แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้ตัวข้าจะได้พบพานประสบการณ์นั้นด้วยตัวเอง... ข้าขอถามเจ้าสักคำ สถานที่บ่มเพาะที่พวกนางเลือกนั้น มันไปรบกวนหรือสร้างปัญหาอะไรให้เจ้าหรือไม่? "
ฉีเยี่ยนส่ายหัว
"ในเมื่อสถานที่บ่มเพาะแต่แรกของพวกนางก็ไม่ได้ไปรบกวนอะไรเจ้า แล้วเจ้าจักไปบังคับ ขับไล่ไสส่งพวกนางทำอะไร? หรือว่าคำที่เหล่าศิษย์กล่าวกันไปทั่วว่า ตัวเจ้านั้นเมื่อพบศิษย์ที่งดงามกว่าเจ้า เจ้าก็จะอิจฉาเคียดแค้นชิงชังพวกนางจากก้นบึ้งของหัวใจ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆใช่หรือไม่? " เมื่ออาวุโสไป่กล่าวจบ เพลิงโทสะในแววตาพลันปะทุออกมาอย่างเย็นชาในแววตาคู่สวยของนาง
ร่างของฉีเยี่ยนสั่นสะท้านเบาๆ ดวงตาของนางทอประกายดุร้ายออกมา ก่อนที่จะเบนไปจับจ้องต้วนหลิงเทียน และมองไปที่ สตรีทั้ง 2 ที่เคียงข้างเขา ...’เพราะเหตุใดพวกนางจึงเกิดมางดงามปานบุปผาได้เช่นนี้...ในขณะที่ตัวข้ากลับเกิดมาพร้อมรูปร่างหน้าตาเช่นนี้...เพราะเหตุใด’
สีหน้าอาวุโสไป่เริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา เมื่อเห็นว่าฉีเยี่ยนทำท่าทางราวกับจะเสียสติเพราะความอิจฉา นางกล่าวตะโกนออกมาว่า "สั่วฉิง! อย่าให้ข้าเห็นนางบนขุนเขาเหยากวงอีก!"
คำสั่งของอาวุโสไป่ครานี้ ไม่ต่างอะไรกับการขับไล่ฉีเยี่ยนให้ออกไปจากนอกนิกายกระบี่ 7 ดาว
"ไม่นะ อาวุโสไป่ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้!!" ใบหน้าของฉีเยี่ยนเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
"ค่ะ อาวุโส" ศิษย์สตรีที่ยืนอยู่ด้านหลังอาวุโสไป่พยักหน้ารับคำ พร้อมยิ้มแย้มออกมา ประกายตาของนางเรืองวูบขึ้นมาขณะเดินไปหาฉีเยี่ยน
"อีนังแพศยา! อย่าเข้ามานะ!" ใบหน้าซีดเซียวของฉีเยี่ยนหันไปมองสั่วฉิงก่อนที่จะกล่าวคำด่าทอออกมา
สีหน้าของสั่วฉิงพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางยกมือที่ควบแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิด ตบฟาดไปที่ใบหน้าของฉีเยี่ยนจนกลิ้งกระเด็น
“ปิดเรื่องนี้เอาไว้ให้เงียบด้วย” อาวุโสไป่กล่าวออกมาอีกครั้ง
"เจ้าค่ะ" สั่วฉิงกล่าวรับคำ ก่อนที่จะเดินไปหอบหิ้วฉีเยี่ยนที่ถูกตบกระเด็นเมื่อครู่แล้วพานางออกไป
"ขอบคุณอาวุโสไป่ ที่ให้ความยุติธรรมแก่พวกเรา" ลี่เฟยยิ้มก่อนที่จะมองไปยังอาวุโสไป่พร้อมกล่าวขอบคุณออกมา
"ขอบคุณเจ้าค่ะ ผู้อาวุโสไป่" เค่อเอ๋อเองก็รีบกล่าวขอบคุณออกมาเช่นกัน
อาวุโสไป่ มองไปยังสตรีทั้ง 2 ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม "ระดับบ่มเพาะของพวกเจ้าทั้ง 2 มีเท่าไรแล้ว?"
เมื่อเค่อเอ๋อและลี่เฟยได้ยินคำถามนี้ ทั้งคู่ล้วนต่างหันไปมองต้วนหลิงเทียน
เมื่อพวกนางเห็นต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มแย้ม ก่อนจะพยักหน้าครั้งหนึ่ง พวกนางก็หันมองอาวุโสไป่อีกครั้ง ค่อยกล่าวตอบออกไป "ผู้อาวุโสไป่ พวกเราอยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3"
"อะไร! ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3?" อาวุโสไป่ตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ "เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?"
ทันใดนั้นเองเมื่อนางได้เห็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 40 ตัวที่ก่อร่างขึ้นมาเหนือศีรษะเค่อเอ๋อและลี่เฟย ในที่สุดนางก็ยืนยันได้อย่างเป็นมั่นเหมาะ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึง
"เจ้า... เจ้าต้องการเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่?" สายตาของอาวุโสไป่กลับมาสงบนิ่ง นางจับจ้องไปยังลี่เฟยพร้อมกล่าวถามออกมา ในแววตานี้เจือไปด้วยอารมณ์มากมายผสมอยู่
ลี่เฟยหันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามนี้
และนี่ทำให้ อาวุโสไป่บังเกิดความสงสัยไม่น้อย เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกัน?
"เมื่ออาวุโสไป่ คิดรับเจ้าไว้เป็นศิษย์ ก็นับว่าเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ลี่เฟย เท่าที่เขากังวลหากลี่เฟยกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสไป่ ก็กล่าวได้ว่าภายในขุนเขาเหยากวงแห่งนี้ แม้นางจะไม่สามารถกระทำได้ทุกสิ่งตามใจ แต่อย่างน้อยๆคงไม่มีเหล่าศิษย์สตรีคนไหนที่กล้ารังแกนางอีก
"อาจารย์" ลี่เฟยรีบหันไปกล่าวกับอาวุโสไป่ด้วยรอยยิ้ม
"ดี! ดียิ่ง!" ใบหน้าอาวุโสไป่เต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดี ทันใดนั้นนางก็ยกมือขึ้น ก่อนที่จะปรากฏดาบ 3 ฉื่อออกมา
ต้วนหลิงเทียนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มันเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 7 เล่มหนึ่ง
ตัวดาบแลดูราวกับสายธาราในฤดูหนาว มันแผ่กลิ่นอายเย็นเยือกออกมาฉาบไว้ทั่วทั้งตัวดาบ
"ดาบระดับ 7 นี้ถือซะว่าอาจารย์ให้เป็นของขวัญแก่เจ้า" อาวุโสไป่ยื่นดาบวิญญาณระดับ 7 ไปให้ลี่เฟย
ลี่เฟยยื่นมือออกไปรับมันมาทันที "ขอบคุณท่านอาจารย์"
ต่อมาเมื่อสังเกตเห็นว่าอาวุโสไป่ยืนมองเค่อเอ๋ออยู่เนิ่นนานแต่ไม่ได้กล่าวพูดอะไรออกมา นางจึงกล่าวบอกออกไปว่า “อาจารย์ พรสวรรค์และศักยภาพของเค่อเอ๋อ ยังเหนือกว่าข้าอีก อีกไม่นานนางก็คงตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 ได้แล้ว ... "
ลี่เฟยเองพยายามกล่าวช่วยเค่อเอ๋อให้มากที่สุด
"พี่หญิงเฟย เพียงท่านเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสไป่ได้ ข้าก็ดีใจมากแล้วเจ้าค่ะ" เค่อเอ๋อยิ้มให้ลี่เฟยบางๆ ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา
"ในเวลาอีกไม่เกิน 1 เดือน เค่อเอ๋อจะตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4!" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังอาวุโสไป่ด้วยความสงสัย เรื่องนี้มันแปลกเล็กน้อย เพราะอาวุโสคนนี้กลับรับลี่เฟยเป็นศิษย์ แต่ยังไม่กล่าวชักชวนเค่อเอ๋อเป็นศิษย์เสียที เพียงยืนมองแล้ว นิ่งไปอยู่นานสองนาน
พรสวรรค์ของเค่อเอ๋อเองไม่ได้ด้อยไปกว่าลี่เฟยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้เค่อเอ๋อก็ติดตามเขามานานกว่าลี่เฟย กล่าวได้ว่าระดับบ่มเพาะของนางยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียอีก
"อะไร เจ้ามั่นใจรึว่านางจะตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 ภายในเวลา 1 เดือน?"อาวุโสไป่ คิดว่าคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนนี้เกินโอ้อวดจริงไปบ้างเมื่อได้ฟัง นางหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
"ข้า มั่นใจ!" ต้วนหลิงเทียนพัยกหน้า เรื่องนี้เป็นอะไรที่เขามั่นใจมาก
เค่อเอ๋อในตอนนี้ต่างกับเค่อเอ๋อก่อนหน้าลิบลับ ตัวเค่อเอ๋อที่กินนมผา 10,000 ปีไปแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับการเกิดใหม่เช่นเดียวกับเขา ...กล่าวได้ว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติของนางตอนนี้ก็เท่าเทียมกับเขา!
และด้วยระดับบ่มเพาะในปัจจุบันของเค่อเอ๋อ การทะลวงผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
คำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว ทำให้เค่อเอ๋ออดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
แม้กระทั่งตัวนางเองยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 ได้ภายใน 1 เดือน แล้วเหตุใดนายน้อยจึงมั่นใจในตัวนางนัก?
แม้ว่านางจะสับสนและสงสัย แต่นางก็ไม่ได้กล่าวแย้งอะไรออกมา
นางเพียงมีแผนในใจ...นางจะขยันหมั่นเพียรบ่มเพาะให้หนักมากยิ่งขึ้นในเดือนหน้า!
"กล่าวไปแล้ว ...ขุนเขาเหยากวงเราก็มิเคยปรากฏศิษย์ที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำโดดเด่นเทียบเท่าเจ้ามาก่อน... " อาวุโสไป่จับจ้องไปยังร่างของเค่อเอ๋อก่อนที่จะส่ายหัวออกมา "แต่จะอย่างไร ข้าก็ไม่อาจรับเจ้าเป็นศิษย์ได้"
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่