px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 166 กำไรมหาศาล!!


องค์ชาย 3 สูดลมหายใจเขาลึกๆ แล้วเขาก็เหลือบมองไปยังเหล่าชายหนุ่มอัจฉริยะมากพรสวรรค์ภายในงานเลี้ยงด้วยสายตาที่เปลี่ยนเป็นเย็นชา ซ้ำยังกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแสอีกด้วยว่า “ท่านทั้งหลาย ดูเหมือนงานเลี้ยงวันนี้คงได้เวลาเลิกราแล้ว...”

ชายหนุ่มทั้งหลายย่อมไม่ได้โง่ แค่พวกมันเห็นสีหน้าและท่าทางขององค์ชาย 3 ก็รับรู้ว่ายามนี้องค์ชาย 3 กำลังสะกดข่มอารมณ์เดือดดาลเอาไว้ พวกเขาทำเพียงตอบรับคำอย่างสุภาพ ก่อนที่จะลุกและร่ำลากลับไป

ต้วนหลิงเทียนปล่อยมือที่กุมองค์หญิงปี้เหยาเอาไว้ เมื่อเดินมาถึงข้างทะเลสาบรอบนอก เขาค่อยๆหัวเราะออกมาอย่างเสียใจ "องค์หญิง ข้าต้องขออภัยท่านด้วย ที่ข้าอาจทำอันใดอุกอาจไปบ้าง"

ใจน้อยๆขององค์หญิงปี้เหยาพลันสะท้านขึ้นมาวูบหนึ่ง ...แม้แต่ตัวนางเองยังฉงนกับใจเจ้ากรรม วาใยถึงรู้สึกสูญเสียนัก ยามต้วนหลิงเทียนปล่อยมือ...

"ไม่เป็นไรหรอก" องค์หญิงปี้เหยาเพียงส่ายหน้าออกมาเบาๆ ด้วยแก้มที่ขึ้นสีเล็กน้อย

ภาพคู่หนุ่มชายหญิงที่ดูเหมาะสมราวสวรรค์สร้าง กำลังเดินไปรอบๆทะเลสาบที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ...

"ข้าเองก็ต้องขออภัยท่าน สำหรับสิ่งที่พี่ 3 ของข้าได้กระทำลงไปในงานเลี้ยง ... ปกติพี่ 3 นั้นหาได้เป็นเช่นนี้ไม่ วันนี้ แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดท่านพี่ ต้องจงใจเพ่งเล็งท่านเช่นนี้ด้วย" องค์หญิงปี้เหยาระบายลมหายใจอ่อนๆ

มุมปากของต้วนหลิงเทียนเองก็อดที่จะกระตุกขึ้นมาไม่ได้ นี่เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้องค์ชาย 3 ไม่พอใจ จนมันต้องจงใจหาเรื่องเขาเช่นนี้... แล้วเขาจะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่า ว่าองค์ชาย 3 นั้นมองเขาว่ามีแนวโน้มจะเป็นภัย เพราะมันเห็นว่าเขานั้นมีศักยภาพสูงล้ำ อีกทั้งยังไม่อาจควบคุมได้โดยง่าย องค์ชาย 3 จึงคิดว่าเขาอาจเป็นหนามยอกอกในวันหน้าได้จึงคิดกำจัดเขาทิ้งแต่เนิ่นๆเช่นนี้

บางครั้งการที่เกิดมาเป็นคนในราชวงศ์นั้น ก็จำต้องเขี่ยคนที่มีแนวโน้มว่าจะขวางเส้นทางออกไป โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอันใดทั้งสิ้น

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้เอ่ยทนทนาอะไรกันอีก ทำเพียงเดินเงียบๆ เคียงข้างกันไปจนวนครบรอบทะเลสาบ

"เอาล่ะองค์หญิง ถึงเวลาที่ข้าคงต้องขอตัวลาแล้ว"ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเอ่ยคำลาออกมา วันนี้เขาค่อนข้างประทับใจในตัวองค์หญิงปี้เหยาคนนี้

"อื้อ" องค์หญิงปี้เหยาพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียง คำนึง "แล้วต่อไป...พวกเราจักได้เจอกันอีกหรือไม่?"

"ต้องมีโอกาสได้เจอกันอีกแน่" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า และจากไป

องค์หญิงปี้เหยาเพียงระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลังได้ฟังคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน นางเหม่อมองแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนที่ค่อยๆเดินหายลับไป ...

"ปี้เหย้า เจ้าไม่อาจชมชอบเขาได้" ร่างหนึ่งพลันเดินมาข้างๆ องค์หญิงปี้เหยา

"ทำไมเล่า พี่ 3?" องค์หญิงปี้เหยากันไปมองคนที่กล่าววาจา ก่อนที่นางจะกล่าวถามย้อนด้วยแววตาแฝงความไม่ยินยอม

"เขาไม่คู่ควรกับเจ้า" คำตอบองค์ชาย 3 นั้นง่ายดายนัก

"ไม่คู่ควร?" เค้าลางความขื่นขมค่อยๆบังเกิดขึ้นที่มุมปากขององค์หญิงปี้เหยา นางได้แต่ส่ายหัวไปมาช้าๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา "ขอบคุณพี่ 3 สำหรับคำแนะนำและการต้อนรับอันดี ...พรุ่งนี้ข้าจะเตรียมตัวกลับวังหลวง ข้าหวังว่าท่านพี่ 3 จะช่วยจัดเตรียมความพร้อมให้ข้าด้วย"

องค์ชาย 3 ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ว่าน้องสาวของเขาอาจบังเกิดความรู้สึกกับชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมาจริงๆ...

"ลุงหู ไปจัดการให้เรียบร้อย ข้าไม่อยากให้เกิดปัญหาใดๆทั้งสิ้นในอนาคต" เมื่อน้องสาวเดินเข้าตัวตึกไปแล้ว อยู่ๆองค์ชาย 3 ก็กล่าววาจาออกมาราวกับเขากำลังสนทนากับอากาศ

"ขอรับ!" ทว่ากลับมีเสียงตอบรับดังขึ้นทันที พร้อมกันกับร่างของชายที่ซ่อนอยู่ในความมืดหายวับไป

หลังจากที่ออกจากเขตวังขององค์ชาย 3 ต้วนหลิงเทียนก็เตรียมเดินทางกลับบ้าน

"อา...ไม่คิดเลยว่าเสน่ห์ของข้ายังดีอยู่ ... " ต้วนหลิงเทียนอมยิ้มขึ้นมาอยู่คนเดียว

แน่นอนว่าเขาย่อมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกมีใจ ที่องค์หญิงปี้เหยาเผยออกมา ยามที่นางมองเขา แต่เขาเองก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากมายกับองค์หญิงปี้เหยา

บางทีอาจะเป็นเพราะการเจอกันครั้งแรกมันซับซ้อนไปเล็กน้อย หรือเป็นเพราะสตรี 2 คนที่บ้านก็ไม่รู้...

"ปล่อยให้โชคชะตานำพาก็แล้วกัน ... " ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่จะเลิกคิดถึงเรื่องนี้

หลังจากที่เดินไป 2 เค่อ ต้วนหลิงเทียนก็เดินมาไกลกว่าครึ่งทาง แต่ในขณะที่เขาคิดใช้ทางลัดโดยตัดเข้าตรงซอยเล็กๆ ที่เปลี่ยวร้างนั้นเอง

ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ว่าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวในแขนเสื้อเขามันกระวนกระวายเล็กน้อย

ทันใดนั้นต้วนหลินเทียนเลือกที่จะรั้งฝีเท้าเอาไว้ทันที ความจริงจังและเฝ้าระวังเริ่มปรากฏบนใบหน้าของเขา

และตอนนี้ด้วยพลังวิญญาณที่เหนือชั้น เขาพลันจับสัมผัสได้ว่า กำลังมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเขามาจากความมืด

"ใคร?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด

"นับว่าไม่เลวเลยทีเดียวที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 จะสามารถสัมผัสถึงข้าได้เช่นนี้... ข้าต้องขอบอกไว้เลยว่าเจ้านี่หาช่างพิเศษกว่าคนอื่นมากนัก" เสียงแหบชราดังขึ้นจากอีกด้านของซอยเปลี่ยวเล็กนี่ ก่อนที่แสงจันทร์จะเผยให้เห็นชายชราคนหนึ่งที่กำลังเดินมาหาต้วนหลิงเทียน

"ที่แท้ก็เจ้านั่นเอง!" ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขึ้นเล็กน้อย

ชายชราที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขายามนี้ หาใช่คนเดียวกับชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังองค์ชาย 3 หรอกหรือ?

"หากข้าคิดมิผิด เจ้าสมควรมีความลับอะไรบางอย่าง... เพราะแม้แต่พลังงานต้นกำเนิดที่ถูกบีบอัดเป็นคลื่นเสียงของข้า ยังไม่อาจทำอันตรายใดๆแก่เจ้าได้" ชายชราที่ก้าวเดินมาช้าๆ ค่อยๆกล่าวออกมาพร้อมประกายตาเรืองวูบ

"องค์ชาย 3 ส่งเจ้ามารึไง?" ต้วนหลิงเทียนเพียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อาศัยประสบการณ์ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด และพลังวิญญาณที่มีระดับเดียวกับผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งเฉกเช่นชายชราตรงหน้า ทำให้เขาล่วงรู้ระดับบ่มเพาะของชายชราคนนี้คร่าวๆ...

แม้ว่าชายชราคนนี้จะอ่อนด้อยกว่าพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้วนหลิงเทียนจะเป็นฝ่ายตรงข้ามของมัน เพราะอย่างน้อยๆมันก็มีระดับบ่มเพาะสูงถึงผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ซ้ำยังมีโอกาสที่มันเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งระดับ 8 อีกด้วย!!

ชายชราหาได้ตอบคำไม่ มันเพียงเดินเข้าหาต้วนหลิงเทียนอย่างช้าๆ

"ข้าอยากรู้เหตุผล" ตาของต้วนหลิงเทียนยังคงจับจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาแข็งกร้าว อีกทั้งน้ำเสียงของเขายังกล่าวออกมาด้วยทีท่าไร้ความหวาดกลัว

"เหตุผลงั้นหรือ ก็มิได้มีอันใดมาก ... นี่เพราะเจ้านั้นแสดงศักยภาพและความสามารถออกมาได้เลิศล้ำเกินไป นั่นทำให้ฝ่าบาทรู้สึกถูกคุกคาม นอกจากนี้เจ้าก็ไม่ควรทำตัวโอหังล่วงเกินองค์หญิงเช่นนั้น!" น้ำเสียงของชายชราที่เปล่งออกมามันราวกับดังจากขุมนรก มันหนาวเย็นจนเสียดกระดูก

แสดงศักยภาพและความสามารถมากเกินไป?

ไม่ควรล่วงเกินองค์หญิง?

นี่หรือคือเหตุผล?

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนเคร่งขึ้นอีกครั้ง นี่หรือเหตุผลที่มันใช้ในการเข่นฆ่าผู้คน?

ก่อนหน้านี้ แม้จะเป็นตัวเขาเองก็พอรู้อยู่แล้วว่าองค์ชาย 3 อาจไม่ชอบขี้หน้าของเขา แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะถึงขั้นที่ต้องการชีวิตเขาเช่นนี้ ... ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนฉายออกมาถึงเพลิงโทสะที่เริ่มลุกโชน

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังชายชราด้วยประกายตาอำมหิต เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ข้าจะให้โอกาสเจ้าตอนนี้ ว่าจักล่าถอยไปแต่โดยดี ... หรือว่าจักตกตายลงอย่างอนาถ !"

ต้วนหลิงเทียนมีอาคมกร่อนกระดูกสองชิ้นที่เขาได้จารึกเอาไว้ และแน่นอนอาคมนี้มันเพียงพอที่จะสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งให้ตกตายลงได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็หาได้เต็มใจที่จะใช้มันสักเท่าไร

เพราะอาคมนี้มันเสียค่าวัตถุดิบหลายล้านเหรียญ!

แม้ว่าเขาน่าจะต้องใช้มันแค่ครั้งเดียว แต่ก็คงทำให้เขาปวดใจเพราะความเสียดายเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงมอบโอกาสให้แก่ชายชราตรงหน้า แน่นอนว่าหากชายชรายังคิดเอาชีวิตเขาด้วยเหตุผลบัดซบเช่นนี้ ถึงเขาจะลำบากใจและเสียดายเหรียญเงิน แต่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตเขาก็จำเป็นต้องใช้อาคมกร่อนกระดูกผลาญชีวันมันเสีย!

เพราะเขายังสามารถหาเงินอีกเท่าไรก็ได้ ... แต่เขาคงทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป หากต้องทิ้งชีวิตไว้เช่นนี้!

"เช่นนั้นข้าก็อยากจักชมดูนัก! ว่าอาศัยเพียงเด็กน้อยเช่นเจ้า จักมีปัญญาเอาชีวิตข้าได้อย่างไร!!"ชายชราถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใส่ใจวาจาคุกคามข่มขู่ของต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย เขาคิดว่าต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าววาจาประวิงเวลาหาทางรอดของมันเสียมากกว่า

ทันใดนั้นชายชราพลันลงมือทันที ร่างของมันเริ่มวูบไหวพุ่งเข้ามาราวเส้นแสงอัสนี พลังงานต้นกำเนิดปะทุเรืองรองขึ้นมาในฝ่ามือของมันจนบัเกิดลมกรรโชกราวกับพายุพัดถล่ม มันทะยานมาราวกับ อีกาทองคำข้ามนภา หมายฟาดต้วนหลิงเทียนให้แหลกเหลวในฝ่ามือเดียว!

ต้วนหลิงเทียนนั้นรู้สึกกดดันจากท่วงท่าและระดับพลังงานของมันอยู่บ้าง พลังงานมันแผ่ออกมากดดันถึงระดับที่ทำให้เขาหายใจติดขัดจนแทบจะหายใจไม่ออก เขาสามารถเห็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเหนือศีรษะชายชราได้อย่างชัดแจ้งว่ามันมีถึง 1,000 ตัว!

"โอ้ ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8!" สีหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันเย็นชาลง

บรึม!

เมื่อทะยานมาถึงครึ่งทาง ชายชรพลันฟาดมือจากระยะไกลส่งคลื่นพลังงานต้นกำเนิดมหาศาลที่ควบแน่นราวกับวัตถุมีสภาพ พุ่งมายังหลิงเทียน ...ดูเหมือนมันไม่อยากให้ชุดเปรอะเปื้อนเลือดเนื้อเลอะเลือนของต้วนหลิงเทียน!

"เหอะ! ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายนักข้าก็จะสงเคราะห์ให้เอง! อยู่ในนรกก็อย่าได้โวยวายข้าล่ะ!" ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงเย็นชาออกมา มือของเขาสะบัดวูบด้วยความเร็วสูง ชักกระบี่อ่อนดาราม่วงฟาดไปยังพลังงานที่กำลังพุ่งมาในทันที ...

ทันทีที่พลังฝ่ามือไร้สภาพของชายชราจะปะทะกับกระบี่อ่อนดาราม่วงของต้วนหลิงเทียน เขาก็เปิดใช้งานอาคมกร่อนกระดูกทันทีอย่างไม่รอช้า กระบี่อ่อนดาราม่วงทอประกายเรืองวูบส่องสว่างขึ้นมา!

วู้มมมม!

ประกายแสงสีเทาน่าสยดสยองแผ่ซ่านออกมาจากกระบี่อ่อนดาราม่วง สลายฝ่ามือได้อย่างง่ายดายราวกับกวาดผ่านอากาศธาตุ ซ้ำยังพุ่งไปยังชายชราด้วยความเร็วดั่งประกายอัสนีแลบลั่น!

"ไม่จริง!" แววตาของชายชราเต็มไปด้วยความซับซ้อนเมื่อเห็นภาพตรงหน้า และมันไม่อาจจะตอบสนองอันใดได้ทันท่วงที ประกายแสงสีเทาน่าพรั่นพรึงพุ่งปะทะร่างของมันอย่างไร้หนทางหลบหลีก!

พริบตาต่อมา

"อ๊าคคคคคคคคคคคคคคค!" เสียงกรีดร้องของชายชรามันโหยหวน ชวนให้บังเกิดความสยดสยองอย่างมาก แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ขึ้นมา.. อาคมกร่อนกระดูกนี้น่าพรั่นพรึงเกินไป!

ไม่นานนักเสียงกรีดร้องของชายชราก็เงียบไปเฉกเช่นเดียวกับลมหายใจที่หลุดลอย ร่างของมันสั่นเทิ้มพลังงานต้นกำเนิดค่อยๆสลายหายไป ไม่เพียงเท่านั้นยามนี้ร่างของชายชราค่อยๆย่นยู่ยี่ลงไปกองกับพื้นอย่างน่ารังเกียจ ไม่ต่างอันใดกับถุงหนังมนุษย์ใส่เลือดแม้แต่น้อย กระดูกในร่างของมันค่อยๆถูกกัดกร่อนจนสลายกลายเป็นไอพุ่งออกมาตามทวารทั้ง 7 ไม่มีเหลือแม้แต่ธุลี

แม้แต่ต้วนหลิงเทียนที่สังหารคนมาทุกรูปแบบยังอดขนพองสยองเกล้าขึ้นมาไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกของเขาเช่นกันที่ได้เห็นภาพคนที่ตกตายในรูปแบบนี้! ตกตายโดยที่กระดูกทั้งร่างถูกกร่อนเป็นขี้เถ้าก่อนจะสลายหายไป... คนทั้งคนกลับกลายเป็นกองเนื้อยับย่นเหลวเละอยู่บนพื้นราวโคลนตม ...

ฟู่ววว!

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดไปตรวจสอบอันใดทั้งสิ้น มันคงไม่อาจตกตายไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว เขาจุดเปลวเพลิงหลอมโอสถสลายร่างกายของชายชราที่สยดสยองจนไม่อยากจะมองทันที

สุดท้ายก็หลงเหลือเพียง แหวนมิติ กองอยู่บนพื้นพร้อมกับรอยไหม้เล็กน้อยเท่านั้น เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วก็จากไปทันที

ระหว่างทางต้วนหลิงเทียนก็หยดเลือดใส่แหวนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของทันที...

"สวรรค์!!" เมื่อต้วนหลิงเทียนตรวจสอบแหวนมิติ และพบเห็นสิ่งของที่อยู่ด้านใน มันถึงกับหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นระรัวราวกลองศึก โลหิตพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย!!

ภายในแหวนมิติมันพบตั๋วเงินกองเท่าภูเขา! จัดวางเรียงรายอย่างประณีต! อีกทั้งมันเป็น ตั๋วเงินใบละ 10,000 เหรียญเงินแทบทั้งสิ้น! ... ต้วนหลิงเทียนนับคร่าวๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะประมาณได้ว่า ภายในแหวนมิตินี้ สมควรมีตั๋วเงินไม่ต่ำกว่า 70-80 ล้านเหรียญเงิน!

"มันคงไม่ใช่ผู้ดูแลทรัพย์สินขององค์ชาย 3 หรอกนะ?" ภายในใจของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความปิติยินดีอย่างถึงขีดสุด

"โอ้ องค์ชาย 3 ท่านช่างมีน้ำใจนัก! ใจดีส่งของขวัญอันประเสริฐเช่นนี้มาให้ข้า!" ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มลิงโลด "บัดซบ! โชคดียิ่งนัก ที่ชายชรานี่ ไม่เกรงกลัวคำขู่ของข้าแล้วรามือจากไป! ... " เมื่อต้วนหลิงเทียนคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้เขาอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวตัวเอง ที่มัวแต่เสียดายและตระหนี่ลังเลที่จะใช้อาคมจารึก!

นึกภาพออกได้เลยว่าหากชายชรารับรู้เรื่องราวในหัวของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ มันคงไม่อาจตายอย่างสงบ และคงอาละวาดอย่างแน่แท้ ถึงแม้จะลงนรกไปแล้วก็เถอะ

"การจารึกอาคมกร่อนกระดูก 1 ครั้ง ใช้วัตถุดิบราว 3 ล้านเหรียญเงิน... เมื่อหักลบแล้วนับว่าครานี้ ข้าได้กำไรมหาศาลนัก!" ต้วนหลิงเทียนกลับบ้านอย่างปรีดา

อาศัยเพียง 3 ล้านเหรียญเงิน แลกกับเงิน 70-80 ล้านเหรียญเงิน การค้าที่มีกำไรมากมายขนาดนี้มิใช่หาได้ง่ายๆ และมีมาบ่อยนัก!

“อ่า! เช่นนั้นไอต้วนหรูเล่ยบัดซบนั่นเล่า เห็นว่ามันเป็นคนดูแลเรื่องกิจการและทำการค้าจนสร้างความมั่งคั่งให้ตระกูลต้วนขนรุ่งเรือง...เช่นนี้ในแหวนของมันจะมีทรัพย์สมบัติเท่าไหร่กัน! ... ฮึ่ม ถ้ามันกล้ามาหาเรื่องตอแยข้า อย่าได้หาว่าข้าไร้ปราณีก็แล้วกัน” ปากของต้วนหลิงเทียนเริ่มแสยะยิ้มกว้างออกมา ประกายตาของมันเต็มไปด้วยความโลภ ยามนี้มองมุมไหนก็เห็นเพียงรูปเหรียญเงินสะท้อนอยู่!

เรื่องราววันนี้ทำให้มันได้ลิ้มรสความหอมหวานของการค้าต้นทุนต่ำเป็นอย่างดี....

"หืม เช่นนี้องค์ชาย 5 เล่า ผู้ดูแลทรัพย์สินมันก็ต้องมั่งคั่งเช่นนี้ใช่หรือไม่?" ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดการณ์ใหญ่ เขาก็สังเกตว่ายามนี้เขาเดินมาถึงประตูบ้านของเขาแล้ว

ต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยกังวลว่าคนในบ้านจะเป็นห่วงสักเท่าไร เพราะว่าก่อนไปเขาได้แจ้งเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าวันนี้จะไปทำอะไร ...แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อต้วนหลิงเทียนกลับมาถึง สตรีที่ที่งดงามทั้ง 2 คนก็ยังคงเฝ้ารอเขาด้วยใบหน้าที่ให้ความรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย และพวกนางก็เริ่มกล่าวซักถามถึงงานเลี้ยงช่วงค่ำที่ผ่านมา

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนคงไม่เล่าความจริงออกไปทั้งหมด หาไม่แล้วพวกนางคงเป็นกังวลอย่างมากแน่นอน อีกทั้งเขาคงไม่กล้าเล่าเรื่ององค์หญิงปี้เหยา นี่เพราะเขาไม่อยากเจอลี่เฟยหึงหฤโหด!

รีวิวผู้อ่าน