Chapter 13 : จ่ายมา !
แม็กซ์รออยู่สักพัก มีคนเดินผ่านมาและแสดงท่าทีสนใจในร้านของเขาที่ดูแตกต่างจากร้านใกล้ๆอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่เห็นว่าจะมีใครที่อยากจะเข้ามาจริงๆ
แม็กซ์กลับเข้าไปในร้านเพื่อเช็ดโต๊ะและล้างจาน ส่วนเอมี่ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลังเคาเตอร์และเล่นกับไฟในมือของเธอด้วยความสนใจและพึมพำคำว่าเวทมนต์ออกมาอยู่ตลอด
หลังจากที่ทำความสะอาดร้านเรียบร้อยแล้วแล้ว แม็กซ์ก็เดินออกมาจากครัว เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีวี่แววที่ลูกค้าจะเข้ามาในร้าน เขาก็ดึงเก้าอี้ไปนั่งข้างๆเอมี่และดูเธอเล่นกับไฟ
ทันใดนั้นเอมี่ก็มองมาที่เขาแล้วถามขึ้น “พ่อ ถ้าหนูโยนมันออกไป มันจะเหมือนกับเวทมนต์ของนักเวทย์รึเปล่า ?” เธอยกมือขึ้นทำท่าจะโยนลูกไฟออกไป
“ไม่ ไม่ ไม่ !” แม็กซ์โบกมือห้ามไปมา ถ้าเธอโยนมันออกไปจริงๆ ถึงแม้ว่าร้านจะไม่โดนเผาจนวอด แต่โต๊ะกับเก้าอี้นั้นจะต้องเสียหายแน่ เขาเห็นว่าระบบเอาจริงเอาจังกับเรื่องเงินมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นเงินที่เหลืออีก 2,700 เหรียญทองแดงของเขาคงไม่พอสำหรับค่าซ่อมแน่ๆ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกพ่อ หนูไม่โยนมันออกไปจริงๆหรอก” เมื่อเห็นว่าแม็กซ์กังวลเอมี่ก็หัวเราะออกมาและสะบัดมือเพื่อดับไฟลง
แม็กซ์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาคิดถึงคำถามของเอมี่แล้วพยักหน้า “ถ้าลูกโยนมันออกไปได้และโดนเป้าหมายจริงๆ มันถึงจะเรียกได้ว่าเวทย์ลูกไฟ”
เอมี่ส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจในตัวเอง “เอมี่ทำแบบนั้นไม่ได้”
“ไม่ต้องกังวล” แม็กซ์ยิ้ม เขามองเข้าไปในตาของเธอด้วยสายตาให้กำลังใจ “พ่อจะฝึกกับลูกจนกว่าจะหาทางที่เหมาะๆให้กับลูกได้ ไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็นนักเวทย์ได้ในทันที เอมี่น่ะน่าทึ่งแล้วเพราะลูกสามารถสร้างลูกไฟขึ้นมาได้เอง พ่อมั่นใจว่าลูกต้องทำได้แน่”
“ได้เลยพ่อ เอมี่จะพยายาม !” เอมี่พยักหน้า จากนั้นเธอก็มองไปที่ประตูและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสับสน “แต่ทำไมถึงไม่มีใครเข้ามากินที่ร้านเราเลยล่ะพ่อ ? ข้าวผัดสายรุ้งน่ะดีจะตาย”
“เพราะพวกเขายังไม่ได้ลองกินมัน พวกเขาถึงไม่รู้ว่ามันดี พ่อมั่นใจว่าอีกไม่นานต้องมีคนมาต่อคิวเพื่อกินอาหารที่ร้านของเราแน่ๆ” แม็กซ์ยิ้มแต่ก็รู้สึกสลดในใจ ราคา 600 เหรียญทองแดงนั้นถือว่าเป็นราคาที่สูงสำหรับคนทั่วไป แต่เมืองเคออสแห่งนี้ใช่ว่าจะขาดคนรวย ทุกเผ่าต่างก็มีคนรวยที่ชอบความตื่นเต้นและมักจะมาเที่ยวรอบๆเมือง บางคนถึงกับตั้งรกรากกันที่นี่เลยก็มี
ยังไงซะที่นี่คนแคระก็จะได้รับบริการจากมนุษย์ผู้หญิงสวยๆ โทรลก็สามารถไปดูปิศาจแก้ผ้าได้ แม้แต่ก็อบลิ้นก็ยังไปกินเหล้าที่บาร์เพื่อดูสาวๆได้...แค่มีเงินก็พอ คนเราจะทำอะไรที่นี่ก็ได้ถ้ามีเงิน
“ถ้าเรามีลูกค้าเยอะมากๆเอมี่ช่วยพ่อได้นะ” เอมี่มองไปที่แม็กซ์ด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“งั้นลูกทำอะไรได้บ้างเอมี่ ?” แม็กซ์ถามพร้อมกับยิ้ม
“เอมี่ช่วยเก็บเงินได้ หนูเรียนเลขมาจากครูลูน่า เธอบอกว่าหนูน่ะเก่งมาก” เอมี่พูดเหมือนกับว่าเธอกำลังอวดตัวเอง
“ลูน่า ?” แม็กซ์คิดก่อนจะจำได้ในทันที ‘ลูน่า’ คือครูที่ทำงานที่โรงเรียนเคออสซึ่งเป็นของโบสถ์เกรย์ เขาจำได้ว่าเธอเป็นเด็กสาวที่มักจะใส่ชุดสีเขียวทึบและมักจะเย็นชากับคนอื่น แต่มันจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันทีตอนที่เธออยู่กับเด็กๆ เธอจะกลายเป็นคนใจดีและกลายเป็นที่รักของเด็กๆ
เนื่องจากเอมี่ไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน เธอจึงไม่มีสิทธิที่จะไปโรงเรียน แต่เธอก็มักจะไปที่นั่นและเกาะกำแพงคอยดูคนอื่นๆเรียน ลูน่าชอบเอมี่มากและมักจะให้เอมี่เข้าไปเรียนกับเด็กคนอื่นๆ บางครั้งเธอก็สอนเอมี่แบบส่วนตัวและมักจะให้ของกินกับ เอมี่อยู่เสมอ ดังนั้นแม็กซ์คนเก่าจึงจำลูน่าได้
“ใช่ และถ้าพวกเขาไม่จ่ายเงิน เอมี่จะโกรธและทำให้พวกเขากลัวด้วยลูกไฟ” เอมี่พูดพร้อมกับพยักหน้า
“โกรธ ? เอมี่รู้ด้วยเหรอว่าโกรธทำยังไง ?” แม็กซ์ไม่ค่อยเชื่อเธอเท่าไหร่
เอมี่พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน หนูเห็นตอนที่ปู่คนแคระข้างบ้านโกรธ” จากนั้นเธอก็เอาหมัดเล็กๆของเธอชูขึ้นมาตรงหน้าและเบิกตามองมาที่แม็กซ์ “จ่ายมาซะ ไม่งั้นก็เตรียมโดนต่อยได้เลย !”
“พ่อ แบบนี้ใช่สีหน้าโกรธรึเปล่า ?” เอมี่ถามด้วยความคาดหวัง เธอยังคงรักษาท่าโกรธของเธอเอาไว้
น่ารักจริงๆๆๆๆ ! แม็กซ์รู้สึกใจละลายแต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าคาดหวังของเธอ เขาก็ต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้แล้วพยักหน้า “ใช่ โกรธสุดๆไปเลย”
เอมี่ลดมือลงและพูดขึ้นด้วยความดีใจ “งั้นพ่อก็ยกหน้าที่เก็บเงินให้หนูนะ หนูมั่นใจว่าจะทำมันได้ดี”
แม็กซ์พยักหน้าพร้อมกับยิ้ม “ได้ งั้นพ่อจะยกให้เป็นหน้าที่ของลูก โอ้ พ่อจะแสดงให้เห็นว่าโกรธกว่านี้เป็นยังไงถ้าพ่อมีเวลา” เขาไม่ได้ปฏิเสธเอมี่ แต่สีหน้าของเธอน่ะดูน่ารักจริงๆ เขาคงต้องสอนเธอบ้างแล้วไม่งั้นลูกค้าคงจะไม่เชื่อฟัง
จากนั้นเอมี่ก็อ้อนให้แม็กซ์เล่านิทานให้ฟัง เขาเล่าเรื่องหนูน้อยไม้ขีดไฟให้เธอฟัง เอมี่ตั้งใจฟังเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าแม็กซ์จะดัดแปลงบางส่วนของเรื่องก็ตาม
เมื่อเขาเล่าจบเรื่อง เอมี่ก็ถามขึ้นด้วยความคาดหวัง “พ่อ ห่านย่างมันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ?”
แม็กซ์พยักหน้า “พ่อว่าน่าจะใช่นะ” แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติไป จุดสำคัญของเรื่องคือห่านย่างในครัวรึไง ?
นิทานจบแล้ว พวกเขายังคงนั่งอยู่ที่เคาเตอร์ด้วยความเบื่อ พวกเขาเอามือเท้าคางคอยมองทุกอย่างรอบๆตัว
แม็กซ์รู้อยู่แล้วว่าการเริ่มต้นมันไม่ง่าย แต่เขาไม่คิดว่าจะไม่มีใครเข้ามาในร้านเลยตลอดทั้งเช้า มีแค่เด็กปิศาจสองคนที่มองเข้ามาจากทางหน้าต่าง
ตอนบ่าย เอมี่หันมามองแม็กซ์และพูดขึ้น “พ่อ เอมี่หิวแล้ว”
แม็กซ์พยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา “พ่อจะไปเตรียมมื้อเที่ยงให้” จากนั้นเขาก็เข้าไปในครัว มันช่วยไม่ได้จริงๆ เขาไปยืนข้างนอกเพื่อเรียกลูกค้าทั้งวันไม่ได้
สำหรับท่าทีที่ต้องมีต่อลูกค้าแล้ว เขาก็คิดมันอยู่บ้างตอนที่นั่งอยู่ในร้าน ในด้านความรู้สึกของลูกค้าแล้ว เขารู้ดียิ่งกว่าเจ้าของร้านหลายๆคน ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาเป็นเจ้าของร้านก็ตาม ยังไงซะเขาก็เคยไปมาหลายร้านแล้วในชีวิตเก่า
ความรู้สึกอบอุ่นอาจจะทำให้คนรู้สึกว่าพวกเขามีค่า แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบพูดคุยพวกเขาก็มักจะรู้สึกอึดอัด ส่วนท่าทีเย็นชาก็จะทำให้ลูกค้าส่วนมากไม่พอใจ ดังนั้นการทำเกินไปในด้านใดด้านหนึ่งจะส่งผลเสียซะมากกว่า
นอกจากนี้ร้านของเขาก็มีเพียงแค่เขากับเอมี่ สำหรับเอมี่นั้น เธอสามารถเก็บเงินได้ การต้อนรับลูกค้าก็ควรเป็นหน้าที่ของเขา หลังจากที่สรุปประสบการณ์และคิดถึงสถานการณ์ของร้านตอนนี้แล้ว เขาก็สามารถสรุปได้ในสามคำ : เป็นกันเอง เหินห่างและเท่าเทียม
เป็นกันเองคือพื้นฐานที่ควรจะแสดงออกต่อลูกค้า มันจะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีก่อนที่จะได้กิน สำหรับความเหินห่างนั้นเป็นเพราะว่าแม็กซ์ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพเพราะเขาต้องทำให้ลูกค้าที่ไม่ชอบการต้อนรับที่ดูสนิทเกินไปนั้นรู้สึกสบายใจขึ้นมา สำหรับความเท่าเทียมก็คือเขาต้องแสดงออกต่อทุกเผ่าพันธุ์อย่างเท่าเทียม แม็กซ์รู้สึกว่าไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถเข้ามากินที่นี่ได้ก็คือลูกค้าของเขา ไม่ว่าจะเป็นเผ่าไหนก็ตาม เขาต้องปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเท่าเทียม
ในขณะที่แม็กซ์เพิ่งจะเตรียมวัตถุดิบสำหรับข้าวผัดสองจานเสร็จ เสียงกระดิ่งที่ประตูก็ดังขึ้น...