px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 184 18 ปี กำเนิดแก่นแท้ ??


พลังงานต้นกำเนิดทั่วร่างของฉวีชิงพลันปะทุขึ้นมาราวกับจุดระเบิด ขาของเขาถีบพื้นอย่างรุนแรงส่งร่างพุ่งทะยานไม่ต่างอะไรกับลูกกระสุนปืนใหญ่ หมายจู่โจมต้วนหลิงเทียนเต็มกำลัง

เหนือศีรษะเขาเงาร่างข้างแมมมอธโบราณพลันฉายชัดออกมา 12 ตัว ...

ฟุ่บ!

วิชาท่าร่างของฉวีชิงนั้นรวดเร็วไม่น้อย ร่างของเขากระโจนแหวกฝ่าสายลมมาดั่งเสือชีต้าปราดเปรียวตัวหนึ่ง

ชิ้งงงงง!

ฉวีชิงพลันยกมือขึ้นมา และในมือนั้นก็คว้าจับดาบสามฉื่อสีดใบดาบหนาเล่มหนึ่ง ที่อยู่ๆก็ปรากฏออกมาจากอากาศว่างเปล่า เขาคว้าดาบแล้วเหวี่ยงฟาดออกมาทันใด ตัวดาบสีดำทอประกายส่องสว่างลากผ่านชั้นฟ้าราวกับจะกรีดเมฆสับลงไปยังต้วนหลิงเทียน!

เหนือศีรษะฉวีชิงพลันมีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเพิ่มมาอีก 3 ตัว...อย่างกะทันหัน

หากนับรวมความแข็งแกร่งในด้านการโจมตีของฉวีชิงหลังจากที่เพิ่มพูนพลังด้วยอาวุธวิญญาณแล้ว เขามีพลังโจมตีสูงถึง 15 ช้างแมมมอธโบราณ!

ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9!

อาวุธวิญญาณระดับ 7!

และแน่นอนเป็นไปตามคาดเอาไว้ไม่มีผิด การลงมือของฉวีชิงครั้งนี้ได้ดึงดูดความสนใจของนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลทั้งหมดที่อยู่รอบๆบริเวณ ตอนนี้สีหน้าของเหล่านักศึกษาล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสนใจใคร่รู้

พวกเขาล้วนอยากรู้ว่าบทสรุปของศึกครั้งนี้จะเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วฉวีชิงจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้หรือไม่?

ดาบ 3 ฉื่อในมือฉวีชังฟาดไปทางต้วนหลิงเทียนว่องไวดั่งเส้นแสง ความเย็นชาและโทสะที่เกรี้ยวกราดกระพริบวูบวาบในดวงตาของเขา ...

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ กล้ากล่าวว่าไม่อย่างลดตัวมาลงมือกับเขา!!

หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้และอายุมากกว่าเป็นคนกล่าว เขาจะไม่เจ็บใจอะไรสักนิด แต่นี่ผู้ที่กล่าววาจา...ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 และยิ่งไปกว่านั้นมันมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น!

และที่สำคัญที่สุดก็คือ ชายหนุ่มคนนี้เป็นคู่แข่งที่อยู่ใจในของเขา เขาจึงไม่อาจระงับอารมณ์อะไรไว้ได้อีกต่อไป!

ฟุ่บ!

เสียงหวีดหวิวจากการแหวกฝ่าอากาศด้วยความเร็วสูงของดาบ ที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ต้วนหลิงเทียนนั้นชักสีหน้าอำมหิตขึ้นมา เขารีบใช้แรงผลักเทียนหูที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้พ้นทางดาบ ก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือ

และทันทีที่เทียนหูถูกผลักออกไปให้พ้นทาง ดาบของฉวีชิงพลันสับลงมาตรงตำแหน่งเมื่อครู่อย่างรุนแรง พร้อมทั้งเฉียดชายเสื้อต้วนหลิงเทียนที่อาศัยแรงสะท้อนจากการผลักเทียนหูไปเพียงแค่เส้นผมกั้นเท่านั้น ...

"ฉวีชิงเจ้าช่างต่ำช้านัก!" เทียนหูตกอยู่ในอาการหวาดผวาเล็กน้อย ก่อนที่จะจ้องมองไปยังฉวีชิงด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ท่าทางของเขาฉายชัดออกมาถึงความไม่พอใจ

อย่างไรก็ตามฉวีชิงไม่คิดสนใจอะไรเทียนหู เขาเลือกที่จะให้ความสนใจต้วนหลิงเทียนที่อยู่อีกด้านแทน พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น "ต้วนหลิงเทียนเจ้าได้กล่าววาจาเอาไว้ก่อนหน้านี้ ...ว่าเจ้าไม่อยากลดตัวมาลงมือกับข้า ตอนนี้ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้า! ต้วนหลิงเทียน! อาศัยอันใดถึงกล่าววาจาเขื่องโขโอ้อวดเพียงนั้น"

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันมืดลงทันที เขาไม่คิดว่าฉวีชิงมันจะเป็นเอามากถึงเพียงนี้ ...ยามนี้เพลิงโทสะในใจของเขาพลันลุกโชนขึ้นมาบ้างแล้ว!

ทั้งยังเป็นเพลิงโทสะที่ยากระงับ!

และตอนนี้เหล่านักศึกษาทั้งหลายที่อยู่ห่างไกลล้วนวิ่งติดตามมาชมดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ดวงตาของพวกมันทั้งหมดเบิกกว้างและจับจ้องไปยังร่างของชายหนุ่มทั้ง 2 คนที่เผชิญหน้ากันอยู่ด้วยสภาวะต่อสู้

หนึ่งคือชายหนุ่มอายุ 20 ปี

อีกหนึ่งเป็นเพียงชายหนุ่มอายุ 18 ปี

และชายหนุ่มที่มี อายุ 20 ปีนั้นคือฉวีชิง อดีตนักศึกษาอัจฉริยะมากพรสวรรค์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในสถาบันบ่มเพาะขุนพล อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากเหล่านักศึกษาแทบทั้งหมดของสถาบันบ่มเพาะขุนพลว่าเป็น อัจฉริยะอันดับที่ 1 ใต้ระดับกำเนิดแก่นแท้ แห่งสถาบันบ่มเพาะขุนพล

ส่วนอีกคนนั้นคือ ต้วนหลิงเทียน นักศึกษาอัจฉริยะที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังสถาบันบ่มเพาะขุนพลในขณะนี้ ในตอนที่เขาพึ่งเข้ามาในรั้วของสถาบันบ่มเพาะขุนพลนั้น เขาก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักอะไรมากมาย... จนกระทั่งเขาได้เปิดเผยตัวตนออกมาในขณะที่ทำการประลองเป็นตายกับคู่ต่อสู้ที่มีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ด้วยการระเบิดความแข็งแกร่งของระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ออกมาอย่างอัศจรรย์ ทั้งยัง ถือครองอาวุธวิญญาณระดับ 7 จนสามารถทำให้สังหารคู่ต่อสู้ลงได้ นั่นทำให้ชื่อเสียงของเขาเริ่มแพร่กระจายไปในสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้

และตั้งแต่นั้นมารัศมีอัจฉริยะอันดับ 1 คนเก่าของสถาบันบ่มเพาะขุนพลอย่างฉวีชิง ก็ถูกดับวูบลงไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยรัศมีที่ส่องประกายเรืองรองยิ่งกว่าของเยาวชนคนนี้

และในวันนี้อดีตอัจฉริยะอันดับ 1 กับ อัจฉริยะอันดับ 1 ในปัจจุบัน กำลังเผชิญหน้ากัน เรื่องนี้มันจะระเบิดความน่าสนใจออกมาขาดไหนกันล่ะ?

ตอนนี้ทุกคนไม่กล้าหายใจแรงแม้แต่น้อย พวกเขาล้วนใจจดใจจ่อมองภาพตรงหน้าอย่างไม่กล้าคลาดสายตา

พวกเขาคิดว่าครั้งนี้ต้องเป็นการประลองที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอนเพราะทั้งคู่ล้วนมีระดับ และอาวุธที่คู่คี่เท่าเทียมกัน!

"หากสามารถชมดูการประลองระหว่างต้วนหลิงเทียนและฉวีชิงได้ ต่อให้วันนี้ข้าถูกทำโทษทั้งวันเพราะไปสาย ข้าก็หาเสียใจอันใดไม่ เพราะมันช่างคุ้มค่ายิ่งนัก!"

"อีกทั้งการประลองของอดีตอัจฉริยะอันดับ 1 กับ อัจฉริยะอันดับ 1 ในปัจจุบัน ใช่ว่าจะมีให้ชมกันทุกวัน!"

...

ทุกสายตาของเหล่านักศึกษาโดยรอบเต็มไปด้วยประกายวูบวาบ ทั้งใบหน้าของพวกมันยังฉายชัดออกมาถึงความตื่นเต้น

ต้วนหรงที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน พลันบังเกิดรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่จะใช้สายตาเย็นชาจับจ้องไปยังชายหนุ่มชุดสีม่วง "ต้วนหลิงเทียน ​​มาดูกันว่าวันนี้เจ้าจะจบสิ้นลงอย่างไร ถึงกล้ายั่วโทสะท่านพี่ฉวีชิง ...การต่อสู้ครั้งนี้ เป็นเจ้าที่หาที่ตายเองโดยแท้!"

ในฐานะสมาชิกของตระกูลต้วนสาขาประจำเมืองเพลิงอนันต์ ต้วนหรงย่อมรับรู้ถึงความแข็งแกร่งและความน่ากลัวของบุตรชายผู้วาการประจำมณฑลเพลิงอนันต์ อย่างฉวีชิงดี ว่ามากมายเพียงใด และเขาไม่คิดแม้แต่น้อยว่าต้วนหลิงเทียนสามารถต้านทานฉวีชิงได้

"ฉวิชิงหากเจ้ายังไม่อยากเสียหน้าล่ะก็ ข้าขอเตือนให้เจ้ารีบไสหัวไป นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายจากข้า" ประกายตาของต้วนหลิงเทียนจากที่เต็มไปด้วยโทสะกลับกลายมาเป็นเรียบเฉยและไร้อารมณ์

หากเจ้าไม่อยากเสียหน้า ให้รีบไสหัวไป?

เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าววาจานี้ออกมา ไม่เพียงแต่ฉวีชิงที่มีสีหน้าหมองคล้ำลง แต่แม้กระทั่งเหล่านักศึกษาที่ชมดูอยู่ยังแสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมา

นี่หากฉวีชิงถอยตอนนี้ มิใช่ยิ่งอับอายขายขี้หน้ามากกว่ารึ!

"ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าเป็นลูกผู้ชายก็ได้อย่ากล่าววาจาอวดอ้างเกินจริง เพียงประลองกับข้าและพิสูจน์ให้ทุกคนรู้กันไปทั่ว ว่าตัวเจ้ามีดีถึงขั้นกล้าดูแคลนข้าจริงๆ!" ฉวีชิงจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรงดังเพลิงผลาญ พลังงานต้นกำเนิดแผ่ซ่านปะทุบนดาบ 3 ฉื่อสีดำอย่างเกรี้ยวกราด

ประกายตาของต้วนหลิงเทียนส่องแสงเย็นชาออกมาวูบหนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน "ในเมื่อเจ้าวอนหาเรื่องและไม่กลัวเสียหน้า เช่นนั้นข้าก็ยินดีน้อมสนอง!"

ต้วนหลิงเทียนคิดขึ้นมาในใจ ดูท่าหากวันนี้เขาไม่ลงมือให้มันสำนึก ไม่แคล้วมันคงไม่เลิกรา ...

เขาจะทำลายความมั่นใจของมันให้แหลกละเอียดจนย่อยยับ ทำให้มันไม่กล้าที่จะเผยอขึ้นมาต่อหน้าเขาอีกครั้งหลังจากมันรู้ว่า...ตัวมันควรยืนตรงไหน

"ข้ารอแทบไม่ไหวแล้ว!" เสี่ยฉวีชิงกล่าวออกมาอย่างท้าทาย ด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส

"เช่นนั้นก็ลองชิมหมัดข้า!" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนดังสนั่นออกมา

และต้วนหลิงเทียนพลันลงมือในพริบตา!

วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนไหววูบวาบราวกับอสรพิษ ความเร็วของเขาระเบิดออกมาราวสายฟ้าฟาด

เหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนเงาร่างช้างแมมมอธโบราณฉายชัดอกมา 12 ตัว

ฉวีชิงพลันก้าวออกไปทางด้านขวา ราวกับสลายร่างกลายเป็นสายลม ดาบ 3 ฉื่อสีดำในมือถูกกระชับ เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 3 ตัวพลันฉายออกมาหลังจากที่ถ่ายเทพลังงานต้นกำเนิดลงไปในตัวดาบ ... และตอนนี้เงาร่างช้างแมมมอธโบราณเหนือศีรษะของฉวีชิงก็นับรวมได้ 15 ตัว!

ฉวีชิงไม่รอช้ามันใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดระเบิดออกมาผสานกับความแข็งแกร่งที่อาวุธวิญญาณมอบให้ ใช้ออกด้วยวิชาจู่โจมอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวมันออกมาโดยพลัน!

"ทำได้เพียงเท่านี้หรือ?" หากเป็นต้วนหลิงเทียนใดอดีต ดาบนี้คงยังพอสร้างความครั่นคร้ามให้เขาได้บ้าง แต่น่าเสียดายสำหรับต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ...

วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

สองเท้าของต้วนหลิงเทียนที่กำลังขยับอยู่เป็นจังหวะปกติ ทว่าอยู่ดีๆมันกลับขยับด้วยจังหวะที่เหนือชั้นและรวดเร็วขึ้น ฉากหลบดาบของฉวีชิงอย่างว่องไวไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่หลบเด็กฟาดไม้กวาด

ฟั่บบ!

ฉวีชิงหันมองตามร่างต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะพยายามพุ่งร่างตามติดไป แต่พลันสำนึกได้อย่างรวดเร็วว่า ไม่อาจไล่ตามความเร็วของต้วนหลิงเทียนได้ทัน! ทำได้เพียงมองต้วนหลิงเทียนที่เคลื่อนร่างทิ้งห่างออกไปจนตาค้าง

และเมื่อมันสังเกตว่าเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนบังเกิดเงาร่างช้างแมมมอธโบราณผุดออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่ามันถึงกับตะลึงตาค้าง สมองพลันอื้ออึงไม่อาจทำใจยอมรับ แววตาฉายชัดออกมาถึงความไม่เชื่อ

ความแข็งแกร่งของ 16 ช้างแมมมอธโบราณ!

"โอ้ สวรรค์ ตาข้าไม่ได้ฝาดไปใช่หรือไม่ นั่นมันช้างแมมมอธโบราณ 16 ตัว!"

"ต้วนหลิงเทียน หาได้ใช้อาวุธวิญญาณในการโจมตีแต่อย่างใด และนั่นเขากำลังใช้ท่าร่างพิศดาลหลบหลีกการโจมตีอยู่อีกด้วย ... นั่นหมายความว่า แม้นจะไม่ถึงพาอาวุธวิญญาณ แต่ไอพลังงานฟ้าดินก็ตอบรับความแข็งแกร่งของเขา จนก่อร่างเป็นช้างแมมมอธโบราณ 16 ตัว!! "

"ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนจะตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้แล้วเป็นแน่ มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้เท่านั้น ที่จะสามารถมีความแข็งแกร่งน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ได้ โดยมิพึ่งพิงอาวุธวิญญาณ!"

"สวรรค์ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรก สามารถถือครองความแข็งแกร่งระดับ 20 ช้างแมมมอธโบราณ เช่นนั้น เป็นที่แน่นอนและเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าต้วนหลิงเทียน มีพลังระดับนี้แล้ว!"

...

เหล่านักศึกษาที่ชมดูอยู่ ถึงกับเผยสีหน้าตกตะลึงเหรอหรา ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความทึ่ง

มีแม้กระทั่งเหล่านักศึกษาจำนวนมากที่ยังแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา!

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยวัยเพียง 18 ปี?

สวรรค์!

นี่มันตัวประหลาดสะท้านฟ้าดินอันใดกัน!

ต้วนหลงนั้นยืนตาค้างอาป้ากกว้างราวกับตัวโง่งม มันทำปากพะงาบๆอยู่ครู่หนึ่งกว่าเสียงจะเล็ดลอดออกจากลำคอ "ไม่จริง ...เป็นไปไม่ได้! ... ไอ้สารเลวน้อยนี่มันจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ได้อย่างไร?"

ฟึ่บบบ!

สายตาของต้วนหลิงเทียนที่ใช้จับจ้องฉวีชิงพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนที่ร่างของเขาจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือชั้นเกินกว่าฉวีชิงจะได้ทันทำไอไร วูบไหวร่างมาอยู่ด้านหลังในพริบตา ...

แขนขวาของเขาสั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนที่จะยิงหมัดธรรมดาๆ ออกมา

ปึ่งงงง!

ความแข็งแกร่งของช้างแมมมอธโบราณ 16 ตัว ระเบิดพลังทำลายออกมามหาศาล ฟาดเกราะพลังป้องกันที่เกิดจากพลังงานต้นกำเนิดของฉวีชิงราวกับเหล็กพันชั่งทุบฟาดไข่ไก่ ก่อนจะซัดใส่ร่างของฉวีชิงกระเด็นออกไปราวหุ่นกระบอกไร้ด้าย

ตุบบบ!

ร่างฉวีชิงตกพื้นก่อนที่จะกลิ้งขลุกๆ ไปบนพื้นดิน มันนอนร่างกระตุกกระอักโลหิตอยู่ 2-3 คำ ก่อนที่จะพยายามฝืนร่างที่ไร้สิ้นเรี่ยวแรงผงกหัวขึ้นมา

ต้วนหลิงเทียนพลันเหลือบตามองฉวีชิงด้วยแววตาไม่แยแส ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย "แล้วตอนนี้...เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ? ตัวข้า ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ใช่คร้านจะลดตัวไปลงมือกับเจ้า จริงหรือไม่?"

แต่ทว่าตอนนี้ดูเหมือนฉวีชิงสมองไม่รับรู้ หูไม่ได้ยิน ทำได้เพียงใช้ตาทั้งสองข้างที่ทอประกายหมองหม่นจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน

เห็นได้ชัดว่าความมั่นใจของเขาได้ถูกทำลายจนยับเยินขนาดไหน

"หึ!" ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงสบถเย็นชาออกมาก่อนที่จะหันกลับไป เรียกเทียนหูให้เดินไปชั้นเรียนต่ออย่างไม่สนใจอะไร

เหล่านักศึกษาแทบทั้งหมดล้วนหันคอมองตามต้วนหลิงเทียนไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนชื่นชม จนกระทั่งเงาหลังของเขาค่อยๆหายไป...

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยวัยเพียง 18 ปี!

ยามนี้พรสวรรค์ตามธรรมชาติของชายหนุ่มได้ก้าวข้ามบิดาของเขาที่หายตัวไปเมื่อหลายปีที่แล้วได้แล้ว แม้กระทั่งต้วนหรูเฟิงเอง ก็ยังตัดผ่านระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยวัย 20 ปี

แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรเล่า ว่าระดับบ่มเพาะที่แท้จริงในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนยังห่างไกลจากระดับกำเนิดแก่นแท้ไม่น้อย และเหตุผลเดียวที่ทำให้เขามีพลังอันแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะวิชาบ่มเพาะระดับสุดยอด วิชาที่เหนือล้ำทุกวิชาบ่มเพาะใดๆในแดนดินอย่าง 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม!

"ฉวีชิงนั้นสามารถใช้ออกได้ถึงความแข็งแกร่งระดับช้างแมมมอธโบราณ 15 ตัวยามที่โจมตีพร้อมอาวุธวิญญาณระดับ 7 ของมันก็จริง... แต่เมื่อต้วนหลิงเทียนใช้ความแข็งแกร่งออกมาสูงถึง 16 ช้างแมมมอธโบราณออกมา มันก็ไม่อาจต้านทานได้แม้เพียงการตบฟาดไร้เรื่องราวเพียงครั้ง! "

“เฮ่อ...เจ้ากล่าววาจาเหลวไหลไร้สาระอันใด อาวุธวิญญาณระดับ 7 มันเพิ่มแค่เพียงพลังทำลายและความแข็งแกร่งของการจู่โจมเท่านั้น ความเร็วฉวีชิงมันก็ยังจำกัดอยู่ที่ระดับความแข็งแกร่ง 12 ช้างแมมมอธโบราณ แต่ทางต้วนหลิงเทียนนั้นเขาถือครองความแข็งแกร่งที่แท้ ทำให้ความเร็วของเขานั้นขับเคลื่อนด้วยความแข็งแกร่งถึง 16 ช้างแมมมอธโบราณ ทั้งคู่นั้นหาได้อยู่ในระเดียวเดียวกันอย่างสิ้นเชิง!”

"ความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 และ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรก มันแตกต่างกันมากมายเกินไป ... และนี่ไม่ต้องกล่าวถึงว่าต้วนหลิงเทียนมิได้ใช่ออกด้วยกำลังทั้งหมด"

"ถูกแล้ว หากต้วนหลิงเทียนไม่ออมมือไว้ ฉวีชิงถูกฟาดร่างแหลกเหลวตกตายอนาถไปแล้ว"

...

นึกศึกษาจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน

ทว่าคำพูดสนุกสนานขบขันของพวกเขานั้น หาได้ต่างอันใดกับมีดนับร้อยคอยกรีดกลางใจฉวีชิง เขาแทบกระอักโลหิตตกตายเพราะความอับอาย

"ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้...อายุ 18 ปี ... " ฉวีชิงราวกับคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง มันรู้สึกว่าความพยายามตลอด 20 ปีในชีวิตมันกลับกลายเป็นสูญเปล่าไร้ค่า แววตาหมองหม่นฉายออกมาถึงความพ่ายแพ้

ในทางด้านต้วนหลิงเทียนกับเทียนหูที่เดินไปด้วยกันตามเส้นทางนั้น ... สีหน้าเทียนหูที่อยู่ด้านข้างยังคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจถึงขีดสุด "บัดซบ! ต้วนหลิงเทียน นี่เจ้าตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"

เทียนหูดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากมาย แต่ในใจของเขานั้นกลับรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย

ในยามที่ตัวเขาได้พบหน้าต้วนหลิงเทียนครั้งแรกในการทดสอบเข้าค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก ตอนนั้นต้วนหลิงเทียนเองยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 4 เช่นเดียวกับเขา

แต่มาวันนี้ ทั้งๆที่เขาพึ่งตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 เมื่อ 2 วันก่อนมาหมาดๆ และคิดว่าถึงจะช้าแต่เขาก็สามารถก้าวตามรอยเท้าของต้วนหลิงเทียนได้ ทว่ามาวันนี้เขากลับพบว่าต้วนหลิงเทียนนั้น เดินไปถึงระดับกำเนิดแก่นแท้แล้ว...

เขาพลันรู้สึกถึงความไร้พลังถาโถมเข้ามาในทันที

"บางทีข้าไม่ควรเอาตัวเองไปเทียบกับเจ้าตัวประหลาดนี่ ... ข้าเพียงแต่ต้องเอาชนะตัวเองให้ได้เท่านั้น" เทียนหูสูดลมหายใจเข้าอย่างแน่วแน่

รีวิวผู้อ่าน