px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 195 ทำลายจุดตันเถียนอีกครั้ง!


แม้ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังหัวร่อขบขันอยู่ แต่ทุกคนรู้ดีนี่ไม่ใช่เพียงแค่การหัวร่อด้วยอารมณ์เบิกบาน เพราะยามนี้จิตสังหารและกลิ่นอายกระหายเลือดของต้วนหลงเทียนยังคงแผ่ซ่านออกมาอย่างน่าหวาดกลัว

"ถูกแล้ว พี่ใหญ่ชวีลั่งหนุนหลังข้า... เป็นไร หวาดกลัวแล้วหรือ?" ถงลี่กล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ยามนี้นางไม่รู้สึกหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

ชวีลั่งคนนี้เป็นคนที่องค์ชาย 5 แนะนำให้นางรู้จักเมื่อวานนี้ และมีจุดประสงค์เพื่อให้นางมีคนหนุนหลังในยามอยู่ที่สถาบันบ่มเพาะขุนพล เพราะเหตุนี้นางจึงไม่หลงเหลือความหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

และยิ่งไปกว่านั้นชวีลั่งผู้นี้นับว่าไม่ทำให้นางผิดหวัง เขาแสดงท่าทางได้สมใจนางนัก เพราะทุกครั้งที่นางกล่าวถึงต้วนหลิงเทียน เขาจะเผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความถือดีและแสดงความรังเกียจเหยียดหยามดูแคลนต้วนหลิงเทียนออกมา ทำให้นางรู้สึกว่าได้รับคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง และระดับบ่มเพาะของเขาก็หาใช่ระดับที่คนอย่างต้วนหลิงเทียนจะต่อกรได้

"หึหึ ดูเหมือนว่า ... ข้าคงต้องย้ำเตือนความทรงจำอะไรแก่เจ้าสักหน่อยสินะ ถงลี่" ดวงตาสีแดงฉานของต้วนหลิงเทียนเริ่มหรี่ลง อย่างน่าหวาดหวั่น

"ต้วนหลิงเทียนข้ารู้ดีว่าเจ้าตัดผ่านระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรกได้แล้ว แต่ถึงแม้เจ้าจะมีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 แล้วอย่างไร พี่ใหญ่ชวีลั่งมีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2! "ถงลี่ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย ก่อนที่จะค่อยๆกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

เมื่อชวีลั่งได้ยินว่าจาที่ถงลี่กล่าวออกมา ท่าทางการแสดงออกที่แลหยิ่งยโสโอหังอยู่แล้วพลันเพิ่มขีดขั้นความหยิ่งยโสขึ้นมาอีกหลายส่วน "ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินจากถงลี่มาว่า เจ้ารังแกนางมาก่อนเช่นนั้นหรือ"

"แล้วไง" แววตาของต้วนหลิงเทียนเย็นชาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังชวีลั่งก่อนกล่าววาจาห้วนๆออกมาพร้อมเบนสายตากลับ ราวกับไม่เห็นหัวมัน

ชวีลั่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหน้าม้านลงเพราะความอับอาย ซ้ำกริยาไม่เห็นหัวเมื่อครู่หยามหยันเขาจนรู้สึกอัปยศ เขาหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาอำมหิต ก่อนจะประกาศกร้าวออกมา "คุกเข่าลงไปแล้วโขกหัวขอขมา น้องหญิงถงลี่ซะ! เพื่อเห็นแก่ตระกูลต้วนข้าจะไม่เอาเรื่องเอาราวเด็กน้อยอย่างเจ้าอีก ...มิเช่นนั้นต่อให้เจ้าเป็นสาวกสายหลักของตระกูลต้วน ก็อย่าได้หาว่าข้าไม่เกรงใจ ที่จะสั่งสอนมารยาทที่สมควรปฏิบัติต่อเจ้า!"

"คุกเข่าขอขมา? เจ้ามั่นใจ?" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนพลันต่ำลง และดูเหมือนบรรยากาศรอบๆตัวเขาพลันยะเยือกขึ้นไม่น้อย

"คุกเข่า!" ชวีลั่งประกาศกร้าวต่อต้วนหลิงเทียนประกายตามันทอประกายวูบวาบ ในขณะที่มันกล่าววาจาออกมาอย่างเย็นชานั้น พลังงานต้นกำเนิดก็ค่อยๆปะทุออกมาที่ฝ่ามือขวา คลื่นพลังกระพริบวูบวาบหมุนวนรอบๆ ... ดูราวกับว่าเขาพร้อมที่จะลงมือจู่โจมต้วนหลิงเทียนได้ตลอดเวลา!

"แล้วหากข้าไม่คุกเข่าเลาเจ้าจะทำอะไรได้?" ต้วนหลิงเทียนแสดงท่าทีเย้ยหยันออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาเบนสายตาไปมองชวีลั่งอย่างดูแคลน คำก็คุกเข่าสองคำก็คุกเข่า นี่ชวีลั่งมันคิดว่าตัวเองเป็นองค์ราชาของอาณาจักรนภาล่องหรือไรกัน?

แต่อย่าได้กล่าวถึงชวีลั่งให้เสียเวลา กระทั่งให้องค์ราชาแห่งอาณาจักรนภาล่อมายืนอยู่ตรงหน้า ก็อย่าหมายบีบบังคับให้ต้วนหลิงเทียนคุกเข่าลงได้

"ในเมื่อเจ้าไม่คุกเข่าเช่นนั้น ข้าคงต้องถือวิสาสะแทนอาวุโสในตระกูลเจ้า ลงมือสั่งสอนเจ้าด้วยตัวเองเสียหน่อย" ชวีลั่งกล่าวจบก็ค่อยๆก้าวออกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ พร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน

"ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้าอีกครั้ง ไสหัวไปให้พ้นทางข้า ... ไม่งั้นต่อให้เจ้าจะเป็นบุตรหลานเสนาบดี หรือหัวหน้ากองทหารองครักษ์อันใด ก็อย่าหวังให้ข้าปรานี! " ดวงตาของต้วนหลิงเทียนฉายแววดุร้ายออกมาก่อนที่จะเหลือบมองชวีลั่งอย่างไม่แยแส

หากชวีลั่งผู้นี้ยังไม่คิดสำนึกตัว และไม่หลบออกไปให้พ้นทาง ในยามที่มันต้องพบกับหายนะก็อย่าได้โทษเขาว่าโหดเหี้ยมอำมหิต

การตายของถังกั่วทำให้ขีดสุดความอดทนของต้วนหลิงเทียนขาดสะบั้นลง เพลิงโทสะที่ลุกโชนในใจเขามันถึงจุดที่ไม่อาจระงับได้อีกต่อไป และตอนนี้มันก็ลุกโชนโหมกระพือ ... จนอาจจะระเบิดออกมาเวลาใดก็ได้ !

ถ้าชวีลั่งนั่นมันเลือกที่จะจู่โจมเขายามนี้ ก็นับว่าทำได้เพียงโทษตัวเองว่าโชคร้ายเท่านั้น

"ข้าอยากรู้ว่ายามเจ้าไร้ปรานีต่อข้ามันจักเป็นเยี่ยงไร" ท่าทางเยาะเย้ยบนใบหน้าของชวีลั่งยิ่งมายิ่งมากขึ้น เขามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูแคลน มันจะมีปัญญาทำอันใดเขาได้?

"พี่ใหญ่ชวีลั่งข้าอยากให้มันตาย!" น้ำเสียงของถงลี่พลันดังขึ้นในจังหวะที่ประจวบเหมาะนัก มันไม่ต่างอะไรกับการลั่นระฆังสงครามโดยแท้

ทันใดนั้นเองราวกับคำกล่าวไปจุดระเบิดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชวีลั่ง มันพลันลงมือออกมาโดยไม่คิดอันใดอีก แววตาของมันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาก่อนที่จะพุ่งทะยานไปยังต้วนหลิงเทียนราวกับเทพอีกาทองคำ

เขาต้องการแสดงความสามารถต่อหน้าถงลี่ ดังนั้นจึงไม่คิดยั้งมือออมรั้งความแข็งแกร่งแต่อย่างใด!

เหนือศีรษะของเขาฉายออกมาถึงเงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 30 ตัวอย่างเข้มแข็ง พวกมันลอยตัวตามร่างลากผ่านนภาไปด้วยความเร็วสูงอย่างองอาจ

"ปัญญาอ่อน!" แววตาของต้วนหลิงเทียนกลับกลายเป็นไร้อารมณ์เมื่อเห็นชวีลั่งพุ่งพรวดเข้ามา โทสะที่ยากระงับพลันปะทุขึ้น มือขวาสะบัดไปที่ด้ามเอวชักกระบี่อ่อนดาราม่วงออกมาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่มันจะเรืองแสงสีแดงฉานดั่งอสูรโลหิต

อาคมจารึก จันทร์เสี้ยวโลหิต!

ทันใดนั้นเองไอสีแดงฉานพลันพวกพุ่งออกมาจากกระบี่อ่อนดาราม่วงก่อนที่จะควบแน่นเป็นวงรีดั่งจันทร์เสี้ยว พุ่งไปยังชวีลั่งด้วยความเร็วสูง

เวิงงงงงงง!

ความเร็วของจันทร์เสี้ยวโลหิตนั้นเหนือล้ำไปกว่าชวีลั่งมากนั่น มันยังพุ่งมาไม่ถึงครึ่งทาง จันทร์เสี้ยวสีเลือดพลันบรรลุถึงตัวเสียแล้ว

ใบหน้าของชวีลั่งที่เต็มไปด้วยความหยันหยันพลันแข็งค้าง กลับกลายเป็นตื่นตระหนกเมื่อจันทร์เสี้ยวโลหิตพุ่งปะทะร่างของมัน ม่านตาของมันหดแคบลงกรีดร้องออกมาอย่างหวาดผวา "ไม่!"

เพราะในยามที่จันทร์เสี้ยวโลหิตบรรลุถึงตัวมันพลันรับรู้ได้ทันทีว่าพลังงานต้นกำเนิดที่คุ้มครองร่างของมันสลายราวกระดาษเปื่อย และมันไม่ใช่พลังอำนาจที่เขาทานทนรับได้แม้แต่น้อย ... ความแข็งแกร่งของอาคมจารึกนี้ทำให้เขาผวาหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ!

"ช่างเป็นอาคมจารึกที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!" นักศึกษาบางคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังทำลายของอาคมจันทร์เสี้ยวโลหิต

ซู่บบบ!

จันทร์เสี้ยวโลหิตทะลวงร่างของชวีลั่งได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่มันจะแผ่พุ่งพลังทำลายรวมศูนย์ระเบิดจุดตันเถียนของมันจนพินาศย่อยยับ ไร้หนทางกักเก็บพลังงานต้นกำเนิดอีกต่อไป

"อาาาาา !!" เสียงแหบพร่าด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจดังขึ้น ร่างของชวีลั่งปลิวไปตามแรงปะทะ ทั้งร่างมันสั่นสะท้านลอยไปในอากาศอย่างสยดสยอง

ป่มมมมม

ฝุ่นละอองคละคลุ้งฟุ้งไปในอากาศ

ชวีลั่งที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ มายามนี้กลับมีทีท่าราวสุนัขแก่ใกล้ตาย มันเพียงนอนลงอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพื้น สูดลมหายใจเข้าระรัวราวบ้าคลั่ง

มันพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งสองมือรีบล้วงเข้าในอกเสื้ออย่างร้อนรนควานหาโอสถทองประสานกายขึ้นมา แล้วรีบกลืนลงท้องไป ร่างกายของมันพลันสงบลงบาดแผลที่ถูกเจาะทะลุค่อยๆดีขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อมันพยายามสัมผัสถึงพลังงานต้นกำเนิดนั้น… อดีตจุดตันเถียนที่เคยมีพลังงานต้นกำเนิดอัดแน่นอยู่ หลงเหลือเพียงความว่างเปล่า ไร้ซึ่งจุดกักเก็บพลังงานต้นกำเนิดสืบไป

"ตะ…ตันเถียนข้า ...ถูกทำลายแล้ว?" ม่านตาของชวีลั่งหดแคบลง ทีท่าของมันพลันกระวนกระวายออกมา สายตาของมันจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนราวคนเสียสติ "ต้วนหลิงเทียนเจ้าทำลายตันเถียนข้า เจ้ากล้าทำลายตันเถียนของข้า ...เจ้าต้องตาย เจ้าต้องตายไร้ที่ฝัง!"

"แล้วข้าจะรอ" แววตาของต้วนหลิงเทียนสงบราบเรียบเขาหันไปมองชวีลั่งและกล่าววาจาออกมาอย่างไม่แยแสก่อนที่จะเลิกสนใจมัน ราวกับมันเป็นเพียงอากาศธาตุ

ตอนนี้เองฝูงชนที่รู้สึกตกตะลึงและหวาดกลัวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเริ่มคืนสติ หลังจากนั้นความโกลาหลพลันบังเกิดขึ้น

"สวรรค์ ต้วนหลิงเทียนกลับกล้าทำลายตันเถียนของชวีลั่งจริงๆ"

"ตันเถียนชวีลั่งถูกต้วนหลิงเทียนทำลายเช่นนี้ ต่อไปมันคงไม่ต่างอันใดกับคนพิการ อนาคตมันจบสิ้นแล้ว!"

"การออกหน้าปกป้องสตรีครานี้ของมันนับว่าจ่ายราคาสาหัสนัก ชีวิตของมันพลอยจบสิ้นไปเช่นนี้…นี่มันเป็นเรื่องคุ้มค่าแล้วหรือ?"

"ข้าไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะถือครอง อาคมจารึกที่น่าสะพรึงกลัวถึงระดับนี้ ต่อหน้าอาคมจารึกนั่นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้กลับถูกเจาะทำลายราวกับกระดาษเปื่อยๆ"

...

นักศึกษาแทบทุกคนตะลึงค้างราวคนเสียสติ

ชวีลั่งนักศึกษาชั้นปีที่ 6 ของสถาบันบ่มเพาะขุนพล และเป็นตัวตนระดับผู้ฝึกยุทธ์กำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 กลับถูกต้วนหลิงเทียนนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ดับอนาคตกลายเป็นคนพิกลพิการ!

"ข้าคิดแล้วเชียว…." หากเทียบกับความตื่นตระหนกและหวาดผวาของเหล่านึกศึกษาโดยรอบ ทางด้านเซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวินและเทียนหู ราวกับล่วงรู้อยู่แล้วว่าผลมันจะออกมาอีหรอบนี้ พวกเขายังจำได้ดี ขนาดซูถงที่เป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของตระกูลซูที่มีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 ยังไม่วายถูกต้วนหลิงเทียนทำลายตันเถียนเช่นนี้

อาคมจารึกที่ต้วนหลิงเทียนใช้ในตอนนั้นก็ไม่ได้ต่างอันใดจากที่เขาใช้ตอนนี้ แล้วภาพเหตุการณ์จะไม่ซ้ำรอยเดิมได้อย่างไร?

พวกเขามั่นใจว่าหากข่าวที่ซูถงถูกต้วนหลิงเทียนทำลายระดับบ่มเพาะไม่ถูกสถาบันบ่มเพาะขุนพลปิดข่าวเอาไว้ ปล่อยให้มันแพร่กระจายไปทั่วสถาบันบ่มเพาะขุนพล ...วันนี้ชวีลั่งคงไม่กล้าทำตัวยโสต่อหน้าต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย!

สำหรับพวกเขาแล้วการกระทำของชวีลั่งไม่ต่างอันใดกับหยิบมีดมาปาดคอฆ่าตัวตายสักนิด!

"ไม่จริง ... เป็นไปไม่ได้ ... ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ ... ." ถงลี่มองไปยังชวีลั่งที่กำลังนอนทุกข์ทรมานหมดสภาพอยู่บนพื้น ตอนนี้นางถึงกับตกตะลึงปฏิเสธเรื่องราวตรงหน้า เรื่องนี้มันเกินภาพที่นางคาดคิดเอาไว้ลิบลับ นางตกตะลึงจนไมอาจทำใจยอมรับได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง

ชวีลั่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 ...ผู้ที่พี่ชายนางส่งมาหนุนหลังคอยช่วยเหลือนาง!

นางไม่คิดแยแสชะตากรรมของชวีลั่ง เพราะตอนนี้มันจบสิ้นไปแล้ว สิ่งที่นางกังวลก็คือยามนี้เมื่อชวีลั่งไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้ นางก็ไม่หลงเหลือเกราะกำบังใดๆอีก

สีหน้าของถงลี่ซีดเผือดและหวาดกลัว นางคิดที่จะลอบหลบหนีไปในตอนที่ต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ทำอะไรนาง

"แม่นางถง จะรีบร้อนไปไหนกันเล่า ชวีลั่งผู้โง่งมนี้อุตส่าห์ออกหน้าแทนเจ้าจนตัวมันต้องพินาศ แต่เจ้ายังคิดที่จะหลบหนีจากไปโดยไม่แยแสความเป็นตายมันเลยเชียวหรือ" ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมสังเกตเห็นการกระทำที่ไร้น้ำใจของถงลี่ มุมปากของเขายกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

คำกล่าวของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้มีหรือที่จะไม่เป็นที่เรียกร้องความสนใจของผู้คน

"ชวีลั่งผู้นี้น่าสงสารยิ่งนัก ไม่เพียงตันเถียนของมาต้องถูกทำลายเพราะออกหน้าแทนถงลี่ แต่ไม่เพียงถงลี่จะไม่แยแสอันใดมัน นางยังคิดหลบหนีเอาตัวรอดไปแต่เพียงผู้เดียว ... ."

"เฮ่อแล้วนี่จะน่าแปลกใจอันใด ถงลี่กลับลงมือกับถังกั่วอย่างอำมหิตไร้ปรานีถึงเพียงนั้น ก็ย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าจิตใจของนางนั่นร้ายกาจยิ่งกว่าอสรพิษฤาแมงป่องเสียอีก แล้วคนอย่างนางมีหรือจะแยแสชะตากรรมของผู้อื่น?"

"ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่เป็นธรรมต่อชวีลั่งอย่างแท้จริง มันน่าจะปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนลงมือสั่งสอนถงลี่เสียแต่แรก!"

...

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำร่างของถงลี่พลันแข็งค้าง นางรู้ตัวแล้วว่าวันนี้ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของต้วนหลิงเทียนได้

และบทสนทนาโดยรอบยิ่งทำให้นางดูชั่วช้าสามานย์มากขึ้นไปอีก

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…." เมื่อได้ยินบทสนทนาโดยรอบชวีลั่งก็พยายามยกศีรษะขึ้นมามองไปยังถงลี่ และเมื่อเขาพบว่านางกำลังคิดหลบหนีออกไปโดยไมใยดีเขาจริงๆ เขาก็เริ่มหัวเราะออกมาราวกับเป็นคนเสียสติ ถึงแม้จะกระอักโลหิตออกมา ทว่าเขาเพียงเช็ดปากและหัวเราะต่อไปเท่านั้น

หลังจากที่เขากระอักเลือดออกมา 2-3 คำโต เขาก็สิ้นสติไป

"ต้วนหลิงเทียน ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้าพี่ชายของข้าจะต้องฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ...หากเจ้ายังอยากเหลือสภาพศพโดยสมบูรณ์ปล่อยข้าไปแต่โดยดี ข้าจะได้ให้ท่านพี่ละเว้นไม่ทำลายศพของเจ้า!" ถงลี่จ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความหวาดกลัว ทว่าวาจาของนางยังไม่ยอมเลิกข่มขู่ต้วนหลิงเทียน

"จะเป็นเช่นนั้นหรือ?" ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนประดับไว้ด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก เขาค่อยๆก้าวไปหาถงลี่อย่างช้าๆ

"เจ้า ...อยาเข้ามานะ!" ถงลี่ถอยหลังกลับไปสองก้าวก่อนที่จะขาอ่อนล้มลงเพราะความหวาดกลัว

ในเวลาเดียวกันนี้ที่ชั้นลอยของโรงอาหาร ก็มีชายวัยกลางคนกับชายชรา เฝ้ามองเรื่องราวจากระยะไกล

"ท่านผู้อำนวยการหากพวกเรายังไม่ลงไปยับยั้งเรื่องราว ข้ากลัวว่าถงลี่จะต้องพบกับจุดจบที่ไม่ค่อยดีนัก" คนที่กล่าววาจาออกมานี้ มองให้ชัดพบว่ามันคือรองผู้อำนวยการของสถาบันบ่มเพาะขุนพลจ่านฉง

ทว่าจ่านฉงกลับปฏิบัติต่อชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความเคารพและนอบน้อมอย่างถึงขีดสุด และภายในสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ บุคคลเดียวที่สามารถทำให้จ่านฉง ปฏิบัติกับเขาอย่างสุภาพขนาดนี้ ย่อมมีเพียงผู้อำนวยการของสถาบันบ่มเพาะขุนพลแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

"แล้วเจ้าคิดว่ามันจะมีประโยชน์อันใดหรือ? จากท่าทีปฏิปักษ์ที่ต้วนหลิงเทียนแสดงออกมา ถึงแม้พวกเราจะเข้าไปหยุดเขา แต่คล้อยหลังพวกเราไปเขาอาจจะลงมือกับนางต่อในทันทีก็เป็นได้... แล้วมันยังจะเป็นไปได้อีกหรือที่พวกเราจะปกป้องนางและคอยห้ามต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้ตลอดเวลา? " ชายวัยกลางคนเพียงส่ายหัวออกมาอย่างไม่แยแส ไร้ซึ่งความห่วงใย "นอกจากนี้เจ้าเองก็ได้ยินการกระทำของถงลี่นั่นแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวอย่างไร แต่ถังกั่วเองก็เป็นนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลของข้า แต่นางกลับลงมือสังหารผู้อื่นอย่างไร้มนุษย์ธรรมเช่นนั้น นี่ล้วนเป็นผลจากการกระทำที่ยากให้อภัยได้ของนาง แม้แต่สวรรค์เองก็คงไม่คิดปรานี! "

จ่านฉงย่อมเข้าใจได้ในทันที ก่อนที่จะหันกลับไปเฝ้ามองเรื่องราวอย่างสงบ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็กลืนน้ำลายอกใหญ่ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาว่า "ต้วนหลิงเทียนคงไม่คิดสังหารถงลี่จนตกตายจริงๆหรอกนะท่าน ?"

รีวิวผู้อ่าน