px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 105 การกำเนิดของโอสถปาฏิหาริย์


"ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เจ๋งงงง ..."

ในขณะที่ซั่งเอ้อกั๋วและเฟิ่งปู้จู่มาถึงหน้าบ้านพักของหลินฟ่าน เสียงหัวเราะด้วยความดีใจก็ดังสนั่นออกมา ก่อนที่ทั้งคู่จะเปิดประตูเข้าไปและพบหลินฟ่านที่กำลังมีท่าทางมีความสุขอีกทั้งยังเผยรอยยิ้ม ที่แทบจะฉีกไปถึงรูหู

ซั่งเอ้อกั๋วและเฟิ่งปู้จู่ได้แต่สงสัยและคิดกันไปต่างๆนาๆ ว่า ช่วงนี้มีข่าวหรือเรื่องราวอะไรกัน ที่สามารถทำให้ประมุขน้อยหลินดีใจได้ถึงขนาดนี้

ตอนนี้หลินฟ่านกำลังรู้สึกยินดีกับตัวเองอย่างมาก หลังจากทดลองโยนสิ่งของลงเตาหลอมโอสถอยู่นานสองนาน ในที่สุดเขาก็ได้โอสถที่เขาต้องการจริงๆ โอสถที่จะพลิกชะตาให้แก่ชายหนุ่มที่น่าเวทนา!

และนี่เป็นโอสถที่ถูกเขาหลินฟ่านสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการตั้งชื่อมัน! กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วที่โลกเก่าของเขา เคยมียาอภินิหารตัวหนึ่งที่สามารถกอบกู้ความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุดให้แก่เหล่าชายหนุ่มผู้ที่ทนทรมานสิ้นหวังและห่อเหี่ยวจากอาการ นกเขาไม่ขันทั่วทั้งโลก....มันคือ ไวอากร้า!! และมาวันนี้ เขา หลินฟ่าน! สามารถสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้เขาต้องตั้งชื่อให้มันเป็นที่จดจำไปทั้งโลก

เม็ดยาตัวนี้มีขนาดราวกับหินอ่อนมันส่องประกายสีแดงสดใสราวกับจะเต็มไปด้วยพลังงาน ทั้งยังมีสีอ่อนๆเรืองออกมาแลดูน่าอัศจรรย์นัก และวันนี้โลกจะได้รับรู้จักนามของโอสถตัวนี้ ... เจ้าโลกาผยอง

ถ้าหากเม็ดยาตัวนี้แพร่กระจายไปจนทั้งโลกล้วนต้องการมันแล้วล่ะก็ ชื่อของผู้สร้างจะถูกเล่าขานเป็นตำนานสืบต่อไป และเหล่าบุรุษทั้งหลายในโลกแห่งนี้จะสรรเสริญนามนี้ต่อไปจนชั่วนิจนิรันดร์

อาช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจ ... ความรู้สึกนี้มันช่างสุดยอดและน่าปลื้มปิตินัก!

หลินฟ่านเองก็ไม่รู้ว่าเม็ดยา เจ้าโลกาผยอง ของเขานี้มีประสิทธิภาพถึงขนาดไหนเพราะเขายังไม่ได้ทดลองด้วยตัวเอง แต่หากอ่านจากการประเมินของระบบแล้ว เม็ดยา เจ้าโลกาผยอง นี่สมควรมีความสามารถสูงล้ำอย่างยิ่ง

"เจ้าโลกาผยอง: หลอมสร้างมาจากสมุนไพรหลักๆได้แก่ หญ้าหยางเพิ่มพูน,ใบเทพธิดาขจี,และต้นรากชีวิต ด้วยการผสมผสานหลอมรวมผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ได้อย่างไร้ที่ติ มันสามารถทำให้ ชายชาติบุรุษ ลุกโชนขึ้นมาด้วยเปลวเพลิงแห่งความต้องการอันร้อนแรงและปลุกมังกรที่กำลังหลับใหลให้ลุกขึ้นมาตั้งตระหง่านราวกับจะผงาดง้ำค้ำโลก อีกทั้งยังสามารถรักษาอาการทั้งหมดและฟื้นฟูพลังให้พร้อมทำศึกต่อเนื่องได้ในเสี้ยวพริบตา!!"

แม่งเอ๊ย! แค่คำอธิบายจากระบบนี้ ผลลัพธ์ของโอสถนี่มันก็แทบจะสั่นคลอนใต้หล้าได้แล้ว!

รักษาอาการทั้งหมดและฟื้นฟูพลังให้พร้อมทำศึกได้ต่อเนื่องในเสี้ยวพริบตา!

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บุรุษล้วนใฝ่ฝัน!เม็ดยานี้นี้นับว่าฝืนลิขิตสวรรค์และธรรมชาติอย่างถึงที่สุด อีกทั้งมันยังสามารถนำไปใช้ในการฝึกฝนบ่มเพาะได้อีกด้วย เพราะมันสามารถรักษาอาการทั้งหมด และฟื้นฟูพลังงานที่แท้จริง...นี่มันราวกับเม็ดยาต้องห้าม ใครเล่าจะไม่ต้องการ? นี่เป็นความใฝ่ฝันของมนุษย์ทุกคน

สำหรับวัตถุดิบสมุนไพรที่หลินฟ่านใช้ในการสร้าง เจ้าโลกาผยอง นี้นั้น เขาใช้ไปราวๆครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่เขาเก็บมาเมื่อคืนก่อน และแน่นอนว่าโอสถที่สร้างออกมาได้ไม่ได้มีแค่โอสถ เจ้าโลกาผยอง นี้แน่นอน

ด้วยการผสมสมุนไพรตามสัดส่วนที่แตกต่างกันมากมายหลายแบบ หลินฟ่านได้สร้างเม็ดยาออกมาอีกหลายอย่างเช่น โอสถอาบลาวา , โอสถระเบิดทลาย ...โอสถพวกนี้อาจจะร้ายแรงจนสามารถดับชีวิตของผู้คนได้

แต่แน่นอนมีหรือหลินฟ่านจะเลือกทิ้งพวกมันไป เพราะจะอย่างไรเขาก็สามารถเปลี่ยนมันให้เป็นค่า EXP ได้

ดังนั้นหลินฟ่านจึงไม่คิดอะไรมาก เขารีบกินยาทั้งหมด ที่ไม่สามารถให้ผู้อื่นนำไปใช้ได้เข้าปากไปทันที

และหลังจากลองผิดลองถูกผสมโอสถอยู่นานสองนาน ตอนนี้ Lv ของสกิล ทำยา นั้นก็พุ่งขึ้นไปสูงถึง Lv 15 ! เพียงแค่ทำการศึกษารายละเอียดสมุนไพรต่างๆ และทดลองปรุงยาเพียงคืนเดียว สกิลนี้แทบจะถึงระดับสูงสุดแล้ว

"อ่าว พวกเจ้า 2 คนมาทำอะไรกันน่ะ?" หลินฟ่านที่รู้สึกตัวหลังจากจมอยู่ในภวังค์ก็สัมผัสได้ถึง ศิษย์ทั้งสองที่เปิดประตูของเขาเข้ามา

"ท่านประมุขตัวข้าซั่งเอ้อกั๋วและศิษย์น้องเฟิ่งปู้จู่รีบเร่งรุดมายังที่พักของท่านอันเป็นที่รักทันที เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆดังก้องขึ้นมา ข้านึกว่ามีเหตุร้ายอันใดเกิดขึ้นกับท่านเสียแล้ว หากเกิดอันใดขึ้นกับท่าน... ข้า ... ซั่งเอ้อกั๋ว ... ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปได้เยี่ยงไร ... "เอ้อกั๋วอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออีกทั้งยังตีสีหน้าที่ราวกับมันเจ็บปวดจากสุดขั้วหัวใจออกมา

เฟิ่งปู้จู่ได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงอยู่ด้านข้างหลังจากได้ยินคำกล่าวของซั่งเอ้อกัว ‘ศิษย์พี่เอ้อกั๋วคนนี้ ... ช่างกล่าววาจาป้อยอได้เลิศเลอนัก อาท่านช่างหน้าด้านและไร้ยางอายอย่างยิ่ง! คงมีเพียงท่านที่สามารถกล่าววาจายกยอและสรรเสริญผู้คนได้อย่างไม่กระดากปากเช่นนี้’

แต่เฟิ่งปู้จู่เองก็สังเกตได้ว่าทุกครั้งที่ซั่งเอ้อกั๋วกล่าววาจายกย่องประมุขออกมานั้น ประมุขก็แลดูจะพึงพอใจอยู่ไม่น้อย

หลินฟ่านที่กำลังจ้องมองซั่งเอ้กั๋วอยู่ถึงกับยิ้มออกมา ‘โห ดีนะที่เราเกิดมาจากโลกที่เจริญแล้วและมีอะไรให้เรียนรู้มากมาย หากมาเกิดในโลกนี้ไม่พ้นโดนไอนี่ยอจนลอยได้’

แต่หลินฟ่านยังคงเชื่อว่าทุกคำกล่าวของซั่งเอ้อกั๋วย่อมมีมูลความจริง แล้วแบบนี้จะให้เขายืนเฉยๆต่อไปได้อย่างไร คงต้องมอบรางวัลให้แก่ 2 คนนี่เสียหน่อยแล้ว

"เอาล่ะ ข้าค่อนข้างรู้สึกดีใจยิ่งนักที่พวกเจ้าทั้ง 2 คนคิดเป็นห่วงข้าเช่นนี้ เอาล่ะนี่เป็นโอสถที่ช่วยส่งเสริมการบ่มเพาะอย่างยิ่ง ข้าจะให้มันแก่พวกเจ้าสองคน รับไปสิ" หลินฟ่านส่ง เจ้าโลกาผยองให้แก่ทั้ง 2 คน

โอสถดีๆเช่นนี้แน่นอนว่าต้องให้คนใกล้ตัวของเขาได้เป็นหนูทดลอง...เอ๊ยเป็นผู้รับผลประโยชน์ก่อนเป็นอันดับแรก

ซั่งเอ้อกั๋วที่รับเม็ดยามาถึงกับกำเม็ดยาเอาไว้แน่นด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุด ในสายตาของเขาเม็ดยานี้หาใช่เม็ดยาหรือโอสถธรรมดาทั่วไปเป็นแน่ เพราะเมื่อครู่เพียงแค่เขาได้สูดดมกลิ่นที่โชยออกมาเพียงชั่วพริบตา ระดับพลังงานในร่างของเขาถึงกับพุ่งพล่านขึ้นมาราวกับเสือกำลังจะกระโจนออกจากร่างอย่างไรอย่างนั้น

"เอาล่ะเจ้าทั้ง 2 ไปฝึกฝนบ่มเพาะต่อกันเถอะ อ่อจริงสิ หากพวกเจ้าต้องการเรียนรู้วิชาการต่อสู้ต่างๆ พวกเจ้าก็สามารถเข้าไปเลือกมันได้ในหอตำราของนิกายเม้งก่าได้เลย เหมือนศิษย์ปกติทั่วไปนั่นล่ะ" หลินฟ่านกล่าวออกมาจบก็มุ่งหน้าลงเขาไป

หลังจากที่หลินฟ่านจากไป ซั่งเอ้อกั๋วและเฟิ่งปู้จู่ก็หันมองหน้ากัน ทั้งคู่สามารถมองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความยินดีของอีกฝ่ายได้ในทันที

"ประมุขหลินช่างเป็นบุคคลที่ประเสริฐนัก เม็ดยาที่มอบให้พวกเรายอมหาใช่โอสถธรรมดาสามัญเป็นแน่ ชีวิตของข้าที่เหลือนี้จะยินดีพลีถวายให้แก่ประมุขหลิน!" ซั่งเอ้อกั๋วกล่าวออกมาอย่างเด็ดขาด

"ศิษย์พี่ใหญ่ ตัวข้าเองก็สังเกตท่านประมุขมาหลายวันแล้ว ดูเหมือนท่านประมุขจะหาได้เหมือนคนธรรมดาอย่างเช่นอาวุโสผู้อื่นไม่ ท่าทางของท่านราวกับมีความลึกลับอะไรบางอย่าง" เฟิ่งปู้จู่ไม่ได้หลงใหลในตัวหลินฟ่านเท่าซั่งเอ้อกั๋ว

เขาเป็นอดีตหนึ่งในศิษย์อัจฉริยะสายนอกที่ถูก อี้เทียนเฉา เล่นงานจนต้องอัปเปหิตัวเองออกมาจากนิกายเม้งก่า

แต่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาหลังจากที่เขามาอาศัยอยู่ที่นี่ เฟิ่งปู้จู่ได้ค้นพบว่าประมุขหลินได้กระทำอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดและมีความลึกลับ อีกทั้งกลิ่นอายที่เขาแผ่ออกมายังไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

...แน่นอนอยู่แล้วในยามค่ำคืนหลินฟ่านมักจะบ่มเพาะพลังงานที่ต่างกันสุดขั้ว 2 รูปแบบ..เรื่องนี้หาใช่มีผู้ใดสามารถกระทำได้ตามใจชอบ

"เอาล่ะศิษย์น้องอย่าได้กล่าวอีกเลย ไม่ว่าท่านประมุขจะทำอะไร ข้าซั่งเอ้อกั๋วจะไม่เปลี่ยนความศรัทธาที่มีต่อท่านประมุขเป็นแน่ เอาล่ะพวกเรากลับไปกินโอสถนี่และบ่มเพาะกันเถอะ ข้าสัมผัสได้ว่าโอสถนี้ต้องให้ผลลัพธ์ที่เหนือล้ำจนแทบจะโบยบินได้อย่างแน่นอน" ซั่งเอ้อกั๋วกล่าวออกมาด้วยท่าทีจริงจัง

"ถูกแล้ว"

...

หลินฟ่านมาถึงบ้านพักของอี้เทียนเฉาอีกครั้ง เขาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมและปั้นรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ปรับความเข้าใจกับอี้เทียนเฉาได้อย่างสะดวก และเจ้าโลกาผยอง ในมือของเขานี้จะทำให้อี้เทียนเฉาได้รับประสบการณ์ที่แสนสุขสมและหฤหรรษ์ที่มันไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต

ในฐานะที่เป็นประมุขน้อย เขาจะรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก หากเขาช่วยลูกศิษย์ให้พบกับความสุขได้

และหลินฟ่านก็บังเกิดความนึกคิดขึ้นมาประการหนึ่ง บางทีหลังจากที่อี้เทียนเฉาได้ลิ้มลอง เจ้าโลกาผยองนี่ไปสักครั้งแล้วล่ะก็ เขาอาจจะหลงใหลและต้องการมัน ราวกับติดยาเสพติด ...

"ฮี่ ฮี่ ฮี่ ... ." หลินฟ่านหัวเราะคิดคักออกมา รอยยิ้มและท่าทางที่เขาแสดงออกมาตอนนี้แทบจะเปลี่ยนสีท้องฟ้าได้อย่างไรอย่างนั้น....

และในขณะที่หลินฟ่านกำลังเตรียมที่จะเคาะประตูบ้านพักของอี้เทียนเฉาอยู่นั้น ประตูก็ถูกอี้เทียนเฉาเปิดออกจากด้านในเสียก่อนอย่างพอดิบพอดี

อี้เทียนเฉาตอนนี้กำลังรู้สึกหดหู่อย่างมาก หลังจากที่เขาได้เรียนรู้วิชาระดับสูงจากอาจารย์คนหนึ่งในนิกายเม้งก่า เขาก็คิดว่าตนควรจะเป็นความภาคภูมิใจของนิกายและเป็นศิษย์ที่คนอื่นต่างให้ความเคารพ แต่กลับถูกไอ้บัดซบจากขุนเขาไร้นามนั่นลงมือด้วยวิชาอุบาทว์สยบเขาในกระบวนท่าเดียว ตอนนี้เขาจึงเป็นได้แค่ตัวตลกเท่านั้น

ความแค้นครั้งนี้อี้เทียนเฉาสาบานว่าจะต้องจ่ายมันคืนกลับไปแน่ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตาม

และเหตุผลที่อี้เทียนเฉากำลังจะออกไปจากบ้านพักนี้ก็เพื่อไปซื้อเม็ดยามาช่วยในการบ่มเพาะ เขาได้ยินเสียงร่ำลือกันจากศิษย์คนอื่นๆว่า เมื่อวานเหล่าศิษย์สายในที่ไปยังพื้นที่ต้องห้ามได้กลับมาพร้อมกับความสูญเสีย

ดูเหมือนว่านิกายอื่นจะมีเยาวชนที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นมา จนสามารถเล่นงานศิษย์สายในของนิกายเม้งก่าได้ยับเยินถึงเพียงนี้ ศิษย์พี่ซ่งเหิงเทียนที่แข็งแกร่งอย่างงยิ่ง และ ศิษย์พี่เทียนหยูที่แทบจะไร้เทียมทาน ได้ผนึกกำลังกันเข้าร่วมต่อสู้ แต่ไม่คิดเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นการแลกมาด้วยระดับของศิษย์พี่เทียนหยูที่ถูกทำลายลงไปจนกลายเป็นคนพิการเช่นนี้

ดูเหมือนว่าข้างนอกยังมีผู้ที่แข็งแกร่งเหนือล้ำจินตนาการอยู่มากนัก ระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของเขายังคงต่ำต้อยเกินไป

"อา... " และตอนนี้เอง อี้เทียนเฉาก็พึ่งรู้สึกตัวว่ามีชายคนหนึ่งกำลังยืนขวางประตูอยู่ เขามองชายตรงหน้าอย่างเลื่อนลอยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรีบกระโดดถอยออกไปตั้งหลักทันที

"เจ้า ... เจ้าคิดจะทำบ้าอันใด!" อี้เทียนเฉาที่กระโดดถอยไปในบ้านพักกล่าวออกมาด้วยความแคลงใจ

เขาไม่คาดคิดจริงๆว่าชายบัดซบคนนี้จะมาปรากฏตัวที่บ้านของเขา ไอ่บัดซบนี่คิดที่จะมาหยามเขางั้นหรือ? รึว่ามันจะมามอบความอัปยศให้เขาอีกหรือไร!?

แม้อี้เทียนเฉาจะไม่ใช่คนขลาดเขลาที่จะยินยอมให้ใครมาเหยียบย่ำได้ง่ายๆ แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าระดับของเขากับคนตรงหน้ามันต่างชั้นกันเกินไป

และนอกจากนั้นศัตรูคนนี้ยังใช้วิชาแสนอุบาทว์เล่นงานจุดอ่อนท่านชายอย่างไร้ความปราณีอีกด้วย แค่สบตากับไอตัวอุบาทว์เบื้องหน้า มังกรน้อยของเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันทีแล้ว ร่างทั้งร่างของเขาสั่นระริกราวกับจะหวาดกลัวความเจ็บปวดนั้น

"อ่า เอาล่ะๆ ศิษย์ตัวน้อยอี้อย่าได้หวาดกลัวข้าเลย ข้าประมุขน้อยหลินมาหาเจ้าที่นี่เพื่อช่วยเหลือเจ้า!" หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างเศร้าๆเมื่อได้เห็นอี้เทียนแหวาดกลัวเขา ราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น

สำหรับประมุขน้อยอย่างหลินฟ่านแล้ว สิ่งที่เขาต้องการจากเหล่าศิษย์ทั้งหลายคือความรักและเคารพ ไม่ใช่ความหวาดกลัวเช่นนี้

อย่างไรก็ตามศิษย์คนนี้กลับแสดงท่าที ต่อต้านความเมตตาของเขาและหวดากลัวราวกับเขามาทวงหนี้อย่างไรอย่างนั้น

"เจ้า... เจ้า ... อย่าได้ถือดีนัก ข้าหาได้เกรงกลัวเจ้าไม่!" อี้เทียนเฉากล่าวออกมาด้วยเสียงดังลั่นเพื่อข่มความหวาดกลัวในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่หลินฟ่านก้าวขาออกมา เขาก็ถึงกับสะดุ้งและถอยหลังไปเพราะเกรงว่า น้องชายที่บอบบางจะพบเจอหายนะอันร้ายแรงอีกครั้ง

รีวิวผู้อ่าน