บทที่ 310 : การต้อนรับนี่มันอันใดกัน!!
ทุกคนที่เห็นเรือเหาะประจัญบานลำใหญ่โตปรากฏตัวออกมานั้น ล้วนมีอารมณ์แตกต่างกันไป
สำหรับประมุขทั้ง 38 คนอารมณ์ของพวกมันค่อนข้างห่างไกลจากคำว่าดี! เพราะพวกมันทั้งหมดได้กล่าวตกลงกันก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกมันจักแบ่งสันปันส่วนผลประโยชน์จากนิกาย 9 สวรรค์กันอย่างไร! และหากนิกาย 9 สวรรค์คิดกล่าวคำแย้งใดๆในเรื่องนี้ พวกมันก็จำต้องไร้ไมตรีลงมือด้วยอำมหิต!
แต่ถ้านิกาย 9 สวรรค์เจียมเนื้อเจียมตัวยอมรับข้อตกลงของพวกมัน พวกมันก็ยังคิดปล่อยให้นิกาย 9 สวรรค์ได้อยู่หายใจต่อไป
ทว่าในขณะที่เรื่องราวจะถึงบทสรุป ...ก็ดันมีเรือเหาะลำใหญ่โตโผล่ออกมา นี่ใยมิใช่พวกมันจักต้องได้รับส่วนแบ่งน้อยลงหรือไร?
หากที่มาเป็นเพียงนิกายเล็กๆ กระทั่งถังใส่อุจจาระพวกมันยังไม่คิดแบ่งให้!
แต่แค่มองไปที่เรือเหาะขนาดใหญ่โตนั้น ก็รู้แล้วว่าผู้มาหาใช่นิกายเล็กๆแน่นอน!
...
หลินฟ่านที่ยืนตระหง่านอยู่บนหัวเรือเหาะนั้น กำลังเผยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม เรือเหาะประจัญบานของประมุขหยางนลำนี้ เป็นอะไรที่สุดติ่งกระดิ่งแมวอย่างยิ่ง! ไม่คิดเลยว่าเขาจะเดินทางถึงสุดขอบทวีปตะวันตกได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ใช้เวลาไปแค่วันเดียวเท่านั้น! เป็นความเร็วที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้!
อย่างไรก็ตามเรือเหาะประจัญบานลำนี้ก็ยังมิอาจเทียบได้กับคุนเผิง!
พอคิดถึงเรื่องที่คุนเพิงกระพือปีก 3 ทีแล้วไปถึงนิกายเม้งก่า ..มันเป็นสุดยอดความเร็วที่เหนือจินตนาการอย่างแท้จริง!!
แต่พอคิดถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการอัญเชิญคุนเผิง ใจหลินฟ่านก็แทบแตกสลายเช่นกัน...
"เอ๊ะ อะไรวะน่ะ? ข้างล่างกำลังหมี่เหลืองกันป่าววะ?" หลินฟ่านมองลงไปก็เห็นภาพนอกห้องโถงหลังของนิกาย 9 สวรรค์ที่เต็มไปด้วยผู้คนหนาแน่น
หลินฟ่านแน่นอนว่าไม่ใช่คนโง่ สถานการณ์ในปัจจุบันของนิกาย 9 สวรรค์เป็นยังไงเขาย่อมรู้ดี คงเป็นปาฏิหาริย์แล้วครั้งใหญ่แล้ว หากนิกาย 9 สวรรค์ ไม่ถูกนิกายอื่นๆ รุมทึ้งฉีกกระชาก
...
"ศิษย์พี่ท่านต้องอดทนเอาไว้นะขอรับ! ช่างมันเถิดขอรับ" ฟงเซี่ยวหลิงที่อยู่ด้านหลังชิงฟง กระซิบบอกออกมา
พวกนิกายบัดซบทั้งหลายนี้กำลังมองนิกาย 9 สวรรค์ด้วยแววตาที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงแห่งความโลภ หากพวกเขาลงมือประกาศสงครามจริงๆ เกรงว่าวันนี้นิกาย 9 สวรรค์คงถึงกาลอวสานอย่างแท้จริงแล้ว
ชิงฟงไม่ได้กล่าวตอบคำ ในใจของเขา เรื่องราวที่เกิดล้วนกระจ่างยิ่งกว่าผู้ใด แต่พอคิดไปถึงเรื่องที่นิกาย 9 สวรรค์ต้องตกต่ำจนอยู่ในสภาพสิ้นไร้หนทางเช่นนี้ ในใจของเขาก็อดที่จะโศกศัลย์อาดูรขึ้นมาไม่ได้
ทั้งหมดเป็นเพราะนิกาย สิ้นไร้ตัวตนอันแข็งแกร่งเป็นขุมพลังหนุนเสริม ... หากพวกเขายังหลงเหลือขุมพลังระดับสวรรค์อมตะขั้นสูงสุดสักคน เรื่องราวคงต่างออกไปจากนี้มากแล้ว!
แต่ยามนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายก็คือตัวของเขาเอง ...และเขายังมีระดับบ่มเพาะเพียงแค่ สู่สวรรค์อมตะเท่านั้น! นี่มันช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าราวกับโศกนาฏกรรมอะไรเช่นนี้!
เหล่าศิษย์นิกาย 9 สวรรค์เองก็ประหลาดใจกันไม่น้อยเมื่อเห็นเรือเหาะขนาดมหึมาลอยลำอยู่เหนือน่านฟ้านิกาย 9 สวรรค์เช่นกัน อีกทั้งมันยังเป็นเรือเหาะที่แลดูงดงามและเปล่งประกายอะไรเช่นนี้!
เหล่าศิษย์ของทั้ง 38 นิกายทำได้เพียงมองไปยังเรือเหาะประจัญบานด้วยความอิจฉา พวกมันตั้งแต่เข้านิกายมา ยังไม่เคยเห็นเรือเหาะที่ใหญ่โตหรูหราเช่นนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
ในขณะเดียวกันเหล่าประมุขของทั้ง 38 นิกาย ต่างหันมองหน้าพร้อมส่งสายตากันจ้าละหวั่นด้วยความกังวล ทั้งหมดล้วนสงสัย ว่าเป็นนิกายใดกันแน่ที่มา?
เรือเหาะประจัญบานของประมุขหยางหงอวี่นั้นค่อนข้างเรียบง่าย ทว่าตัวเรือนั้นชุบไปด้วยทองคำขาวอันหรูหราทั่วทั้งลำ ไร้สัญลักษณ์ใดๆบ่งชี้อัตลักษณ์...
ทั้งหมดนี้เพราะหยางหงอวี่นั้นเป็นคนถ่อมตัวและไม่คิดอวดอ้างอะไร ถึงแม้เม้งก่าจะเป็นนิกายยักษ์ใหญ่ แต่เขาก็ไม่คิดทำตัวเด่นยามต้องออกเดินทางไปไหนมาไหน
"ฮ่าๆ พี่ฟงเป็นไงบ้าง สบายดีหรือไม่? ฮึ่ม! ท่านมีงานใหญ่โตอย่างนี้ทั้งที ไหงไม่ชวนผู้น้องมาร่วมแสดงความยินดีด้วยเล่า... นี่ถ้าหากข้าไม่บังเอิญผ่านมาแถวนี้ แล้วนึกแวะเข้ามาหาท่าน ข้าจะรู้เรื่องรู้ราวกับเขาไหมล่ะเนี่ย ปั๊ดโธ่!"
เสียงหนึ่งดังลงมาจากฟ้าสูง ก่อนที่จะปรากฏร่างบุรุษผู้หนึ่งโรยตัวลงมาจากเรือเหาะอย่างสง่างาม
เมื่อชิงฟงเห็นว่าผู้มาเป็นใคร สีหน้าท่าทางของเขาแปรเปลี่ยนกลับกลายในทันใด รีบวิ่งพรวดไปรอรับทันที!
สีหน้าและท่าทางของเหล่าประมุขทั้ง 38 คนเองก็แปรเปลี่ยน พวกมันหันมองกันอย่างเคร่งเครียดเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าผู้มาจะเป็นสหายของชิงฟงเช่นนี้!
แต่ไม่จะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม แผนการของพวกมันยังต้องดำเนินต่อไป! ไม่มีทางล้มเลิกเพียงเพราะมีใครมาขวางเพิ่มอีกคนเป็นแน่!
ส่วนเหล่าศิษย์นิกาย 9 สวรรค์ยามนี้บังเกิดความตื่นเต้นยินดีสุดประมาณ!
"บัดซบ! สวรรค์มีตาแล้ว! ศิษย์พี่หลินมาา!!"
"นรก! ไม่ได้การแล้ว!! ข้าต้องรีบไปเตรียมชาที่ดีที่สุด!! ศิษย์พี่หลินขอภัยด้วยขอรับ! โปรดนั่งรอก่อนนะขอรับ ข้าจะรีบไปบัดเดี๋ยวนี้ " ศิษย์คนนั้นกล่าวจบก็เร่งเร้าพลังงานที่แท้จริงสุดชีวิตพุ่งร่างหายไปทางห้องเก็บชา
"ดีมาก! รีบไปให้ไว! ยามนี้ศิษย์พี่หลินมาแล้ว ไอพวกตัวบัดซบ 38 นิกาย หาได้อยู่เป็นสุขแน่!!"
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่รู้ว่าหลินฟ่านเป็นใครและทำอะไรได้ จิตวิญญาณที่ห่อเหี่ยวราวมะเขือยาวในฤดูใบไม้ร่วงของพวกมัน กลับกลายเป็นฮึกเหิมเต็มไปด้วยความสุขในทันใด
และแน่นอนพวกมันรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์พี่หลินกับศิษย์พี่ประมุขชิงฟงของพวกมันเป็นอย่างไร! ทั้งคู่สนิทกันดั่งพี่น้องร่วมสายเลือดด้วยซ้ำ!
ในใจของฟงเซี่ยวหลิงก็โล่งอกอย่างถึงที่สุด พันธนาการและความหนักหนาทั้งหลายมลายหายไปในพริบตา ตัวมันได้ขอให้ศิษย์พี่ขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่หลินหลายครั้งแล้ว แต่ชิงฟงกลับยืนกรานเรื่องนี้ว่า จะไม่รบกวนศิษย์พี่หลิน...
แต่ทว่าตอนนี้ศิษย์พี่หลินได้เดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง เช่นนี้ทำให้กระแสและเรื่องราวแปรเปลี่ยนกลับกลายใหญ่หลวงแล้ว!!
"น้องหลิน เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?" ถึงแม้ชิงฟงจะตกตะลึงและมีความสุขอย่างมากกับการมาถึงของหลินฟ่าน แต่เขาเองก็สับสนและสงสัยไม่น้อยว่าทำไม น้องหลินถึงมาที่นี่ได้?
"อะไร? ที่นี่ไม่ยินดีต้อนรับข้าหรือ? หือนี่มัน! อัยย๊ะ! ดูท่านเข้าสิ! นี่มันเสื้อคลุมประมุขนิกายใช่รึเปล่า? เจ๋ง! เหมาะมาก! เหมาะสมที่สุด! นี่มันน่าประทับใจจริงๆพี่ฟง! แต่ว่านะพี่ฟง.. ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะบ่นอะไรหรอก แต่ทำไมท่านมีพิธีเถลิงอำนาจเยื้องย่างสู่สวรรค์ทั้งที กลับไม่ชวนผู้น้องอย่างข้าเล่า? ท่านทำงี้ได้ไงกัน? ข้าน้อยใจไม่น้อยเลยนะที่ลืมกันแบบนี้!”
"เอ่อ...มิได้..คือ..พอดีข้ามีเรื่องเล็กน้อยน่ะ เอาล่ะน้องหลิน มาๆ เจ้ามานั่งก่อนเถิด!" ชิงฟงเดินพาหลินฟ่านที่กำลังเล่นผ้าคลุมของเขาอย่างสนุกสนานมานั่งใกล้ๆ
ฟงเซี่ยวหลิงผู้รู้งาน รีบพุ่งร่างอย่างปราดเปรียวไปหยิบเก้าอี้ตัวที่ใหญ่และหรูหราที่สุดออกมาจากห้องโถงหลัก และนำมันมาวางไว้ข้างๆที่นั่งประมุข
บัดซบเถิด ผู้ใดคือหลินฟ่าน? สำหรับเขาหลินฟ่านเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าแล้ว!
พอย้อนคิดกลับไป ว่าผู้อาวุโสหลี่เหวียนฉีจบสิ้นอย่างไร ก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขนพอง ผู้อาวุโสที่ทรงพลังอำนาจถึงเพียงนั้นกลับถูกบดขยี้ค้ามือจนร่างแหลกเหลวราวกับมดปลวกกระจ้อยร่อย! ฟงเซี่ยวหลิงย่อมจดจำพลังอำนาจอันน่าพรั่นพรึงสุดประมาณของหลินฟ่านได้ติดตา!
ศิษย์นิกาย 9 สวรรค์บางคนรู้สึกสับสนและงุนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
"ศิษย์พี่ขอรับ ผู้ใดคือศิษย์พี่หลินหรือขอรับ? เหตุใดเขาจึงได้นั่งด้านข้างทานประมุขเช่นนั้นเล่าขอรับ" ศิษย์คนหนึ่งที่คอยรับคำสั่งอยู่ไกลๆ ได้กล่าวกล่าวถามศิษย์พี่คนหนึ่งที่พึ่งเดินเข้ามา ...ศิษย์คนนี้มีระดับบ่มเพาะต่ำต้อยเกินไป เขาจึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์สำคัญต่างๆของนิกาย
"เจ้าเพียงแค่เปิดตามองชมดูเรื่องราวให้ดีและเงียบไว้ไม่ต้องกล่าวคำอันใด ทั้งหมดที่ข้าบอกเจ้าได้ก็คือ การที่ศิษย์พี่หลินมาปรากฏตัวเช่นนี้ มันคือความฉิบหายอย่างถึงที่สุดของไอพวกประมุขบัดซบ 38 คนนั่น! "
"ศิษย์พี่ท่านพูดจริงหรือขอรับ แต่ประมุขพวกนั้นเป็นถึงตัวตนระดับสวรรค์อมตะเลยนะขอรับ... ศิษย์คนนั้นกล่าวต่อออกมาด้วยความสงสัยระคนตกตะลึง
"ฮึ่ม? ตัวตนระดับสวรรค์อมตะรึ? ข้ามิมีเวลามากพอมาอธิบายอันใดให้เจ้าฟังแล้ว เพียงแค่เจ้ารอชมดูเอาเองเถิด ข้าต้องรีบไปหาขนมกับของขบเคี้ยวให้ศิษย์พี่หลินแล้ว! ว่าแต่มีผู้ใดไปเตรียมชงชาให้ศิษย์พี่หลินแล้วหรือยัง ?!?"
"มีแล้วขอรับ มีศิษย์พี่คนนึงวิ่งไปเมื่อครู่... " ศิษย์คนนี้อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง มันหันมองไปรอบๆ อย่างสงสัย การกระทำของศิษย์พี่ของมันทุกคนยามนี้ ยิ่งทำให้มันสับสนและสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีก เหตุใดเหล่าศิษย์พี่ที่กำลังขุ่นเคืองและพยายามสะกดกั้นโทสะอันเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ ถึงกลับกลายเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นนี้?
ทางด้านประมุขนิกายต่างๆ ทั้ง 38 คนเองก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย คนที่นั่งข้างชิงฟงนั่นเป็นผู้ใดกันแน่? ทว่าฉากต่อมาก็ยิ่งทำให้พวกมันตื่นตะลึงเข้าไปอีก
ศิษย์นิกาย 9 สวรรค์พวกนั้นมันทำอะไรกัน? ใย..พวกมันแลดูหลงใหลคลั่งไคล้ถึงเพียงนั้น!
"ศิษย์พี่หลินขอรับ นี่เป็นน้ำชาหอมจรุง 9 สวรรค์บรรจบที่พันปีจะมียอดอ่อนเพียงครั้งขอรับ มันเป็นชาที่ดีที่สุดของนิกาย 9 สวรรค์เราขอรับ!" ศิษย์ที่ยกน้ำชามานั้นระวังถึงขีดสุด มันค่อยๆบรรจงวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะข้างๆหลินฟ่านอย่างสุภาพ อันที่จริงแล้วกระทั่งผ้าเช็ดหน้าอันเป็นของดูต่างหน้ามารดาที่มันรักยิ่ง ยังถูกนำออกมาเช็ดถูไรฝุ่นบนโต๊ะจนสะอาดเรี่ยมเร้เรไรโดยไม่หวงแหน!
"ศิษย์พี่หลินขอรับ นี่ของทานเล่นขอรับ!"
"ศิษย์พี่หลิน! ท่านปวดเมื่อยไหล่บ้างหรือไม่ขอรับ? ให้ข้าบีบนวดให้ท่านนะขอรับ? "
“ศิษย์พี่หลินขอรับ ท่านเดินทางมาไกล ใช่ปวดฝ่าเท้าหรือไม่ขอรับ? ข้าไปนำน้ำอุ่นมาให้ท่านแช่เท้า แล้วบีบนวดคลายเส้นให้นะขอรับ!”
"ศิษย์พี่หลินขอรับ... !"
...
เหล่าผู้คนจากทั้ง 38 นิกายล้วนมองดูชมฉากตรงหน้าด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง โลกหล้ากำลังเกิดอาเพศอันใดกัน? บุรุษผู้นั้นมันเป็นผู้ใดแล้วมาจากไหนกดันแน่! ใยนิกาย 9 สวรรค์จึงบริการมันราวบรรพบุรุษเช่นนี้?!
พอคิดถึงการปฏิบัติที่พวกมันได้รับจากนิกาย 9 สวรรค์ กับสิ่งที่บุรุษผู้นั้นได้รับ ใยมันถึงต่างกันร้าวฟ้ากับดินเช่นนี้!
ตอนนี้ทุกคนจากทั้ง 38 นิกายล้วนบังเกิดความไม่พอใจขึ้นมาในทันใด นี่ใช่นิกาย 9 สวรรค์ กำลังข้ามหน้าข้ามตาดูแคลนพวกมันอยู่หรือไม่??
...
หลินฟ่านเองก็ตะลึงกับการปรนนิบัติหรูเริดของศิษย์นิกาย 9 สวรรค์เช่นกัน
"เอาล่ะๆ พวกเจ้ามีอะไรกันแน่หืม? ดูจากที่พยายามทำนู่นนี่นั่นให้ข้าซะอลังการงานสร้าง เอาใจข้าซะขนาดนี้ ใช่พวกเจ้ากำลังมีปัญหาอะไรให้ข้าจัดการให้รึเปล่า?” หลินฟ่านหัวเราะออกมา
ชิงฟงที่ยืนอยู่ข้างๆยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆ กระทั่งเขาเองยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความตกตะลึงระคนอิจฉาเล็กน้อย...สวรรค์เถิด เขาเป็นประมุขคนใหม่ ซ้ำยังเป็นศิษย์พี่ที่กระทำสิ่งดีๆมานาน ยังไม่เคยได้รับการปรนนิบัติดีงามถึงเพียงนี้! ไม่คิดเลยว่าน้องหลินที่พึ่งมาถึงจะทำให้ทุกคนเป็นเอามากถึงเพียงนี้!!
หลินฟ่านยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมกรุ่นจรรโลงใจเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆจิบเบาๆ ลิ้มรสสุดยอดใบชาพันปีมีครั้งอย่างมีความสุข "พี่ฟงพิธีเถลิงอำนาจเยื้องย่างสู่สวรรค์ของท่านนี่ยิ่งใหญ่ไม่เบา ถึงกับมีผู้คนมาร่วมแสดงความยินดีมากมายถึงเพียงนี้...แล้วนี่พี่ท่านไม่คิดแนะนำพวกเขาให้ข้ารู้จักหน่อยหรือ "
ชิงฟงที่ได้ฟังก็หัวเราะ และในขณะที่เขากำลังจะกล่าวแนะนำนั้นเอง เหล่าประมุขทั้ง 38 คนที่หันหน้ามองกันอีกรอบต่างก็พยักหน้าออกมา
"ช่างหัวการแนะนำบัดซบนั่นไปเสีย ข้อตกลงที่พวกเราบอกกล่าวต่อเจ้าก่อนหน้านี้ ตกลงเจ้าจักว่าอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่?"
ทันใดนั้นทุกคนก็จับจ้องไปยังชิงฟง
ส่วนอีกด้าน หลินฟ่านที่กำลังหยิบขนมขึ้นมากินนั้น เริ่มเผยรอยยิ้มลี้ลับขึ้นมาที่มุมปาก..