px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 277 : เช่าเฟยวิงวอนร้องขอเมตตา


บทที่ 277 : เช่าเฟยวิงวอนร้องขอเมตตา

น้ำเสียงเช่าเฟยโหยหวนออกมาด้วยความคับแค้นใจ

ใบหน้ามันแดงก่ำราวถูกบีบคอ  มันใช้สายตาเย็นชาจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน ซ้ำยังเต็มไปด้วยจิตฆ่าฟันอย่างไม่ระงับเอาไว้

ต้วนหลิงเทียนมีความสามารถในการสังหารเสือดาวอำมหิตได้แน่นอน  แต่เขาไม่ทำอะไรและปล่อยให้เสือดาวอำมหิตกัดขาเช่าเฟย ...

เช่าเฟยนั้นมั่นใจอะไรบางอย่าง...ว่าเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนมันจงใจแน่แท้!

ขาที่ถูกฉีกกระชากขาดออกนั้นต่างจากถูกมนุษย์ใช้ดาบกระบี่สับสะบั้น!

ในกรณีหลังนั้นยังคงพอมีความหวังที่จะเชื่อมประสาน หากได้รับการรักษาทันเวลา แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อมต่อหากถูกกระทำเช่นนี้

"ตั้งแต่นี้จ่อไป ข้าพิกลพิการแล้ว...ข้ากลับกลายเป็นคนพิการไร้ค่าแล้ว...ทั้งหมดนี่เพราะมัน เพราะมันคนเดียว!" ตาของเช่าเฟยเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง ทว่ายังคงจับจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างเย็นชา

เรื่องทั้งหมดหากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียน!  เขาก็คงไม่ต้องพิการแบบนี้ ...

ตอนนี้หากไม่ใช่เพราะเขาต้องใช้พลังงานต้นกำเนิดห้ามโลหิตของขาข้างที่ขาด เขาจะใช้มันเพื่อจู่โจมต้วนหลิงเทียน เพื่อระบายความแค้นในใจ!

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต้อสู้ของต้วนหลิงเทียน เขาก็จะแลกชีวิตให้ตายกันไปข้าง!

เขาเกลียดมัน!

สามารถคาดเดาอนาคตของผู้ฝึกยุทธ์ที่ไร้ขานั้นได้เลยว่า... สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร...

ไม่พ้นตลอดชีวิตก็คงต้องกลายเป็นเพียงผู้พิการไร้สามารถ ไม่อาจกระทำอะไรได้อีก

"ข้าตั้งใจทำเช่นนี้งั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปฏิเสธเมื่อได้ฟังคำกล่าวของเช่าเฟย เขาเพียงยิ้มด้วยท่าทางเย็นชาไม่แยแส "เช่าเฟย...ไม่ว่าข้าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม  ข้าขอถามหน่อยแล้วกัน ทำไมเจ้าถึงคิดว่า ข้าจำเป็นต้องช่วยเจ้าด้วย?"

ใบหน้าของเช่าเฟยมืดลงทันที

มิผิด...ทำไมต้วนหลิงเทียนต้องช่วยมันด้วย?

"เช่าเฟย!" ต้วนหลิงเทียนจ้องหน้าเช่าเฟยด้วยใบหน้าที่ราวกับมีชั้นน้ำแข็งปกคลุม "ตั้งแต่ข้าเข้าร่วมกลุ่มนี้ เจ้าก็ไม่พอใจแต่ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร...ทว่าต่อมาเจ้ายังต้องการให้ข้าเอาชีวิตไปทิ้ง  กระทั่งเย้ยหยันเพื่อบีบให้ข้าไปต่อสู้  ซ้ำยังบีบจนข้าไร้หนทางด้วยการยกอ้างเหตุผลต่างๆนาๆ...ใช่หรือไม่? "

เช่าเฟยไม่ได้แย้งอะไร  สายตาของมันเย็นชาและก้าวร้าว "แต่สุดท้ายเจ้าก็ไม่ตาย!"

"ก็ใช่ ที่ข้ายังไม่ตาย ...เพราะข้าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรก...อย่างที่เจ้าคิดว่าข้าเป็น!" มุมปากของต้วนหลิงเทียนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา "ข้าเองก็นึกภาพออกเลยว่า...หากข้ายังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 จริงๆ ข้าจะตายอนาถขนาดไหนเมื่อพบแรดคชสาร ...แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าสงสัยนัก วันนี้ข้ากับเจ้าก็เจอกันครั้งแรก แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้เกลียดชังข้านัก เกลียดถึงกระทั่งอยากให้ข้าตายเช่นนี้! "

"แน่นอนว่าข้าอยากให้เจ้าตาย!" แววตาเช่าเฟยเต็มไปด้วยความเย็นชา "เจ้าเป็นเพียงเศษสวะที่มีเพียงระดับบ่มเพาะกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 เท่านั้น! แต่ยังกล้ามาร่วมกลุ่มและแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม  เนื่องจากชีหลันกับหูลี่อยากให้เจ้าอยู่นัก ข้าก็อยากเห็นว่าพวกมันจักมีปัญญาหรืออาศัยอะไรมาคุ้มครองกะลาหัวเจ้า!” ในขณะที่กล่าวถึงคำนี้มุมปากของเช่าเฟยก็เผยรอยยิ้มเหน็บหนาวขณะมองไปยังชีหลันและหูลี่

"พวกเจ้าทั้งคู่ ก็เช่นกัน ข้าเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4!  นับเป็นเกียรติของพวกเจ้าแค่ไหนแล้วที่ข้ายังลดตัวมาเข้าร่วมกลุ่มล่าสัตว์อสูรในป่าแรกเริ่มนี่กับพวกเจ้า! ... แล้วจะให้ข้าทนได้อย่างไรที่พวกเจ้าทั้งคู่กลับกล้าต่อต้านข้าเพียงเพราะประโยชน์ของไอเด็กหน้าสวยนี่  แน่นอนล่ะว่าข้าต้องการให้มันตกตาย เพื่อจะได้ระบายความคับแค้นในใจนี้ของข้า!”  ใบหน้าของเช่าเฟยเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งวิกลจริต

"เช่าเฟย!" ใบหน้าชีหลันและหูลี่ดิ่งลงทันที  ทั้งคู่ไม่คิดเลยว่าเช่าเฟยจะเป็นคนจิตใจคับแคบได้ถึงเพียงนี้ ...

มันต้องการให้ต้วนหลิงเทียนตายเพราะเรื่องแค่นี้?

ในใจของทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหนาวเหน็บ นับว่าโชคดีนักที่ทั้งคู่ได้เห็นธาตุแท้ของเช่าเฟยเสียตั้งแต่วันนี้  หาไม่แล้ววันหลัง ถูกมันทรยศขายเพื่อนไปแล้วยังไม่แคล้วต้องมาช่วยนั่งนับเงินให้มันอีก

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเช่าเฟยด้วยสายตาราวน้ำแข็งเคลือบ "เจ้าคิดบีบข้าให้ออกไปตาย ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงปล่อยให้มันเป็นไป ...แต่ในตอนที่ข้าสู้กับแรดคชสาร ข้าก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าซักเพียงนิด แล้วทำไมเจ้ายังต้องขัดขวางหูลี่กับชีหลันไม่ให้มาช่วยข้า? แล้วเจ้ายังจะขัดขวางพวกเขาทำอะไร " ในน้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนเริ่มเจือไปด้วยโทสะ

"ฮึ่ม!" เช่าเฟยกวาดสายตามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง "ช่างน่าเสียดายนักที่แรดคชสารมิอาจฆ่าเจ้าได้ ไอเด็กหน้าสวย!  ข้าไม่คิดเลยว่าเด็กหน้าสวยอย่างเจ้ากลับซ่อนความแข็งแกร่งได้มิดชิดถึงเพียงนี้... "

น้ำเสียงของเช่าเฟยเต็มไปด้วยอาฆาตและไม่ยินยอมขณะที่กล่าวจนจบ

ต้วนหลิงเทียนเริ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมา "เช่นนั้นกล่าวได้ว่า เจ้าไม่ได้ต้องการอะไร...มากไปกว่าให้ข้าตาย?"

เช่าเฟยหัวเราะออกมาเช่นกัน "ถูกต้อง ข้าไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าให้เจ้าตาย!"

“โอ้..ก็นับว่าดีที่เจ้ายังกล้ารับ ... เอาล่ะมาว่าต่อเรื่องนี้ ...เช่นนั้นในตอนที่เจ้าถูกเสือดาวอำมหิตเลือกเป็นเป้าหมาย  แล้วข้าไปเกี่ยวอะไรด้วย? ทำไมข้าต้องช่วยเจ้า?  ให้ข้าถามเจ้า...ถ้าเกิดมีคนที่เจ้าไม่ต้องการอะไรมากกว่าให้มันตาย ขอให้เจ้าช่วยเหลือมัน...เจ้ายังจะช่วยมันหรือไม่เล่า?”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาเมื่อกล่าวคำถามนี้  แน่นอนว่าสีหน้าท่าทางของเช่าเฟยย่อมบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ถึงขีดสุด

"ดูเหมือนในใจเจ้าจะมีคำตอบแล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่ใบหน้าของขาจะเปลี่ยนเป็นไร้อารมณ์ กระบี่ระดับ 7 ในมือสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไปทางเช่าเฟยช้าๆ

"เจ้า ... เจ้าคิดทำอะไร?" ความเหน็บหนาวบังเกิดในขั้วหัวใจเช่าเฟย เมื่อเห็นการกระทำของต้วนหลิงเทียน  ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขวัญผวาในขณะที่ตะโกนออกมา

"ต้วนหลิงเทียน" ชีหลันกับหูลี่เองก็ตกตะลึงกับการกระทำของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่พอใจเช่าเฟยและไม่คิดคบค้าสมาคมกับมันอีกต่อไป แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยคิดฆ่ามัน

"ข้าต้องการทำอะไรหรือ?" มุมปากต้วนหลิงเทียนเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำถามไร้สาระของเช่าเฟย "เช่าเฟย เจ้าไร้เดียงสาถึงปานนั้น? เจ้าคิดร้าย ซ้ำยังพยายามให้ข้าตายหลายครั้งหลายครา ข้าก็อดทนมาตอด...แต่ตอนนี้ข้าถึงขีดจำกัดความอดทนแล้ว ..เช่นนั้นมันจะเป็นไรไป หากข้าอยากให้เจ้าลองกินยาขมถ้วยนี้ของเจ้าดูบ้าง? "

"จะ..เจ้าต้องการฆ่าข้า?" เช่าเฟยพลันตื่นตระหนก พริบตาต่อมาดวงตาของมันก็จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน ด้วยความหนาวเหน็บ ก่อนที่จะตะโกนออกมาด้วยเสียงต่ำ "เจ้ามิอาจฆ่าข้าได้! นิกายกระบี่ 7 ดาวมีกฎที่ระบุเอาไว้! ต่อให้มีเรื่องราวขัดแย้งเคียดแค้นกันมากเพียงใด  หากไม่ขึ้นไปบนเวทีประลองเป็นตาย ศิษย์ทุกคนไม่อาจสังหารผู้อื่นได้ตามอำเภอใจ!"

"กฎของนิกาย? เวทีประลองเป็นตาย? หึ!" ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าและมองลี่เฟยด้วยความเย้ยหยัน "เช่าเฟย...ถ้าข้าฆ่าเจ้าในป่าแรกเริ่มแห่งนี้ แล้วเผาซากศพเจ้าให้เป็นขี้เถ้า เพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด ... ตราบใดที่ชีหลันไม่พูด หูลี่ไม่พูด ตัวข้าแน่น้อนว่าไม่พูด...แล้วยังจะมีคนที่ 4 ที่ล่วงรู้เรื่องที่ข้าฆ่าเจ้าอีกหรือ?  ไร้สมอง!"

เช่าเฟยซีดเผือด

หากมันตายในป่าแรกเริ่มแล้วยังจะมีผู้ใดรู้ว่าต้วนหลิงเทียนฆ่ามัน?

"ชีหลัน หูลี่!" เช่าเฟยมองไปยังชีหลันและหูลี่ ราวกับว่ามันกำลังคว้าฟางเส้นสุดท้าย เพื่อยื้อชีวิต "เจ้าทั้ง 2 ไม่อาจปล่อยให้ข้าตกตายได้ พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่าพี่ชายข้าล่วงรู้ว่าข้าเข้าป่าแรกเริ่มนี่มากับพวกเจ้า  หากเขาไม่เห็นข้ากลับไป คนแรกที่เขาจะสงสัยเขาคือพวกเจ้าทั้งคู่!... ถึงยามนั้นจะไม่มีใครช่วยให้พวกเจ้ารอดไปได้! "

ใบหน้าของชีหลันและหูลี่พลันซีดลงทันที  ตอนนี้ทั้งคู่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเช่าเฟยยังมีพี่ชายอยู่

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชีหลันและหูลี่

ความหวาดกลัวเริ่มฉายออกมาในแววตาของหูลี่ ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างช้าๆ  "ต้วนหลิงเทียนเช่าเฟยมันมีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง และเขาก็เป็นศิษย์ของขุนเขาเทียนจีเช่นกัน ...เขายังเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับแก่นแท้ขั้นที่ 6" หูลี่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวจนจบ

ในความเห็นของเขาถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะสังหารเสือดาวอำมหิตได้ แต่ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนเมื่ออาศัยอาวุธวิญญาณระดับ 7 แล้ว  ...ก็ยังมีเพียง 90 ช้างแมมมอธโบราณ ...

ระดับบ่มเพาะที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนยังอยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 เท่านั้น!

ในขณะที่พี่ชายของเช่าเฟยนั้นถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเท่าเทียมกับเสือดาวอำมหิต แต่จะอย่างไรเขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นมนุษย์

ในด้านของความเร็วแล้ว พี่ชายเช่าเฟยไม่ได้ด้อยไปกว่าเสือดาวอำมหิต

ในด้านการโจมตี ถึงพี่ชายเช่าเฟยจะไม่ใช่อาวุธวิญญาณ ก็ยังใช้กำลังความแข็งแกร่งได้ถึง 80 ช้างแมมมอธโบราณ ซึ่งเท่าเทียมกับเสือดาวอำมหิต

แต่หากเขาใช้อาวุธวิญญาณเขาจะได้รับความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนอีก 20 ช้างแมมมอธโบราณ!

กล่าวได้ว่า เมื่อใช้อาวุธวิญญาณระดับ 7 แล้ว ความแข็งแกร่งของพี่ชายเช่าเฟยสามารถเทียบได้ถึง ความแข็งแกร่ง 100 ช้างแมมมอธโบราณ ... นั่นนับว่าห่างไกลเกินที่ต้วนหลิงเทียนจะเทียบได้

"ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6?" คิ้วต้วนหลิงเทียนขมวดเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 จะใช้อาวุธวิญญาณระดับ 7 เพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้มากที่สุด ก็ยังมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าหรือเหนือกว่า 100 ช้างแมมมอธโบราณเล็กน้อยเท่านั้น ...

เมื่อต้วนหลิงเทียนถืออาวุธวิญญาณระดับ 7 เขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งได้ 90 ช้างแมมมอธโบราณ และเมื่อเขาใช้มันร่วมกับพลังสั่นสะเทือนของรูปแบบนาคาพิโรธ กระทั่งพี่ชายเช่าเฟยก็ไม่แน่ว่าจะรับได้สักกระบี่!

เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนไม่ได้หวาดกลัวพี่ชายเช่าเฟยแม้แต่น้อย!

"ฮ่า ๆ ... ." ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเช่าเฟย ก่อนที่จะหันไปมองหูลี่และชีหลัน "พวกเจ้าทั้งคู่คิดหรือว่า หากข้าปล่อยมันไปตอนนี้ มันจะไม่ไปฟ้องพี่ชายให้มาแก้แค้นพวกเจ้ากับข้า?"

ต้วนหลิงเทียนอาจไม่เกรงกลัวพี่ชายเช่าเฟยได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าหูลี่กับชีหลันจะไม่กลัวพี่ชายเช่าเฟยได้ด้วย

ตอนนี้เขาต้องการตัดปัญหาและเภทภัยที่จะเกิดกับหูลี่และชีหลันในอนาคต ...

หลังจากทั้งหมดนี้ ในใจของต้วนหลิงเทียนก็นับชีหลันและหูลี่เป็นสหายไปแล้ว แน่นอนว่าเขายอมหวังว่าทั้งคู่จะไม่ได้รับอันตรายใดๆ เนื่องจากเรื่องนี้

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเพิ่มออกมาเมื่อเห็นชีหลันยังคงลังเล  "งั้นทำเช่นนี้ ข้าจะตัดหัวเช่าเฟย ... เมื่อพวกเจ้าทั้ง 2กลับไปเจอพี่ชายเช่าเฟย พวกเจ้าก็บอกว่า มีเหตุจำเป็นที่ต้องแยกกับเช่าเฟยในขณะที่อยู่ในป่านี่ และพวกเจ้าก็บอกว่าเช่าเฟยได้มากับข้า  หากพี่ชายเช่าเฟยมีปัญหาอะไรก็ให้ไปหาข้าได้ที่ขุนเขาเทียนเฉวียน "

ต้วนหลิงเทียนคิดว่าที่หูลี่กับชีหลันบังเกิดความลังเลเพราะคิดว่า เมื่อเช่าเฟยตาย พี่ชายของมันจะไปหาทั้งคู่

ดังนั้นเขาจึงคิดตัดปัญหาข้อนี้ออกไป โดยรับหน้าพี่ชายเช่าเฟยเอง  ฆ่า 1 คนไม่เป็นไร จะฆ่าเพิ่มอีก สักคนก็ไม่ได้นับเป็นอะไร...

"ต้วนหลิงเทียนเจ้ากล่าวอะไรออกมา! พวกร่วมกลุ่มเดียวกัน ซ้ำยังผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน  ยังจะให้พวกเราขายเจ้าได้อย่างไร!" หูลี่กล่าวออกมา ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยในทันที เมื่อได้ยินคำกล่าวต้วนหลิงเทียน

"พวกเรามิมีวันทำเช่นนั้นแน่นอน" ชีหลันก็กล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ ใบหน้างดงามของนางเองก็มีความไม่พอใจเล็กน้อย

หัวใจของต้วนหลิงเทียนรู้สึกอบอุ่นขึ้นไม่น้อย เมื่อเห็นท่าทางของทั้ง 2 เขาเพียงยิ้มขอโทษออกไป "เอาล่ะๆ ข้ากล่าวผิดเอง ... จะอย่างไรก็ตามเช่าเฟยมันชั่วช้านัก หลังจากที่มันกลับไป พวกเราไม่มีทางมั่นใจได้เลยว่ามันจะไม่สร้างปัญหาให้เราในอนาคต เช่นนั้นก็ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมเถอะ จะได้ไม่เกิดปัญหาอะไรในอนาคต”

"เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย" หูลี่พยักหน้า ก่อนที่จะจับจ้องไปยังเช่าเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีความสงสารแม้แต่นิด

"ไม่ ข้าไม่ทำเช่นนั้น ...ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น!" ใบหน้าของเช่าเฟยซีดจนไม่เหลือสีเลือด เมื่อได้ยินกลุ่มต้วนหลิงเทียนปรึกษากันว่าจะฆ่ามันหรือไม่  ความหยิ่งยโสโอหังบนใบหน้าของมันมลายหายไปไม่มีเหลืออย่างสิ้นเชิง คงเหลือไว้เพียงความหวาดกลัว "ข้าสาบาน! ข้าจักสาบานต่อฟ้า...ขอเพียงพวกเจ้าไม่สังหารข้า เมื่อข้ารอดกลับไปได้ ข้าจะไม่แก้แค้นอะไรพวกเจ้าเด็ดขาด ...ไม่อย่างนั้นขอให้ข้าไม่ตายดี ..ให้ข้าไม่ตายดี! 

รีวิวผู้อ่าน

runjung12
1284 วันที่แล้ว

ทั้งเรื่องอธิบายแต่จำนวนแมมมอส และความทรงจำจักรพรรดิ มันซ้ำซาก คือว่ากูเข้าใจแล้ว มันเสียเวลาเปลืองตอน ควาย


  แสดงความคิดเห็น