px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 306 : ขี้ขลาด!!


บทที่ 306 : ขี้ขลาด!!

ลี่เฟยเมินคำกล่าวทักทายของหูเฉวี่ยฟง ราวกับมันเป็นเพียงสายลมพัดผ่าน

รอยยิ้มบนใบหน้าของหูเฉวี่ยฟงพลันแข็งค้างไปเล็กน้อย  แต่เขายังคงพยายามรักษาใบหน้าแย้มยิ้มเอาไว้ ก่อนที่จะกลอกสายตาไปหาหลิงเทียน หันหน้ามากล่าวถามพร้อมประกายตาเย็นชา “ศิษย์น้อง เจ้ามีนามว่าอะไร”

"เสี่ยวเฟยพวกเราไปกันเกิด" ต้วนหลิงเทียนที่จับมือลี่เฟยอยู่จูงมือนางเดินออกไป  หมายไปใกล้ๆเวทีประลองมากกว่านี้โดยไม่เห็นหูเฉวี่ยฟงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

"อื้อ ไปกันเถอะ"

รอยยิ้มบนใบหน้าหูเฉวี่ยฟงยามนี้ถึงกับค้างไปแล้วอย่างแท้จริง เมื่อมันเห็นลี่เฟยพยักหน้าตอบรับ พร้อมเอนตัวพิงไหล่ของต้วนหลิงเทียน ราวกับลูกนกตัวเล็กๆแอบอิง ซ้ำยังเดินจูงมือกับอีกฝ่ายไปเช่นนั้น

น้ำแข็งบนใบหน้าของั่วฉิงละลายลงมากลายเป็นยิ้มอย่างสนุกสนานเมื่อเห็นหูเฉวี่ยฟงเริ่มเผยใบหน้าลดต่ำลง ซ้ำยังบิดเบี้ยวออกมาอย่างน่าดู!  นางกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันว่า “หูเฉวี่ยฟง ศิษย์น้องที่หล่อเหลากว่าเจ้าเมื่อครู่ มีนามว่าต้วนหลิงเทียน เขาเป็นคนรักของศิษย์น้องหญิงข้าเอง”

หลังกล่าวจบสั่วฉิงก็เดินตามต้วนหลิงเทียนกบลี่เฟยไป

ต้วนหลิงเทียน?

คำสามคำนี้ดั่งฟ้าร้อง ก้องกังวานในหูของหูเฉวี่ยฟง

"มันน่ะหรือ ต้วนหลิงเทียน?" หูเฉวี่ยฟงหันไปมองต้วนหลิงเทียนพร้อมหรี่ตาลงเล็กน้อย "เป็นเพียงศิษย์สายนอกที่พึ่งเข้ามายังนิกายกระบี่ 7 ดาวได้เพียงครึ่งปี กลับกล้าเมินเฉยข้างั้นรึ? มันคิดจริงๆหรือไร ว่าอาศัยเรื่องที่สังหารเช่าอิงได้ แล้วจะทำให้มันเหิมเกริมเช่นนี้"

หลังจากที่กลุ่มของต้วนหลิงเทียนเดินมาถึงเวทีประลองได้ไม่นาน กลุ่มผู้อาวุโสของขุนเขาไท่หยางก็ปรากฏตัวขึ้น

ท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโสนี้มีคนหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง แต่งกายแตกต่างจากผู้อาวุโสคนอื่นๆ

เขาเป็นชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อแพร มีลายปักหรูหราเพียงคนเดียว ...

ซ้ำชายวัยกลางคนนี้ยังมีลักษณ์สง่างาม ความแข็งแกร่งมีระดับเผยออกมาให้เห็นจากหว่างคิ้ว  ท่วงท่าน่าเกรงขาม แววตาทอประกายล้ำลึก ราวกับจะมองทะลุทุกสิ่ง

"ปรมาจารย์ขุนเขาไท่หยาง!" เหล่าศิษย์ที่อยู่รอบๆ ล้วนรีบหลีกทางและกล่าวคำทักทายออกมาอย่างเคารพ

ปรมาจารย์ของขุนเขาไท่หยาง

ต้วนหลิงเทียนพอจะคาดเดาฐานะของชายวัยกลางคนนี้ได้บ้าง ตั้งแต่ที่เขาเห็นมันเดินมาแต่ไกลแล้ว

และครั้งนี้เขาก็เดาถูก

"ศิษย์พี่หญิง เขาคือปรมาจารย์ขุนเขาไท่หยาง ที่มีนามว่าเจิ้งฝานใช่หรือไม่?" ลี่เฟยกล่าวถามสั่วฉิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง

"ใช่แล้ว" สั่วฉิงพยักหน้ารับคำ

"ศิษย์พี่ฉีฮ่าวมาถึงแล้ว!" มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้ทุกคนหันไปมองทันที

บริเวณทางเข้าเวทีประลองไท่หยาง มี 2 ร่างเดินเคียงคู่กันมา

ร่างหนึ่งเป็นชายหนุ่มใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ หน้าผากหมองคล้ำ ดวงตา 3 เหลี่ยมดั่งอสรพิษแลดูคบไม่ได้

อีกคนเป็นชายวัยกลางคนท่วงท่ายโสโอหัง ราวกับไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา

"เอ๊ะ คนที่มากับศิษย์พี่ฉีฮ่าว มิใช่ผู้อาวุโสจ้าวหลินแห่งขุนเขาเทียนเฉวียนหรอกหรือ?"

"คนนั้นคือ ผู้อาวุโสจ้าวหลินมิใช่หรือไร?"

...

หลานคนจดจำคนที่เดินมากับฉีฮ่าวได้

"จ้าวหลิน?" ต้วนหลิงเทียนอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นจ้าวหลิน

เขาดูๆแล้ว การที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน ย่อมไม่มีเรื่องดีอะไรแน่นอน!

"มันเป็นพี่ชายฉีเยี่ยนไม่ผิดแน่ หน้าตาอุบาทว์เหมือนกันยิ่งนัก" คิ้วที่งดงามของลี่เฟยขมวดเล็กน้อย

"ปรมาจารย์" หลังจากที่ฉีฮ่าวและจ้าวหลินเดินมาถึง พวกมันก็ทักทายปรมาจารย์ขุนเขาไท่หยาง เจิ้งฝาน

เจิ้งฝานยิ้มบางๆ ก่อนที่จะพยักหน้าให้จ้าวหลิน "อาวุโสจ้าวหลิน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสนใจการประลองของศิษย์สายนอก จนตามมาดูชมถึงที่นี่ได้"

"ปรมาจารย์ จะอย่างไรการแข่งขันครั้งนี้ก็นับว่าแตกต่างจากครั้งก่อนมิใช่น้อย ข้าเองก็อดไม่ได้ที่จะมาเปิดหูเปิดตาดูบ้าง" รอยยิ้มเผยออกมาบนใบหน้าของจ้าวหลิน ราวกับแฝงความหมายว่าล่วงรู้อะไรมาไม่น้อย

"หืม ดูเหมือนเจ้าเองก็รู้อะไรมาไม่น้อยเลยนี่" เจิ้งฝานยิ้มให้จ้าวหลินก่อนที่จะเหลือบไปมองฉีฮ่าวที่อยู่ด้านข้าง "ฉีฮ่าว ข้าเองก็หวังว่าวันนี้เจ้าจักทำผลงานได้ดี อย่าได้ให้เสียชื่อศิษย์สายนอกอันดับ 1ซะล่ะ"

"เรื่องนี้ท่านปรมาจารย์มิต้องกังวลขอรับ เป้าหมายของข้าคือชนะเลิศ!" ฉีฮ่าวพยักหน้ารับคำ ประกายตาของมันเรืองวูบขึ้นมาแฝงความในเล็กน้อย

"ดีมาก" เจิ้งฝานพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็กระโดดเหินร่างไปยืนกลางเวทีใหญ่ "ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าการประลองศิษย์สายนอกครั้งนี้ได้เปลี่ยนกฎบางประการ... และวันนี้ข้าเองก็มีคำที่คิดจะกล่าวบอกต่อพวกเจ้าศิษย์สายนอกทั้ง 60 คนให้รับรู้เพิ่มเอาไว้!"

น้ำเสียงของเจิ้งฝานไม่ได้ดั่งสักเท่าไร แต่ด้วยพลังงานต้นกำเนิดที่แผ่ซ่านออกมาปกคลุมทั่วบริเวณอย่างหนาแน่น ทำให้คำกล่าวของมันดังก้องในหูทุกคนราวกับฟ้าร้อง

ตอนนี้เองทุกคนล้วนหันไปมองเจิ้งฝานเป็นสายตาเดียวกัน เพื่อรอฟังคำกล่าวบอกเล่าเรื่องราว

"เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีการเปลี่ยนกฎใหม่อะไรอีก?" คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดเป็นปม เขาเองก็สงสัยไม่น้อย

เจิ้งฝานเมื่อเห็นว่าทั้งหมดหันมาและเงียบเสียงแล้ว ก็เริ่มกล่าวออกมาทันที “การประลองศิษย์สายนอกรอบที่ 2 วันนี้ จะละทิ้งกฎอีกข้อหนึ่งที่เคยมีมา เพื่อให้ศิษย์สายนอกทุกคนได้ใช้พลังและความสามารถเต็มที่โดยไม่ต้องออมรั้งเอาไว้...ในการประลองวันนี้ศิษย์สายนอกทั้ง 60 คน จะดำเนินการประลองในรูปแบบที่ไม่จำกัดในเรื่องของความเป็นตาย!”

"กล่าวง่ายๆ วันนี้แม้ผู้ใดจะสังหารอีกฝ่ายบนเวทีประลอง ก็มิได้ผิดกฎอันใดทั้งสิ้น" เจิ้งฝานกล่าวออกมารวดเดียวจบ

ตอนนี้ทั่วทั้งเวทีประลองไท่หยางเงียบสนิทไร้สรรพเสียง

ไม่สนความเป็นความตาย?

เรื่องนี้

ไม่นานก็มีศิษย์หลายคนที่มีปฏิกิริยาตอบรับกับคำกล่าวของเจิ้งฝาน ใบหน้าพวกมันล้วนบิดเบี้ยวลงโดยพลัน

คนเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์สายนอกที่มีระดับบ่มเพาะระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 ที่เข้าร่วมประลองทั้งสิ้น!

พวกมันมาที่นี่ด้วยความมั่นใจพร้อมความหวังอันสูงส่งว่าจักได้รับรางวัลติดไม้ติดมือ แต่ตอนนี้พวกมันทำได้เพียงหดหู่ราวมะเขือยาวในฤดูใบไม้ร่วง

"ที่ท่านปรมาจารย์กล่าวเมื่อครู่ ...คำว่าการประลองครานี้มิสนความเป็นตาย ...นั่นใช่หมายความว่า สามารถลงมือสังหารอีกฝ่ายได้ ใช่หรือไม่ฦ"

"ดูเหมือนจักเป็นเช่นนั้น... สวรรค์ แล้วเช่นนี้ มิใช่วันนี้ต้องมีผู้คนตกตายหรอกหรือ?"

...

เหล่าศิษย์ที่อยู่รอบๆ เวทีประลองไท่หยางเองก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมาทันที

การประลองศิษย์สายนอกครานี้ ไม่สนความเป็นตาย!

นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏออกมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียวในหน้าประวัติศาสตร์ของนิกายกระบี่ 7 ดาว!

"ข้าสละสิทธิ์!"

"ข้าก็ถอนตัวเช่นกัน!"

"ข้าเองก็ยอมแพ้!"

...

เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆอดไม่ได้ที่เหล่าศิษย์สายนอกที่ได้รับศิษย์ในการเข้าร่วมประลองรอบที่ 2 จะถอดใจเลือกสละสิทธิ์ทันที

และเหล่าศิษย์ที่ถอนตัวไปนี้แน่นอนว่าย่อมมีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6!

ถึงแม้ว่าพวกมันเองก็ต้องการแสดงความโดดเด่นในการประลอง แต่จะอย่างไรพวกมันก็ล้วนห่วงชีวิตของตัวเอง หากการประลองต้องถึงตายพวกมันก็ไม่คิดเสี่ยง

หาไม่แล้ว เกิดประมาทพลาดพลั้งเพียงน้อยนิด ก็จำต้องทิ้งชีวิตไป!

เช่นนั้นพวกมันจึงมิกล้ารับความเสี่ยงเดิมพันเช่นนี้

นอกจากนี้พวกมันยังรู้ขีดจำกัดตัวเองดี!

ยามนี้เกือบครึ่งหนึ่งของศิษย์ที่มีสิทธิ์เข้าประลองรอบที่ 2 มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ทั้งสิ้น!

ถึงแม้ว่าพวกมันจะเข้าร่วมแต่ก็ไม่เหลือโอกาสรับรางวัลอะไร

เพราะมีเพียง 10 ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับรางวัลจากการประลอง

เจิ้งฝานไม่แปลกใจสักนิดที่มีเหล่าศิษย์จะถอนตัวและเริ่มกล่าวสนทนาอื้ออึง กล่าวคำออกมาต่อทันที "เอาล่ะ ตอนนี้ศิษย์สายนอกที่ผ่านเข้ารอบ 2 มาได้ทั้ง 60 คน ผู้ใดยังหวังได้รับเกียรติยศและคิดที่จะเข้าร่วมประลองการแข่งขันรอบที่ 2 นี้ ให้มายืนรวมกันด้านข้างของข้า... เดี๋ยวจักมีผู้อาวุโสมาลงชื่อพวกเจ้า”

“สำหรับศิษย์ที่คิดถอนตัวก็ไม่จำเป็นต้องมา”

เมื่อสิ้นคำกล่าวของเจิ้งฝาน ร่างหนึ่งก็กระพริบวูบไปยืนด้านข้างเจิ้งฝานทันที

"ศิษย์พี่หูเฉวี่ยฟง!" ศิษย์หลายคนอดกล่าวออกมาอย่างยอมรับไม่ได้

“อย่างที่คิดเอาไว้เลย ด้วยความสามารถของศิษย์พี่หูเฉวี่ยฟงแล้ว แม้การประลองครานี้จักเดิมพันด้วยชีวิต เขาก็มิได้หวาดหวั่นอันใด น่านับถือยิ่งนัก”

"ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ปรมาจารย์ขุนเขาเทียนเชวียนถึงขั้น มอบกระบี่วิญญาณระดับ 7 ที่ขยายพลังได้ถึง 29% ให้เช่นนี้ กระทั่งศิษย์พี่ฉีฮ่าวยังไม่แน่ว่าจะต้านทานเขาได้"

"มิแปลกอันใดที่เขาจักมั่นใจเช่นนั้น"

...

ตอนนี้เหล่าศิษย์สายนอกล้วนมองไปยังหูเฉวี่ยฟงด้วยความชื่นชม

พริบตาหูเฉวี่ยฟงก็กลายเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจผู้คน

"ไม่เลว" กระทั่งปรมาจารย์เจิ้งฝาน ยังพยักหน้าให้หูเฉวี่ยฟงอย่างชื่นชม

หูเฉวี่ยฟงที่ยืนข้างปรมาจารย์เจิ้งฝาน กวาดสายตาเหล่าศิษย์ทั้งหลาย จนเบนไปตกที่ต้วนหลิงเทียนที่กำลังสนทนากับลี่เฟยอยู่

"หืม?" คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะหันกลับมามองมัน

แน่นอนเขาย่อมสัมผัสสายตาที่จับจ้องมาอย่างดูถูกของหูเฉวี่ยฟงได้ดี

มันมองมาด้วยสายตาดูแคลนหยามหยันราวกับมั่นใจว่า เมื่อต้วนหลิงเทียนรับรู้ว่าการประลองรอบ 2 นี้ไม่สนเป็นตาย ต้วนหลิงเทียนจะไม่กล้าเข้าร่วม

วูบ!

ทันใดนั้นเอง มีอีกร่างหนึ่งกระพริบวูบวาบขึ้นไปบนเวทีและยืนข้างๆ เจิ้งฝาน

"ศิษย์พี่ฉีฮ่าว!"

"ดั่งที่คิดไว้มิมีผิด ศิษย์สายนอกอันดับหนึ่ง ย่อมมิคิดหวาดหวั่นแม้จักเป็นการประลองเป็นตาย"

...

เหล่าศิษย์สายนอกรอบๆ เริ่ม เสียงดังอีกครั้ง

เพราะมีอีกร่างหนึ่งทะยานขึ้นไปบนเวทีแทบจะพร้อมๆกันกับฉีฮ่าว

วูบ!

เป็นเหอตง ศิษย์ขุนเขาเทียนเฉวียน ที่มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7!

"ต้วนหลิงเทียน คราวนี้เจ้าอย่าได้ฝืนเล่า" สั่วฉิงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนจบนางก็ทะยานร่างขึ้นเวทีไปเช่นกัน

เพียงเวลาสั้นๆ ยามนี้ด้านข้างเจิ้งฝานมีผู้คนอยู่ 4 คนแล้ว

"ศิษย์สายนอกที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ทั้ง 4 คนขึ้นไปหมดแล้ว!"

"ยังจะมีศิษย์สายนอกที่มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 คนใดขึ้นไปอีกหรือไม่?"

...

ภายใต้เสียงกล่าวดังอื้ออึงของศิษย์รอบๆเวทีประจำขุนเขาไท่หยาง ไม่นานเหล่าศิษย์สายนอกก็เริ่มทยอยขึ้นเวทีประลองไป

และทั้งหมดล้วนมีความคล้ายคลึงกันประการหนึ่ง

พวกมันเป็นศิษย์ที่มีระดับบ่มเพาะอยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ทั้งสิ้น!

ในเวลาต่อมาศิษย์สายนอกที่มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประลองในรอบที่ 2 ล้วนกระโดดขึ้นมาบนเวทีหมดสิ้น

หากนับรวม ฉีฮ่าว,เหอตง,สั่วฉิง,หูเฉวี่ยฟงแล้ว ทั้งหมดมี 28 คน

"ต้วนหลิงเทียนนั่น คงไม่บังเกิดความหวาดกลัว จนไม่กล้าเข้าร่วมการประลองศิษย์สายนอกรอบที่ 2 นี้ขึ้นมาใช่หรือไม่?" จ้าวหลินที่ยืนอยู่บนเวทีประลองด้านหลัง หันไปมองหาต้วนหลิงเทียนในทันที

หัวใจเขากระตุกไปเล็กน้อย เขาคิดอ่านวางแผนมาตั้งมากมาย แต่ดันลืมคิดถึงเรื่องนี้เสียสนิท! ...

ว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะเลือกที่จะยอมแพ้  ถอนตัวกลับไป!

หากต้วนหลิงเทียนยอมแพ้ เช่นนั้นที่มันกระทำไปทั้งหมด นับว่าสูญเปล่าแล้ว!

หากเป็นเช่นนั้น นี่มิใช่คล้ายมันพยายามตักน้ำด้วยตะกร้าไม้ไผ่สานหรือไร!

มันไม่ยินยอม!!

มายามนี้จ้าวหลินบังเกิดความกังวลดั่งไฟสุมอก!

"ต้วนหลิงเทียน!" ทันใดนั้นเอง เสียงฉีฮ่าวที่อยู่บนเวทีประลองก็ดังสนั่นขึ้นมา

ดวงตา 3 เหลี่ยมทั้งคู่ดั่งอสรพิษกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้านเวทีประลองของขุนเขาไท่หยาง ราวกับมันกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง “เจ้าคงไม่ขี้ขลาดกระทั่งมิกล้าลงประลองศิษย์สายนอกรอบที่นี่ 2  ใช่หรือไม่?”

"ขี้ขลาด!" น้ำเสียงของฉีฮ่าวเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

รีวิวผู้อ่าน