px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 308 : ฉลากหมายเลข 1


บทที่ 308 : ฉลากหมายเลข 1

เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เขาก็เคลื่อนร่างขึ้นไปยังเวทีประลองทันที

วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ร่างต้วนหลิงเทียนโอนเอนไปมา ก่อนที่จะพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง ดั่งอสรพิษปราดเปรียวตัวหนึ่ง

ต้วนหลิงเทียน เลือกใช้การกระทำแทนคำพูด เพื่อบ่งบอกการตัดสินใจของเขา

เขาไม่ได้ถอนตัว!

เขาเองก็คิดเข้าร่วมการประลองศิษย์สายนอกรอบที่ 2 นี้เช่นกัน!

“อะไรกัน! ต้วนหลิงเทียนกลับกล้าที่จะเข้าร่วมการประลองศิษย์สายนอกนี้จริงๆงั้นหรือ นี่เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัวที่จะถูกสังหารเลยหรือไร? ช่างใจเด็ดนัก!” ศิษย์ขุนเขาเทียนเฉวียนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้

ทุกครั้งที่ฉีฮ่าวเดินทางมายังขุนเขาเทียนเฉวียน ศิษย์บนขุนเขาเทียนเฉวียนสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังและความแค้นที่ฉีฮ่าวมีต่อหลิงเทียน เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ...

เกรงว่ายามนี้ฉีฮ่าวคงไม่คิดต้องการอะไรมากไปกว่า การที่จะได้ สับร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็นชิ้นๆ  แล้วเผาให้กลายเป็นขี้เถ้า ก่อนจะสาดเทขี้เถ้าต้วนหลิงเทียนให้กระจาย!

นั่นทำให้เหล่าศิษย์ขุนเขาเทียนเฉวียนมองว่า การที่ต้วนหลิงเทียนเลือกลงประลองรอบ 2 เช่นนี้ คือการนำชีวิตไปทิ้ง...

พวกมันไม่คิดว่าการกระทำครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนเป็นเรื่องที่ดีแม้แต่น้อย...

เพราะจะอย่างไรทุกคนที่อยู่บนเวทีล้วนมีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ทั้งสิ้น! ซ้ำยังมีแม้กระทั่งผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าศิษย์สายนอกอันดับที่ 1!

"ต้วนหลิงเทียน วิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกของเจ้า จักต้องเป็นของข้า!!" ความวิตกกังวลบนใบหน้าของจ้าวหลินมลายหายไปทันที ที่เห็นต้วนหลิงเทียนก้าวขึ้นเวทีประลอง  และตอนนี้ปากของมันเริ่มเผยรอยยิ้มยินดีออกมา เมื่อเรื่องราวกำลังเป็นไปตามแผน...

มันรู้สึกว่าทุกสิ่งที่ทำมา ไม่สูญเปล่าแล้ว!

มันช่างคุ้มค่า!

"นี่! ต้วนหลิงเทียน ใยเจ้ายังขึ้นมาอีกเล่า?" สั่วฉิงมองไปที่ต้วนหลิงเทียน ยามนี้คิ้วคู่งามขมวดเป็นปม "จะดีเสียกว่า หากเจ้าไม่แยแสคำกล่าวเหลวไหลของหูเฉวี่ยฟง "

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีว่าศิษย์สตรีตรงหน้าเป็นห่วงเขาจากใจจริง เขาเพียงยิ้มตอบออกไปพร้อมกล่าวคำ "ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้ขึ้นมาเพราะวาจายั่วยุของมัน... อันที่จริงข้าก็ตั้งใจเข้าร่วมประลองรอบที่ 2 นี่ตั้งแต่แรกแล้ว ถึงแม้มันจะไม่พล่ามอะไรก็เถอะ"

สั่วฉิงสับสนไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นแววตากระจ่างและสีหน้ามั่นใจของต้วนหลิงเทียน นางก็จนปัญญา

นางเข้าใจว่า ต้วนหลิงเทียนคงเป็นลูกวัวไม่กลัวเสือ!

เขายังไม่รู้ว่าความต่างระหว่างฟ้ากับดินมันเป็นเช่นไร  เขาเพียงดูแคลนเรื่องราวและมั่นใจในความสามารถตนเองมากเกินไป!

"มิเลวๆ ต้วนหลิงเทียน เช่นนี้เจ้ายังนับได้ว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้าง" หูเฉวี่ยฟงมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยระกายเย็นชา มุมปากยกขึ้นมาเผยยิ้มแสยะกล่าวคำเย้ยหยัน "แต่เรื่องที่เจ้าจักอยู่หรือตายในการประลองรอบที่ 2 นี้ ล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า ...และภาวนาไว้ให้ดีเถิด หากเจ้าพบเจอข้า อย่าหวังว่าจะได้รับความเมตตาจากข้า!"

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสอะไรกับวาจายั่วยุไร้สาระของหูเฉวี่ยฟง กระทั่งไม่มองมันด้วยซ้ำ...ตอนนี้เขาเลือกที่จะมองไปยังฉีฮ่าวที่อยู่ไม่ห่าง

ใบหน้าอัปลักษณ์ของฉีฮ่าวนั้น ก็กำลังหันมาทางเขาเช่นกัน  แววตาดั่งอสรพิษของมันถลึงมองมายังเขาพร้อมเผยเจตนาฆ่าฟัน คุกรุ่นไปด้วยจิตสังหาร อย่างไม่คิดจะสะกดเอาไว้แม้แต่น้อย

"เจ้าน่ะหรือต้วนหลิงเทียน?" ตอนนี้เอง ปรมาจารย์ขุนเขาไท่หยาง ก็เผยความสนใจที่มีต่อต้วนหลิงเทียนออกมาไม่น้อย เขากล่าวคำพร้อมประกายตาเรืองวูบ "ข้าได้ยินคำร่ำลือและผลงานของเจ้ามานานแล้ว ... แต่ถึงแม้เจ้าจะสังหารศิษย์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 ได้  แต่วันนี้เจ้าอาจจะไม่สามารถรับมือศิษย์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ได้ จะอย่างไรก็ระวังให้มากเข้าไว้ หากเจ้าผ่านพ้นการประลองครั้งนี้ไปได้ในอนาคต เวทีของนิกายกระบี่ 7 ดาวจะเป็นของเจ้า "

คำกล่าวของเจิ้งฝานนี้เต็มไปด้วยความชื่นชมที่มีต่อต้วนหลิงเทียนอย่างเห็นได้ชัด!

นั่นทำให้ใบหน้าของหูเฉวี่ยฟงลดต่ำลง  เจตนาฆ่ามันมันก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับฉีฮ่าวนั้นไม่ได้แยแสอะไร เพราะวันนี้ไม่ว่าเจิ้งฝานจะกล่าวอะไร ก็ไร้ความแตกต่าง

เพราะเขาจะไม่มีวันอนุญาตให้ต้วนหลงเทียนมีลมหายใจสืบไปหลังจากวันนี้!

"ปรมาจารย์ ท่านกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว " ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวรับพร้อมรอยยิ้ม ไม่ได้แสดงท่าทีหยิ่งยโสหรือถ่อมตนมากจนเกินงาม

เจิ้งฝานมองไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างชื่นชม ก่อนที่จะหันมามองศิษย์รอบๆ เวทีประลองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวใดๆ ก็กล่าวคำออกมา "เอาล่ะ ยามนี้ยังมีศิษย์ที่มิสิทธิ์ในการลงประลองรอบที่ 2 แล้วยังคิดที่จะขึ้นมาบนเวทีอยู่อีกหรือไม่"

เขารออีกครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีใครกล่าวคำและขึ้นเวทีมา

เจิ้งฝานสะบัดมือพร้อมกล่าวคำออกมาเสียงดัง “เช่นนั้นข้าจะขอเริ่มการประลองศิษย์สายนอกรอบที่ 2 ตั้งแต่บัดนี้”

"เอาล่ะ กฎการประลองรอบที่ 2 นี้ก็ง่ายดายนัก" เจิ้งฝานมองไปยังต้วนหลิงเทียน พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังศิษย์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 อีก 28 คนที่เหลือ "เอาล่ะ ข้าจะให้คนไปทำฉลากสักครู่ ... ทั้งหมดจะมี 29 ฉลาก โดยมีหมายเลข 1 – 29  ผู้ใดที่จับได้หมายเลขที่ 1 จะถือว่าชนะผ่านการประลองที่จะมีในรอบที่ 2 นี้ไปครั้งนึง และได้รับตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราวในทันที”

"ส่วนอีก 28 คนที่เหลือ หรือ 14 คู่ จะทำการประลองหาผู้ชนะกันไปจนกระทั่งเหลือ 7 คู่ ...และหลังจากที่ 7 คู่นี้ประลองจนได้ผู้ชนะ 7 คนแล้ว  ทั้ง 7 คนนี้ก็จะได้รับตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราวทันทีเช่นกัน”

“หลังจากผ่านขั้นตอนนี้ นั่นหมายความว่า ตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราวจะมี อยู่ 8 คน!”

“7 คนที่เหลือก่อนหน้าที่พึ่งพ่ายแพ้มา จะทำการจับฉลากอีกรอบ  และผู้ใดที่ได้รับ หมายเลข 1 ก็จะเข้าไปอยู่ใน ตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราวอีกเป็นคนที่ 9!”

“มาถึงตอนนี้ ตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราว ก็ยังเหลือที่ว่างอีก 1 ตำแหน่ง  และผู้ที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ก็จะมาจาก 6 คนเมื่อครู่ทำการประลองกัน ”

“และหลังจากที่มีผู้ที่ได้รับตำแหน่ง 10 อันดับแรก ชั่วคราวครบแล้ว  หาก 19 คนก่อนหน้านี้ยังไม่พึงพอใจและไม่เห็นด้วย พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะท้าชิง 10 อันดับแรกชั่วคราวได้ 1 ครั้ง! และหากเอาชนะ หรือสังหารอีกฝ่ายได้ ตัวเจ้าก็จะได้รับตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราวนี้ไปครอง!!”

“และเมื่อไร้ผู้ใดท้าทายตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราว จนกระทั่งหมดเวลาประลอง  ตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราวนี้ก็จะกลายเป็น ศิษย์แข็งแกร่ง 10 อันดับแรกที่แท้จริง”

“และเนื่องจาก รางวัลตั้งแต่ อันดับที่ 1 ถึง 10 มีความแตกต่างกัน เช่นนั้น ศิษย์ที่ได้รับตำแหน่ง 10 อันดับแรกนี้ ก็จะต้องมาประลองแข่งขันกันอีกครั้งเพื่อให้ได้รับตำแหน่งตามฝีมือที่ควรได้ ...แล้วเมื่อสิ้นสุดแล้วผู้ใดที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ จะได้รับผลกำเนิดลี้ลับ เป็นรางวัลพิเศษ!”

"เอาล่ะ...ตอนนี้ พวกเจ้ายังมีอะไรที่ไม่เข้าใจหรือไม่?" เจิ้งฝานมองไปยังต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกวาดสายตามองคนอื่นๆ ที่เหลือ

ต้วนหลิงเทียนเพียงส่ายหัวออกมา เนื่องจากคำกล่าวเมื่อครู่ของเจิ้งฝานก็ชัดถ้อยชัดคำและเข้าใจง่ายดี   บอกครบถ้วนทุกขั้นตอนแล้ว...

‘กล่าวได้ว่าคนที่จับฉลากได้หมายเลข 1 ในตอนแรกดูจะสบายที่สุด ...ไม่จำเป็นต้องประลองคัดคนไปครั้งนึงสามารถเข้าไปอยู่ 10 อันดับแรกชั่วคราวได้ทันที  แล้วก็ทำเพียงรอผู้มาท้าชิงเท่านั้น หากไม่มีก็ได้รับ 10 อันดับแรกแน่นอนแล้ว’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ และเริ่มสนใจที่จะจับฉลากให้ได้หมายเลข 1

แน่นอนว่าถึงแม้จะมีใครโชคดีหยิบจับฉลากได้หมายเลข  1 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่รอดปลอดภัย เพราะสุดท้ายเดี๋ยวก็ต้องมีคนมาท้าชิงอยู่ดี

เพียงแค่ผ่านการประลองไปครั้งนึงก็เท่านั้น...

หลังจากผ่านไปไม่นาน ผู้อาวุโสของขุนเขาไท่หยางก็หยิบกล่องบรรจุฉลากเอาไว้ ขึ้นเวทีประลองมาก่อนที่จะนำมาวางไว้บนพื้นด้านหน้าเจิ้งฝาน

เจิ้งฝานมองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะกวาดสายตามองไปยังคนอื่นทั่วๆ  พร้อมกล่าวออกมาอย่างไม่ได้จริงจังอะไร “เอาล่ะ ในนี้มีฉลากอยู่ 29 หมายเลข พวกเจ้ามาหยิบจับเอา ลำดับจัดการเอาเองแล้วกัน”

ครู่ต่อมาศิษย์ที่ยืนใกล้ๆ กับกล่องฉลาก ก็เดินออกมาหมายจับฉลากก่อน

ต้วนหลิงเทียนเองก็เดินมาพร้อมๆกันกับสั่วฉิง เมื่อมาถึงกล่องฉลากต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มพร้อมกล่าวคำ “เอาล่ะศิษย์พี่สั่วฉิง เชิญท่านก่อนแล้วกัน”

สั่วฉิงพยักหน้ารับ แล้วก็เดินออกไปจับฉลากทันที

หมายเลข 9

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เดินไป ก่อนที่จะล้วงมือลงไปในกล่องฉลากหมายจับขึ้นมาเช่นกัน และในตอนนี้เขาก็เริ่มใช้พลังวิญญาณแผ่จิตสัมผัสเข้าไปตรวจสอบภายในกล่องฉลาก...

แต่เดิมต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้คาดหวังอะไร เนื่องจากจะอย่างไรจิตสัมผัสก็ไม่ได้มองเห็นเหมือนตา มันคงไม่มีทางเห็นตัวเลขได้

แต่ทว่าเมื่อจิตสัมผัสของเขาแผ่ออกไปสัมผัสในกล่องฉลากจริงๆ เขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย ของฉลากใบนึง ที่แตกต่างจากฉลากชิ้นอื่นๆ...

‘นั่นจะใช่หมายเลข 1 รึเปล่าหว่า?’ ต้วนหลิงเทียนคิดอะไรเล่นๆอย่างไม่หวังอะไรมากมาย  ก่อนที่จะลองหยิบขึ้นมาดู

และเมื่อแกะฉลากที่หยิบขึ้นมาอย่างช้าๆ พอเปิดดูก็เห็นว่ามันเป็นหมายเลข 1 จริงๆ!!

ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้โดยพลัน เพราะเมื่อครู่เขาเห็นหมายเลขของสั่วฉิง ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจิตสัมผัส จากพลังวิญญาณของเขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลกๆ จากหมายเลข 1 เพราะว่าหมายเลข 1 นี้มันกลับเขียนด้วยหมึกสีแดง! ส่วนเลขอื่นๆจะใช้หมึกสีดำ!

ที่หมายเลข 1 เขียนด้วยหมึกแดง คงเพราะตั้งใจทำให้มันเด่นชัดและแตกต่างจากหมายเลขอื่นๆ

และเป็นเพราะเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงจับมันขึ้นมาได้ และไม่พ้นต้องเป็นจุดสนใจอีกตามเคย

"1...ฉลากหมายเลข 1?" สั่วฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวคำอุทานออกมาด้วยเสียงสูง เมื่อเห็นหมายเลขฉลากของต้วนหลิงเทียน

หมายเลขที่ 1 ?

คำกล่าวอุทานของสั่วฉิงดังให้ศิษย์รอบๆได้ยินกันอย่างทั่วถึง

“บัดซบ! ต้วนหลิงเทียนนั่นมิโชคดีเกินไปหน่อยหรือ กระทั่งจับได้หมายเลข 1 จาก 29 หมายเลข ก่อนเช่นนี้”

"กระทั่งโชคยังท้าทายสวรรค์อีกเช่นนั้นหรือ!"

“มันก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น จะอย่างไรเขาก็ได้เพียงตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราว...หากเขาไม่แข็งแกร่งจริงเดี๋ยวก็มีผู้ไปท้าประลองจัดการเขาเอง”

"ที่เจ้ากล่าวก็ถูก"

...

เหล่าศิษย์รอบๆ อดไม่ได้ที่จะร้องขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

บางคนถึงกับระบายลมหายใจเพราะอิจฉาในโชคของต้วนหลิงเทียน บางคนก็ไม่แยแสเพราะคิดว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

"หมายเลข 1 ?" เจิ้งฝานรู้สึกประหลาดใจกับโชคของต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย

"เฮอะ! หมายเลข 1 ... " อย่างไรก็ตามยามนี้มุมปากของ 2 คนบนเวทีกลับเผยยิ้มแสยะเย็นชาออกมา

แน่นอนว่าเป็นหูเฉวี่ยฟง และ ฉีฮ่าวไม่ผิดเพี้ยน

“เจ้าเพียงตำหนิว่าเจ้าโชคร้ายนักที่จับได้หมายเลขที่ 1 ตราบใดก็ตามที่ข้าเลือกจะยอมรับความพ่ายแพ้ในการประลองรอบแรก สละสิทธ์ตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราวไปเสีย หลังจากนั้นข้าค่อยมาท้าประลองเจ้าโดยตรง... และเมื่อถึงตอนนั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะ” หูเฉวี่ยฟงมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะคิดแผนการในใจอย่างมุ่งร้าย

ดวงตา 3 เหลี่ยมดั่งอสรพิษของฉีฮ่าวเองก็เริ่มฉายประกายเย็นชาออกมา

ความคิดในหัวตอนนี้ของมันเองก็เป็นดั่งเช่นความคิดของหูเฉวี่ยฟง

“ต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะอับโชคนัก” ส่วนเหอตงที่เดินออกมาจับฉลากของตัวเอง ก็มองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนพร้อมส่ายหัว

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเขาเห็นเจตนาฆ่าฟันในแววตาของหูเฉวี่ยฟงและฉีฮ่าว ยามที่พวกมันมองไปยังต้วนหลิงเทียน

สำหรับเขานั้น หากดูเผินๆเหมือนต้วนหลิงเทียนจะโชคดี ที่ได้ฉลากหมายเลข 1

แต่ในความจริงแล้ว นั่นทำให้ฉีฮ่าวและหูเฉวี่ยฟง มีโอกาส ท้าทายเขาโดยตรง...

ต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจความหมายที่แฝงมาในวาจาของเหอตงได้เป็นอย่างดี เขาไม่ได้สนใจอะไรมากมายเพียงยิ้มรับเท่านั้น “ที่ต้องมา จะอย่างไรก็มา...”

เหอตงไม่คิดเลยว่าขนาดตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ต้วนหลิงเทียนยังคงแสดงท่าทางออกมาอย่างไม่หวาดหวั่น  เขาจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง "ต้วนหลิงเทียน หากวันนี้เจ้าสามารถรอดไปได้ ...ข้าเหอตงขอเป็นสหายกับเจ้าได้หรือไม่"

แม้อายุของต้วนหลิงเทียนจะยังไม่ได้มากมายอะไร  แต่ก็ทำให้เหอตงรู้สึกตะลึงกับความเป็นผู้ใหญ่ และความสงบนิ่ง ใจเย็นนี้ มันช่างแลดูเหนือชั้นยิ่งนัก!

เรื่องนี้ทำให้เหอตงชื่นชมต้วนหลิงเทียนจากใจจริง!

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ...และนั่นอาจจะถือว่าเป็นคำตอบ

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าต้องรีบกล่าวคำยอมรับความพ่ายแพ้ทันทีเลยนะ!  หากหูเฉวี่ยฟง หรือฉีฮ่าวมันขอท้าประลองกับเจ้า” สั่วฉิงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตากังวลก่อนที่จะกล่าวแนะนำออกมาด้วยความหวังดี

“สั่วฉิง หากเขายอมรับความพ่ายแพ้  เขาก็มิใช่ต้วนหลิงเทียนแล้ว” ต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้เอ่ยปากกล่าวคำอะไร  กลับเป็นเหอตงที่กล่าวตอบสั่วฉิงออกมาก่อนด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

ต้วนหลิงเทียนพลันหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน "เฮ่ เหอตง ใยเจ้าถึงรู้ใจข้าดีนักเล่า?"

“มันไม่เชิงว่ารู้ใจเจ้าดีหรอก แต่ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ามิใช่คนที่จะหลีกหนีเมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย...นอกจากนี้ข้ายังเห็นถึงแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเจ้าอีกด้วย” เหอตงมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนที่จะกล่าวออกมาช้าๆ “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ทราบว่าเพราะอันใด เจ้าถึงมั่นใจมากเช่นนั้นก็เถิด”

รีวิวผู้อ่าน