px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 120 ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ปรากฏกาย! อีกครั้ง!!


"ศิษย์พี่เหตุใดพวกเขาจึงยังไม่มากันเล่า?" เฟิ่งปู้จู่กล่าวถามออกมาด้วยความกังวลใจ

"เจ้าอย่าได้กังวลบางทีพวกเขาอาจจะกำลังเดินทางมาก็ได้" ซั่งเอ้อกั๋วยังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะจะอย่างไรตอนนี้โอสถก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว จะไปกลัวอะไร?

ทันใดนั้นเองอี้เทียนเฉาพลันปรากฏร่างออกมาจากที่ไกลๆ ทว่าท่าทางของมันแลดูหงอยเหงาโดดเดี่ยว...อีกทั้งยังไม่มีร่างสหายและพี่น้องเหล่าศิษย์อัจฉริยะมาด้วยสักคน มันกำลังเดินคอตกเข้ามาพร้อมความในใจที่เจ็บปวด ‘เหตุใดพวกท่านถึงไม่เชื่อคำข้ากันสักครั้ง’

‘ท่านประมุขน้อยหลินเป็นอัจฉริยะด้านการหลอมโอสถอย่างแน่นอน เขาจะไปล้มเหลวได้อย่างไรกัน’

เมื่อมองไปยังร่างที่เดินมาอย่างโดดเดี่ยวราวกับ..พัง..ลำพัง ของอี้เทียนเฉาเหล่าศิษย์สายนอกก็ส่งเสียงฮือฮาออกมา แต่จะอย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้ากล่าวคำหรือล่วงเกินอี้เทียนเฉา เช่นนั้นพวกเขาจึงได้แต่แกล้งทำเป็นยิ้มแย้มต้อนรับ

"อ้าว ศิษย์พี่อี้ แล้วศิษย์พี่ท่านอื่นๆเล่า?"ซั่งเอ้อกัวเดินไปหาอี้เทียนเฉาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะยกถุงย่ามขนาดใหญ่เอาไว้ขึ้นมา “ศิษย์พี่อี้ ท่านประมุขน้อยที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราตระเตรียมโอสถให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว! ข้าเองก็รอพวกเขามาตรวจสอบและยืนยันรายการอยู่แต่เช้า!”

อี้เทียนเฉานั้นพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง เมื่อมองไปยังซั่งเอ้อกั๋วที่ยื่นถุงย่ามออกมาพร้อมทั้งแจ้งให้เขาทราบว่า โอสถทั้งหมดพร้อมมอบให้แล้ว ทีท่าของเขาพลันเปลี่ยนไปทันที เพราะเขานั้นยืนกรานต่อทุกคนไปแล้วว่าประมุขน้อยหลินฟ่านจะไม่ทำให้ผิดหวัง และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตอนนี้เขาจึงร่าเริงเป็นลิงได้กล้วย สลัดคราบลูกหมาอดข้าวเมื่อครู่ออกไปทันที

เมื่อเปิดถุงย่ามออกดูเพื่อตรวจสอบ พลังโอสถมหาศาลมากมายก็พวยพุ่งขึ้นมาแทบทำหน้าเขาไหม้ อี้เทียนเฉาหัวเราะออกมาดังลั่นสนั่นตลาดในบัดดล "ศิษย์น้องซั่ง!เจ้ามอบโอสถให้ข้าก่อน! แล้วข้าจะรีบกลับมาอย่างรวดเร็ว!"

กล่าวจบอี้เทียนเฉาก็พุ่งร่างไปยังทางที่เขาเดินทางมาด้วยความเร็วสูงสุด ซั่งเอ้อกั๋วยังไม่ทันได้กล่าวอะไรสักคำ ร่างของอี้เทียนเฉาก็ทะยานหายไปราวกับเหินบิน มันได้แต่ส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ อะไรของเขากัน?

และตอนนี้เองเหล่าศิษย์สายนอกทั้งหมดล้วนอ้าปากค้าง ไม่มีผู้ใดกล้าหายใจแรง...เมื่อครู่พวกมันได้ยินคำกล่าวว่าอะไรกันนะ?

โอสถ ... พร้อมแล้ว งั้นหรือ?

เรื่องนี้มันเป็นไปได้อย่างไร! เพียงเวลาชั่วข้ามคืนโอสถระดับสูงที่ได้รับการจ้างวานและมอบวัตถุดิบสมุนไพรไปเมื่อวานนี้ ได้หลอมสร้างเสร็จสิ้นแล้ว? แม้แต่ขุนเขาต้านติ่งเองยังไม่มีความสามารถสูงล้ำถึงเพียงนี้!

นี่มันเป็นไปไม่ได้! ทั้งหมดต้องเป็นเรื่องหลอกลวง! นี่ต้องเป็นละครฉากหนึ่งที่เล่นขึ้นมาแหกตาผู้คนเป็นแน่! อี้เทียนเฉาตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เขาดูเหมือนจะมีสัมพันธ์อันดีกับประมุขของขุนเขาไร้นาม นี่ต้องเป็นละครฉากหนึ่งที่อี้เทียนเฉาร่วมแสดงเป็นแน่! เพราะพวกเขาทุกคนไม่มีผู้ใดได้เห็นโอสถจริงๆแม้แต่คนเดียว

แต่ตอนนี้ศิษย์สายนอกบางส่วนเองก็เริ่มลังเลใจ เพราะพวกเขานั้นไม่เชื่อว่าอี้เทียนเฉาที่พวกเขาศรัทธาจะทำอะไรเช่นนั้น อี้เทียนเฉาไม่มีทางหลอกลวงผู้คนเช่นนี้แน่ๆ ทั้งดูจากท่าทางแล้วเขาก็ดูไม่เหมือนคนเล่นละครสักนิด หรือว่าคนจากขุนเขาไร้นามจะประสบความสำเร็จจริงๆ?

ซั่งเอ้อกั๋วนั้นยืนอยู่หลังโต๊ะ มันมองผู้คนที่ทำหน้าเหวอๆแล้วก็หัวเราะออกมา

และหลังจากนั้นไม่นานเรื่องราวฉากใหญ่น่าตื่นตระหนักก็บังเกิดขึ้น

เหล่า 10 ศิษย์อัจฉริยะสายนอกล้วนพุ่งร่างมาด้วยความเร็วสูงมาด้วยสีหน้าและท่าทางที่ทะล้นลักไปด้วยความสุข

แม้แต่รูปลักษณ์และตัวตนที่แสนจะเย็นชาอย่างเจี้ยนหวู่ตี้เอง ก็แลดูอบอุ่นและฉายออกมาถึงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด...โอ้สวรรค์ หรือจะมีปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

ตอนแรกที่อี้เทียนเฉากลับไปแล้วบอกพวกเขาว่า โอสถหลอมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่มีผู้ใดเชื่อ แต่อี้เทียนเฉาพุ่งเข้าไปเปิดโอสถให้เห็นกันจะๆคาหน้าคาตา ทุกคนก็ล้วนอ้าปากค้างและได้แต่ยอมรับความจริง

และเมื่อคิดว่าการแสดงท่าทีก่อนหน้านี้ ที่ไม่ออกไปรับโอสถด้วยตัวเองจะเป็นการล่วงเกินและทำให้คนของขุนเขาไร้นามเสียหน้า พวกเขาก็ตื่นตระหนกและร้อนรน รีบพุ่งร่างออกมาเพื่อแก้ไขการกระทำครั้งนี้ทันที

แต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือตอนนี้ทุกคนต้องการที่จะไปสานสัมพันธ์กับขุนเขาไร้นาม และหวังว่าจะได้รับการตอบรับดีๆในภายหลัง

นั่นเพราะเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายต่อให้เก่งกาจมากเพียงไหน แต่เมื่อฝึกฝนถึงระดับหนึ่งก็ต้องมีปัญหา และปัญหาเหล่านั้นแม้ว่าพวกเขาจะบ่มเพาะฝึกฝนอย่างไรบางครั้งมันก็ไม่อาจแก้ไขได้ บางครั้งพวกเขาก็จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากโอสถเหล่านี้

ร่างกายของมนุษย์นั้นล้วนไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์พร้อมไปทุกด้าน ในบางครั้งความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อสร้างเสริมซ่อมแซมส่วนที่ขาดก็จำเป็นไม่น้อย

แล้วสำหรับโอสถที่มีคุณสมบัติส่งเสริมส่วนที่ขาดและมีระดับสูงถึงเพียงนั้น พวกเขาจะได้มาง่ายๆ เช่นนั้นหรือ? นอกเหนือจากการเก็บรวบรวมสมุนไพรที่หาได้ยากเย็นอย่างยิ่งแล้ว ยังต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้หลอมโอสถที่เก่งกาจอีกด้วย

ในหนทางแห่งผู้ฝึกตนที่ทอดยาวไร้สิ้นสุดนั้น ถ้ามีความสัมพันธ์กับผู้หลอมโอสถที่เก่งกาจแล้วล่ะก็ มันย่อมมีผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน

"เฮ่ ศิษย์น้องที่น่ารักทั้ง 2 คน ข้าต้องขออภัยพวกเจ้าจริงๆที่ข้ามาช้าถึงเพียงนี้!" เมิ่งฮ่าว 1 ใน 10 อัจฉริยะกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะร่า

ตอนนี้เขาได้รับโอสถโลหิตมังกรมาแล้ว และตรวจสอบมันด้วยมือของเขาเอง จากพลังโอสถที่เปี่ยมล้นออกมานั้น ทำให้เขารู้สึกได้ทันทีว่าหากกินมันลงไปแล้วล่ะก็ ความแข็งแกร่งของวิชากายาที่เขาฝึกมันต้องเพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด

"ไม่เป็นไร ... พี่ท่านมาก็ดีแล้ว!" ซั่งเอ้อกั๋วรีบโบกไม้โบกมือออกมาอย่างตกใจ ตอนนี้เขายังงงๆในเรื่องที่เกิดขึ้นเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าตอนนี้ในใจของซั่งเอ้อกั๋วจะพอมีเงื่อนงำและเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้สนใจเอาความอะไร เพราะนี่นับเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่คุ้มจะเอามาทำให้ความสัมพันธ์ของขุนเขาไร้นามกับ 10 ศิษย์อัจฉริยะพวกนี้เสียไป

หลังจากนั้นเหล่าศิษย์อัจฉริยะแต่ละคนก็ล้วนเข้ามากล่าวขอขมาที่มาช้า และขอขอบคุณจากใจจริง ทั้งยังกล่าววาจาเยินยออีกหลายส่วน ทำให้ซั่งเอ้อกั๋วและเฟิ่งปู้จู่ยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะความสามารถล้ำเลิศของท่านประมุขน้อยหลินฟ่าน!

ความสามารถในด้านการหลอมปรุงโอสถและศาสตร์แห่งโอสถของประมุขพวกเขาเหนือล้ำผู้ใดในโลกอย่างแท้จริง 10 ศิษย์อัจฉริยะสายนอกแล้วจะเป็นอย่างไร? พวกเขายังคงถูกความสามารถของท่านประมุขทำให้ประจักษ์จนต้องนอบน้อมเช่นนี้

เหล่าศิษย์นิกายสายนอกรอบๆบริเวณตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับถูกขี้ปาหน้า พวกมันไร้คำจะกล่าวอย่างสิ้นเชิง สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของพวกมันตอนนี้คือเรื่องตรงหน้ามันเป็นไปได้อย่างไร หรือพวกมันกำลังฝันอยู่หรือไม่

โอสถ ... กลับถูกหลอมสร้างสำเร็จแล้วจริงๆ!

พวกเขาอาจสงสัยได้ว่าอี้เทียนเฉานั้นให้ความร่วมมือในการเล่นละครร่วมกันกับขุนเขาไร้นาม แต่ทว่าตอนนี้แม้แต่ 10 ศิษย์อัจฉริยะเองต่างก็ให้ความเคารพพวกเขาถึงขนาดนั้น นี่ยังจะเสแสร้งได้อีกหรือไรกัน?

อี้เทียนเฉาเองที่ยืนดูอยู่ด้านข้างก็เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ ปากของเขานั้นฉีกออกมากว้างราวกับไม่เคยแย้มยิ้มเช่นนี้มาก่อน ใครใช้ให้คนเหล่านี้ไม่เชื่อเขาตั้งแต่ตอนแรกล่ะ ตอนนี้เป็นยังไง เชื่อกันแล้วล่ะสิ!

เหล่า 10 ศิษย์อัจฉริยะตอนนี้ล้วนทึ่งในฝีมือและเคารพยกย่องความสามารถของประมุขขุนเขาไร้นามอย่างแท้จริง และพวกมันยังอยากขึ้นเขาไปพบปะทำความเคารพหลินฟ่านด้วยตัวเอง ...ทว่ากลับถูกซั่งเอ้อกั๋วหยุดเอาไว้

“ประมุขของพวกเราเพียงหลอมสร้างโอสถให้เท่านั้น ไม่คิดพบปะหรือทักทาย”

ตอนนี้เฟิ่งปู้จู่เองก็ได้โอกาสเหมาะ เขาชูธงและป่าวประกาศออกมาทันที "ผู้ใดก็ตามที่คิดจะจ้างงานหลอมโอสถ ให้นำวัตถุดิบส่วนผสมของพวกเจ้ามาที่นี่!"

เมื่อยอดเขาไร้นามมีความสามารถหลอมโอสถระดับสูงได้อย่างแท้จริง อีกทั้งความสามารถของพวกเขานับว่าน่าทึ่งและไม่สามารถกล่าวปฏิเสธได้ ตอนนี้ถ้าหากจะถามว่าผู้ใดเป็นฝ่ายชนะระหว่างขุนเขาไร้นามกับขุนเขาต้านติ่ง แน่นอนล่ะว่าต้องเป็นขุนเขาไร้นาม้ตดี้

เจียนหวู่ตี้และเหล่าศิษย์อัจฉริยะที่เหลือไม่ได้เข้าร่วมการค้าอีกครั้ง พวกเขาทำเพียงเดินหลบออกมาด้านข้างเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาได้โอสถที่ต้องการแล้ว และพวกเขายังไม่ได้รีบร้อนที่จะได้รับโอสถอะไรอีกครั้งในช่วงนี้

ขุนเขาไร้นามจะอย่างไรก็ยังอยู่ในนิกายเม้งก่า พวกเขาเลยไม่ได้รีบร้อนอะไร

หลังจากนั้นทุกคนก็หันไปหาอี้เทียนเฉาและพยักหน้าออกมาด้วยความขอบคุณ หากไม่ใช่ศิษย์พี่,น้องคนนี้บางทีพวกเขาคงต้องทุกข์ระทมจากความต้องการโอสถอีกนา

"เอ๋ นี่เจ้า! บัดซบ ไม่ใช่เจ้าหรอกเหรอที่ตอนแรกกล่าววาจาให้ร้ายเหยียดหยามดูหมิ่นดูแคลนพวกข้าถึงเพียงนั้น อะไร? ตอนนี้แบกหน้ามาขอให้พวกข้าหลอมปรุงโอสถให้ นี่เจ้ายังมีหน้ามากระทำเช่นนี้ได้อีกหรือ หนังหน้าเจ้าหนาเทียบเท่าตูดสัตว์อสูรหรือไร?” ซั่งเอ้อกั๋วหัวเราะออกมาดังลั่นก่อนที่จะกล่าววาจาทับถมศิษย์สายนอกคนหนึ่งที่กำลังซึมเป็นหมาหงอย...แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราศิษย์สายนอกคนนี้เป็นคนที่มักจะกล่าววาจาหมิ่นขุนเขาไร้นามอยู่เสมอๆ

ศิษย์คนนั้นหน้าแดงด้วยความเสียใจก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความวิงวอน "ศิษย์พี่ได้โปรดล่ะ นี่เพราะข้าโง่เขลา ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้าผู้โง่เขลา ไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของขุนเขาไท่ซาน ได้โปรดให้อภัยกับความโง่เขลาเบาปัญญาของผู้น้อย แล้วช่วยผู้น้อยหลอมสร้างโอสถบ่มเพาะด้วยเถิด!”

"ฮึ่ม! ไม่มีวันเสียล่ะ ขุนเขาไร้นามไม่ต้อนรับคนเช่นเจ้า ไสหัวไป ไป!! ชิ่วๆๆ ไป! ยัง ยังไม่ไปอีก!!" ซั่งเอ้อกั๋วกล่าวขับไล่ไสส่งออกมาราวกับศิษย์สายนอกคนนั้นเป็นหมูเป็นหมา จนมันมีทีท่าน่าเวทนาอย่างยิ่ง

“ยังคิดที่จะได้รับความเมตตาและโอสถที่พวกเราหลอมสร้าง หลังจากที่กล่าววาจาดูถูกพวกเราถึงเพียงนั้น....เหอๆสหายโลกนี้หาได้ง่ายดายดั่งเช่นเจ้าคิด!”

ศิษย์สายนอกคนนั้นได้ยินก็ยืนซึม...น้ำใสๆเริ่มคลอเบ้าด้วยความเสียใจ มันได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะความปากเสียของตัวเองและหันหลังเตรียมจะเดินจากไปด้วยความสำนึก พร้อมหยาดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาดั่งพิรุณราวกับจะล้างความปากเสียอยางไรอย่างนั้น...

ทว่าทันใดนั้นเองกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลังของซั่งเอ้อกั๋ว

"เอ้อกั๋วเอ๊ย...เอ้อกั๋ว ในฐานะศิษย์พี่คนหนึ่ง เหตุใดเจ้าจึงไปกลั่นแกล้งและหยอกล้อศิษย์น้องถึงเพียงนั้นกันเล่า?"

ดวงตาของซั่งเอ้อกั๋วเริ่มซีดลงเล็กน้อย "ทะ...ท่านประมุข ... !"

เหล่าศิษย์อัจฉริยะทั้งหลายที่ยืนข้างๆเมื่อได้ฟังก็จาเห็นประกาย ก่อนที่จะรีบหันหลังไปมองผู้ที่พูดเมื่อครู่ และท่าทางของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพทันที

แน่นอนเหล่าศิษย์สายนอกทุกคนก็ล้วนหันไปมองตามเสียงนั่น

เมื่อมองตรงไปจะเห็นบุรุษผู้หนึ่งเยื้องย่างอย่างสุขุม ท่าทางโอบอ้อมอารีเปี่ยมไปด้วยเมตตาไร้สิ้นสุด ท่วงท่าของเขานั้นไม่ช้าหรือเร็วจนเกิดไป ทว่าบังเกิดเป็นความสง่างามประการหนึ่งสดกดใจผู้ที่ได้เฝ้ามองอย่างถึงขีดสุด อีกทั้งพวกเขายังอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกละอายเมื่ออยู่ใกล้ๆ

นั่นเพราะบุรุษผู้นั้นช่างสุกสกาวราวกับจันทราที่ลอยเด่นกลางนภา ส่วนพวกเขาเป็นแค่ดาราหม่นแสงไร้ประกายรอบด้านเท่านั้น

ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเทียมท่วงท่ากริยาของเขาได้แม้เพียงนิด

รีวิวผู้อ่าน