บทที่ 310 : ฉีฮ่าวผู้เอาแต่ใจ!
นอกเหนือจากต้วนหลิงเทียน,สั่วฉิง และเหอตงแล้ว ผู้ถือครองตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราวล้วนถูกท้าชิง จนต้องประลองกันอย่างต่อเนื่อง
บางคนก็สามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ บางคนก็ถูกผู้ท้าชิงแทนที่
การประลองบนเวทีเริ่มดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ!
ภาพดาบกระบี่กระพริบวูบวาบอย่างน่าหวาดเสียว เสียงดังหวีดหวิวที่แฝงมาในสายลมทำให้ทุกคนบังเกิดความหวาดผวาไม่น้อย ...
ตอนนี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะถูกผู้อื่นมองว่าอ่อนแอที่สุดในบรรดาผู้ถือครองตำแหน่ง 10 อันดับแรกชั่วคราว แต่ก็ไม่มีใครกล้าท้าประลองกับเขา
ทุกคนย่อมรู้ดีว่าฉีฮ่าวนั้นได้ตัดสินใจเลือกเขาไว้แล้ว
หากใครกล้าท้าต้วนหลิงเทียน คนผู้นั้นถือว่าไม่ไว้หน้าฉีฮ่าว
พวกมันไม่มีใครกล้าล่วงเกินฉีฮ่าว
ส่วนทางด้านเหอตงกับสั่วฉิงนั้น ปกติทั้งคู่ก็เป็นศิษย์สายนอกที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วในนิกายกระบี่ 7 ดาวนี้ ชื่อเสียงทั้งคู่ไม่ได้ด้อยกว่าหูเฉวี่ยฟงสักนิด และทั้งคู่ก็นับว่าอ่อนแอกว่าศิษย์อันดับ 1 อย่างฉีฮ่าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ...
เช่นนั้นในสายตาของทุกคน ผู้ที่หาญกล้าไปท้าสั่วฉิงกับเหอตง นั้นหาเรื่องใช้สิทธิ์อย่างเสียเปล่า!
ศิษย์ทุกคนมีโอกาสท้าชิงเพียงครั้งเดียว แน่นอนว่าต้องเลือกมันให้ดีที่สุด
เช่นนั้นทุกคนจึงพยายามเลือกคู่ต่อสู้ที่พวกมันมั่นใจ
แล้วการประลองดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผู้ที่ยังยืนหยัดชนะได้ก็ถือครองตำแหน่งไป หากไม่ไหวแพ้พ่ายก็ถูกเสียตำแหน่ง ...
ตอนนี้เอง
ทั่วเวทีประลองไท่หยางล้วนเงียบกริบ
ดวงตาทุกคู่หันไปจับจ้องยังร่างหนึ่งอย่างพร้อมเพรียง
เป็นร่างชายหนุ่มที่ใบหน้าอัปลักษณ์ ดวงตา 3 เหลี่ยมดั่งอสรพิษ ซึ่งยามนี้เต็มไปด้วยประกายแห่งความเย็นชา และกำลังจับจ้องไปยังร่างหนึ่งบนเวทีประลองตาเขม็ง
"ในที่สุดก็ถึงรอบศิษย์พี่ฉีฮ่าวท้าชิงเสียที!"
"ศิษย์พี่ฉีฮ่าวเฝ้ารออย่างใจจดจ่อนัก ... ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนจะมิอาจหลีกหนีความทรมานครั้งนี้ได้แล้ว"
"หากข้าเป็นเขา ข้าคงรีบกล่าวคำยอมแพ้เสียตั้งแต่ยังไม่ได้ลงประลอง"
...
สายตาของเหล่าศิษย์ที่จับจ้องไปยังร่างฉีฮ่าวเมื่อครู่ ล้วนหันไปมองต้วนหลิงเทียน แล้วเริ่มกล่าวคำสนทนาคาดเดากันไปต่างๆนาๆ
ต้วนหลิงเทียนเพียงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา แลดูหนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อให้เขาไท่ซานทลายอยู่ตรงหน้าเขาก็คงไม่ทุกข์ร้อน
"ต้วนหลิงเทียน!" ตอนนี้เองฉีฮ่าวพลันตะโกนออกมาอย่างเกรียวกราด พร้อมเคลื่อนร่างวูบราวกับเสือชีตาร์ไปยังเวทีประลองหมายเลข 1 โดยพลัน ตลอดเวลาสายตาเย็นชาของเขาไม่เคยละจากร่างต้วนหลิงเทียนไปเลยสักนิด
แน่นอนว่าเขาต้องท้าชิงต้วนหลิงเทียน!
เขาต้องการฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายคามือ!
โทสะและความเคียดแค้นจากขั้วหัวใจเจือไปด้วยจิตสังหารทั้งหมดของฉีฮ่าวถูกส่งไปกดทับร่างต้วนหลิงเทียน ยามนี้มันไม่ต้องการอะไรมากไปกกว่าสับร่างต้วนหลิงเทียนเป็นชิ้นๆ! แล้วเผาให้เป็นขี้เถ้า! ก่อนที่จะนำเถ้ากระดูกต้วนหลิงเทียนไปสาดเททิ้งน้ำ!!
"คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก ... " บริเวณมุมหนึ่งใกล้ๆ เวทีประลองหลักขุนเขาไท่หยาง จ้าวหลินยืนตระหง่านพร้อมจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความโลภ ราวกับมันได้เห็นฉากที่ตัวได้รับตำราวิชาบ่มเพาะเลิศล้ำอัศจรรย์อย่างวิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกเรียบร้อยแล้ว...
เพื่อที่จะได้รับวิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นนี้ กล่าวได้ว่าจ้าวหลินลงแรงไปไม่น้อย มันได้ใช้ความพยายามแทบทั้งหมดของมัน...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จะเปลี่ยนกฎการประลองในช่วงนาทีสุดท้าย ให้ละเลยความเป็นตายบนเวทีได้เช่นนี้ ...กล่าวได้ว่าเขาต้องไปวิ่งเต้นพึ่งพาอำนาจเบื้องหลังไม่น้อยเลยทีเดียว
และทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทำไปมากมายล้วนเพียงเพื่อได้ตำราวิชาบ่มเพาะจากต้วนหลิงเทียน!
คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก!!
ตอนนี้เขาได้เห็นแสงแห่งความหวัง ที่เขาจะได้รับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกอยู่รำไรแล้ว!
"ฮึ่ม!" หูเฉวี่ยฟงที่ยืนอยู่ไกลๆ ยามนี้สีหน้าของมันมืดมน แววตาเริ่มฉายออกมาถึงความเย็นชา แลดูก้าวร้าวรุนแรงราวกับจะกลืนกินผู้คนเสียให้ได้
“ฉีฮ่าวนี่ มันกล้าแย่งเหยื่อข้าจริงๆ!”
สายตาของมันเบนไปตกยังร่างฉีฮ่าวและทำการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ หากฉีฮ่าวนี้สังหารต้วนหลิงเทียนจนได้รับตำแหน่งผู้แข็งแกร่ง 10 อันดับแรกมาแล้วล่ะก็ ... เช่นนั้นมันจะท้าฉีฮ่าวโดยตรง!
ในอดีตมันไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไรหากต้องปะทะกับฉีฮ่าว!
แต่ตอนนี้เรื่องราวมันต่างออกไป!
มันมีกระบี่วิญญาณระดับ 7 ที่เพิ่มพูนพลังผู้ถือครองได้ถึง 29% อยู่ในมือ และความแข็งแกร่งของมันก็นับว่าเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก! ...
ตอนนี้มันมั่นใจว่าตัวมนสามารถเอาชนะฉีฮ่าว หรือกระทั่งฆ่าให้ตายคามือได้!
"ตัวเลวร้าย" ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะแสดงความเชื่อมั่นให้ลี่เฟยเห็นแล้ว แต่ลี่เฟยก็ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย นางทำได้เพียงเม้มริมฝีปากสีแดงระเรื่อในขณะมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยดวงตาคู่สวยที่ฉายชัดออกมาถึงความเป็นห่วง
เพราะจะอย่างไรบนเวทีประลองไม่อาจใช้อาคมจารึกได้...
ศิษย์รอบๆ เวทีประลองไท่หยางล้วนอื้ออึงและส่งเสียงดังออกมาอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเห็นต้วนหลิงเทียนยังคงยืนนิ่งไม่ได้ขยับ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
"มันจะเป็นไปได้หรือไม่ ที่ต้วนหลิงเทียน คิดยอมรับความพ่ายแพ้?"
"หากมองไปยังท่าทีของเขาแล้ว ก็น่าจะ... "
"เฮ่ เขาคงมิคิดยินยอมรับความพ่ายแพ้หรอกนะ ข้าอยากเห็นเขาต่อสู้ ... ข้าอยากดูให้เห็นกับตาว่าชายหนุ่มที่แลดูอายุไม่ถึง 20 ปีเช่นนี้ จะแข็งแกร่งเพียงใด อยากรู้ว่าเขาเอาชนะศิษย์สายนอกระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6 มาได้ด้วยวิธีไหน และเขาผ่านการประลองรอบแรกมาจนถึงรอบนี้ได้อย่างไร”
"ข้าเองก็อยากรู้ด้วยเช่นกัน ... น่าเสียดายนัก ที่พวกเราอาจจะไม่ได้เห็นมันซะแล้ว"
เหล่าศิษย์สายนอกส่วนใหญ่คิดว่าที่ต้วนหลิงเทียนนิ่งเงียบไป เพราะเขาคิดที่จะยอมแพ้การประลอง
รอยยิ้มที่มุมปากของจ้าวหลินพลันแข็งค้างในทันใด
"ต้วนหลิงเทียน มันคงไม่คิดยอมแพ้จริงๆใช่หรือไม่?" จ้าวหลินบังเกิดความกระวนกระวายอย่างถึงขีดสุด ตอนนี้ใจมันไม่ต้องการอะไรมากกว่าพุ่งไป จับร่างต้วนหลิงเทียนแล้วเหวี่ยงโยนขึ้นเวทีประลอง ให้เริ่มต่อสู้กับฉีฮ่าวจนกระทั่งตกตายไปซะ!
"ฮ่าๆ... ฉีฮ่าวดูเหมือนว่าเจ้าจักทำให้ต้วนหลิงเทียนหวาดกลัวแล้ว ใยเจ้าไม่เลือกท้าชิงผู้อื่นเล่า? ปล่อยต้วนหลิงเทียนให้ข้าจัดการเองดีหรือไม่?" หูเฉวี่ยฟงหัวเราะ พรอมกล่าวคำเย้ยหยันออกมา ก่อนที่จะมองไปยังฉีฮ่าวที่รออยู่บนเวทีประลองย่อยที่ 1
ทว่าฉีฮ่าวไม่คิดแยแสอะไร มันทำเพียงใช้สายตาเย็นชาดุร้ายจับจ้องไปยังร่างของต้วนหลิงเทียน "ต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่เจ้ากล้าที่จะเข้าร่วมการประลองรอบที่ 2 นี่ เจ้าก็สมควรขึ้นมาต่อสู้เสีย! หากเจ้ามิกล้ารับคำท้าจากข้า เจ้าก็เป็นได้เพียงตัวขี้ขลาด! ตัวขี้ขลาดไร้ยางอาย! เป็นตัวขี้ขลาดไปตลอดชีวิต "
ขี้ขลาด!
ฉีฮ่าวจงใจหยามหยันต้วนหลิงเทียนต่อหน้าผู้คนอีกครั้ง
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง!
ต้วนหลิงเทียนมองตรงไปด้านหน้า ก่อนที่จะเบนสายตาอันเรียบสงบไปยังร่างของฉีฮ่าว พร้อมกล่าวคำด้วยน้ำเสียงปกติ "ฉีฮ่าว ข้ารู้ว่าเจ้าเคียดแค้นข้าเข้ากระดูกดำ และไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการฆ่าข้าให้ตาย... "
"ฮึ่ม!" สายตาของฉีฮ่าวเย็นลงเล็กน้อยขณะจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยอำมหิต "นับว่ายังดีที่เจ้ารู้ หากเจ้าเป็นสวะขี้ขลาดก็รีบหนีไปเสีย ... หาไม่แล้วทันทีที่เจ้ากล้าขึ้นมาเหยียบเวทีประลองนี่ ข้าฉีฮ่าวพี่ชายฉีเยี่ยนจะฆ่าเจ้าให้ตายคามือ"
ใบหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบเรียบนิ่งไร้อารมณ์ใดๆ แม้จะได้ยินวาจาดุร้ายของฉีฮ่าว เขาเพียงค่อยๆกล่าวออกมาช้าๆ "เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงทำลายตันเถียนฉีเยี่ยน?"
ฉีฮ่าวเริ่มทนไม่ไหวแล้ว "ข้ามิสนว่าเพราะอันใดเจ้าถึงทำลายตันเถียนน้องสาวข้า และไม่สนว่าเจ้าทำไปเมื่อไหร่ และไม่คิดสนว่าเจ้าต้องการทำลายระดับบ่มเพาะของนางไปเพื่ออะไร แต่เมื่อทำลงไปแล้วเจ้าก็ไม่ต่างอันใดกับคนตายในสายตาข้า! หนทางที่เจ้าเลือกเดินได้ มีเหลือเพียงหนทางเดียว นั่นคือลงนรก!! "
ตอนนี้ในที่สุด สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไป
"เช่นนั้นเจ้าหมายความว่า... ถึงแม้ว่าข้าจะมีเหตุผลที่ต้องทำลายตันเถียนน้องเจ้า เนื่องเพราะนางเป็นฝ่ายเริ่มรุกรานหมายทำลายตันเถียนข้าก่อน... เช่นนั้นเจ้ายังไม่คิดว่านางเป็นฝ่ายผิดหรือไร? แล้วเหตุใดเจ้าไม่คิดที่จะสั่งสอนให้นางรู้จักผิดชอบชั่วดีเสียบ้าง นางจะได้ไม่ต้องรับผลกรรมเช่นนี้? เจ้ารู้หรือไม่ว่าน้องสาวเจ้าเพียงไม่พอใจผู้อื่นก็คิดรังแกทำลายผู้อื่นแล้ว?" ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนลดต่ำลงเล็กน้อย จับจ้องไปยังฉีฮ่าวด้วยสายตาเย็นชาไม่แยแสพร้อมกล่าวคำ
อา!
ตอนนี้เองรอบๆเวทีประลองไท่หยางระอุขึ้นมาโดยพลัน ในที่สุดทั้งหมดก็รู้แล้วว่าเพราะอะไร
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็มีเหตุผลอันสมควรแล้ว ที่ลงมือทำลายตันเถียนฉีเยี่ยน ที่แท้เขาทำไปเพราะอีกฝ่ายหมายทำลายเขาก่อน!
"อันที่จริงข้าเองก็ได้ยินมานานแล้ว ว่าฉีเยี่ยนนี้นิสัยดุร้าย และชอบรังแกศิษย์ขุนเขาเหยากวงคนอื่นๆ โดยอาศัยสถานะศิษย์สายนอกอันดับ 1 ของฉีฮ่าว ... ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริง "
"เช่นนั้นหมายความว่าครานี้เป็นฉีเยี่ยน ที่กัดลงบนเนื้อเหนียวยากจะเคี้ยว สุดท้ายก็โดนดี กระทั่งเป็นฝ่ายสูญสิ้นระดับบ่มเพาะเองสินะ!"
"หากเป็นเช่นนั้น ฉีเยียนก็สมควรโดนแล้ว!"
"มิผิด การที่ต้วนหลิงเทียนกระทำเช่นนี้ นับว่าเป็นการช่วยเอาเนื้อร้ายออกจากขุนเขาเหยากวง กระทั่งนำเนื้อร้ายออกไปจากนิกายกระบี่ 7 ดาวด้วยซ้ำ"
เหล่าศิษย์สายนอกของนิกายกระบี่ 7 ดาวล้วนกล่าวถึงเรื่องนี้กันอย่างคึกคัก
เมื่อฉีฮ่าวได้ยินคำพูดต้วนหลิงเทียน ใบหน้าของมันก็เริ่มบิดเบี้ยว ยิ่งมาใบหน้ามันยิ่งอัปลักษณ์ และยิ่งได้ยินคำติฉินนินทาจากผู้คนรอบๆ อีกใบหน้าของมันก็แลดูไม่เหมือนผู้คนแล้วมองไปกลับคล้ายกองเชือกที่ขยุมๆเสียมากกว่า
"ต้วนหลิงเทียน!" ฉีฮ่าวเพียงตะโกนดังก้องออกมา
สายตาเย็นชาราวกับจะแช่แข็งผู้คน ที่เผยออกมาจากดวงตาอสรพิษแลดูอัปลักษณ์ จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน “ข้า ฉีฮ่าว! ตอนนี้จักขอบอกกล่าวต่อเจ้า! ไม่ว่าน้องสาวข้าจักทำอันใด! ไม่สำคัญว่านางจักกระทำผิดหรือไม่ ในสายตาของข้า ไม่ว่าน้องสาวข้าจะกระทำอันใด เจ้าต้องทนรับมัน! ...เจ้า! ต้วนหลิงเทียน ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำลายระดับบ่มเพาะของนาง!”
"ไม่มีสิทธิ์ งั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เรื่องนี้มันเหลวไหลที่สุด! "เช่นนั้นเจ้าหมายความว่า หากน้องสาวเจ้าคิดทุบตีทำลายตันเถียนของข้า...ข้าก็ต้องยืนนิ่งๆ ปล่อยให้นางลงมือทุบตี กระทั่งปล่อยให้นางทำลายตันเถียนข้า โดยที่ข้าไม่อาจตอบโต้อันใด และต้องรอคอยเพียงความเมตตาจากน้องสาวเจ้าเช่นนั้นหรือ! "
"ถูกต้อง!" ฉีฮ่าวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเจ้า ... แต่น่าเสียดายนักที่เจ้ามิได้เลือกเช่นนั้น หากเจ้าเลือกเช่นนั้นบางที เจ้าอาจจะแค่กลายเป็นคนพิการโดยไม่ต้องตกตาย! ...แต่ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะทำร้ายน้องข้าเช่นนั้นเจ้าก็เหลือเพียงหนทางตายสถานเดียว!! ...เป็นอย่างไรเล่า เจ้าเริ่มเสียใจแล้วใช่หรือไม่? แต่ไม่ว่าเจ้าจักเสียใจมากแค่ไหน! วันนี้เจ้าต้องตายคามือข้า!!” ฉีฮ่าวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดเต็มไปด้วยโทสะ มันคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ได้!
ในวาจาของมันนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารและความอำมหิต
เรื่องนี้ทำให้ศิษย์รอบๆ บังเกิดความหนาวเหน็บจับใจ บางคนที่อ่อนแออดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
นอกจากนี้ยังมีศิษย์สายนอกบางคนที่เริ่มมีโทสะไม่น้อย
"ฉีฮ่าวผู้นี้ช่างเอาแต่ใจนัก!!"
"มิผิด ดูมันกล่าวเข้า หากน้องสาวมันคิดทำลายตันเถียนต้วนหลิงเทียน...เขาก็ต้องยืนรับหรือ ... หากมิยอมรับ ก็ต้องถูกมันฆ่าตาย ...บัดซบ นี่มันตรรกะโลกไหน ผู้ใดสั่งสอนมันมากัน!!"
"นี่มันคิดว่านิกายกระบี่ 7 ดาว เป็นสวนหลังตระกูลมันหรือไร?"
"เฮ่อ ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้ไปสนใจมันเลย! มิมีใครว่าอันใดหรือตำหนิเจ้าในเรื่องนี้หรอก หากเจ้าเลือกที่จะยอมแพ้มัน"
"ใช่แล้ว ด้วยพรสวรรค์ที่สูงส่งของเจ้า อีกเพียงไม่กี่ปี เจ้าก็ต้องเอาชนะฉีฮ่าวได้อย่างแน่นอน ... มิจำเป็นต้องนำชีวิตมาทิ้งเพราะอารมณ์ชั่ววูบ!"
"อนาคตของเจ้าต้องรุ่งโรจน์และเจิดจรัสยิ่งกว่าฉีฮ่าวมากมายนัก ความสำเร็จในวันข้างหน้าของเจ้า มันเป็นอะไรที่ไกลเกินกว่าฉีฮ่าวจักกระทำได้ เช่นนั้นเรื่องนี้เจ้าต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วน"
คำกล่าวของฉีฮ่าวนั้นดั่งหนึ่งหินทิ้งลงทะเลสาบที่เงียบสงบ จนมันก่อเกิดพันหมื่นระลอกกระจายไปทั่วอย่างแท้จริง
ในตอนนี้ศิษย์สายนอกบางคนอดไม่ได้ที่จะมีโทสะขึ้นมาเพราะได้ฟังเรื่องเหลวไหลที่สุดเท่าที่เคยได้ฟัง! ทั้งหมดเริ่มกล่าวคำแนะนำและกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนไม่หยุดหย่อน เพียงหวังให้ต้วนหลิงเทียนยอมแพ้ไปเสีย
นับว่ายามนี้ทุกคนล้วนคิดเห็นตรงกัน
ถึงแม้พวกมันจะไม่ได้นับว่ามีความสัมพันธ์หรือสนิทสนมอันใดกับต้วนหลิงเทียน แต่จากที่ได้ฟังเรื่องราวแล้วทั้งหมดต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่แรก และเขาก็ตอบโต้ได้ถูกต้องสมควรแล้ว แน่นอนว่าตราชั่งในใจของทุกคนย่อมโอนเอียงเข้าข้างเขา
เมื่อเผชิญกับเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน ล้วนทำให้ผู้คนทั้งหมดบังเกิดความเห็นอกเห็นใจไม่น้อย
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่