px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 316 : การตัดสินใจ ที่ยากลำบาก...


บทที่ 316 : การตัดสินใจ ที่ยากลำบาก...

นอกจากนั้น เมื่อครู่นี้สาวน้อยกล่าวว่าอะไรนะ?

ดูเหมือนนางจะบอกว่า เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวเอง ก็ได้บอกชิงหนูว่าอยากจะไป... แต่ต้องมาถามความเห็นเขาก่อน?

ถึงแม้ว่าเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋จะมีความสามารถในการรับรู้อารมณ์ความรู้สึก รวมถึงคำพูดของมนุษย์ได้อยู่บ้าง  แต่หากมีใครมาบอกวา สามารถพูดคุยกับเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋ จนรู้ละเอียดถึงขั้นนี้! ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเชื่อเด็ดขาด!

ต้วนหลิงเทียนรู้ว่าสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับ วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 อย่างเจ้าตัวน้อยทั้ง 2 นี้ มีความเฉลียวฉลาดสูงล้ำ และสามารถเข้าใจคำพูดและความรู้สึกของมนุษย์ได้ไม่น้อย แต่ด้วยความทรงจำและความรู้ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด พวกมันยังไม่อาจสื่อสารกับมนุษย์ได้ชัดเจน และรู้เรื่องได้ถึงขนาดนั้น ...

เว้นแต่คนที่พวกมันไปเผชิญหน้าและพูดคุยด้วยมา จะไม่ใช่ ...มนุษย์!!

แต่เป็นสัตว์อสูร!

กระทั่งสัตว์อสูรปีศาจ!!

"น้องสาวตัวน้อย...เจ้าเป็นใครกันแน่?เจ้าล้อข้าเล่นหรือไร" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเด็กสาวในชุดเหลืองนามหานเฉวี่ยไน่ พร้อมขมวดคิ้วกล่าวถามออกมาด้วยเสียงดุๆ "เจ้าบอกว่าเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋พูดคุยบอกต่อชิงหนู  กระทั่งพวกมันบอกชิงหนูว่าอยากจะไปจากข้า แต่ต้องมาถามข้าก่อน เช่นนี้!... เจ้าเองก็ยังเป็นเด็กสาวตัวน้อย ใยจึงหัดเรียนรู้ที่จะหลอกลวงผู้อื่นแล้วเล่า หืม?"

ทว่าครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ต้องอึ้ง

เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเด็กสาวตัวน้อยได้แปรเปลี่ยนไป ความสดใสร่าเริงที่เคยมีเริ่มมลายหายไปกลับกลายเป็นความเศร้ามาแทนที่... ตาของนางเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาและดูท่าราวกับมันพร้อมจะหลั่งไหลออทุกเวลา  ใบหน้านางยามนี้แลดูน่าเวทนาและสะท้านจิตใจผู้คนนัก ไม่ว่าใครมองก็อดไม่ได้จะบังเกิดความรู้สึกสงสารอยากดูแลปลอบประโลมนาง

ตอนนี้เองในใจต้วนหลิงเทียนเริ่มบังเกิดสังหรณ์อันตรายขึ้นมาอย่างร้ายแรง!

และก็เป็นดั่งที่เขาคิดไว้

"ฮืออ... พี่ใหญ่นิสัยไม่ดี พี่ใหญ่รังแกข้า เฉวี่ยไน่ไม่ได้หลอกท่าน ...เฉวี่ยไน่ไม่ได้หลอกท่านนะ... "

เด็กสาวเริ่มร่ำไห้ออกมา น้ำตาของนางเริ่มหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย!

 สีหน้าต้วนหลิงเทียนกลับกลายเป็นบิดเบี้ยวปั้นยาก ในใจเริ่มบังเกิดความกระวนกระวายขึ้นมาอย่างนัก “เอาล่ะๆ โอ๋ๆไม่ร้องๆ เฉวี่ยไน่ไม่ได้หลอกลวงพี่ใหญ่ เฉวี่ยไน่ไม่ได้หลอกลวงอะไร พี่ใหญ่ไม่ว่าเฉวี่ยไน่แล้ว อย่าได้ร้องไห้แล้ว ...เฉวี่ยไน่เด็กดีอย่าได้ร้องไห้แล้ว”

ไม่คิดเลยทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มเกลี้ยกล่อมนาง นางกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก

ต้วนหลิงเทียนพลันขมวดคิ้วเป็นปม หากเด็กสาวยังร้องไห้เสียงดังมากไปกว่านี้  เกิดมีผู้คนบังเอิญขึ้นมาเที่ยวเล่นบนยอดเขา ยังจะไม่ได้ยินเสียงนางอีกหรือ?

และนั่นหาใช่เรื่องดีไม่!

"เฉวี่ยไน่คนเก่ง อย่าได้ร้องไห้แล้ว ...ทั้งหมดเป็นพี่ใหญ่ไม่ดีเอง พี่ใหญ่ขอโทษที่ใส่ความเจ้า ดีหรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนอับจนหนทางไม่รู้จะทำอย่างไร...เขาไม่เคยต้องรับมือกับเด็กสาวที่น่ารักและน่าเอ็นดูเช่นนี้ และยิ่งเด็กสาวซุกซนที่อยู่ดีๆก็ร่ำไห้ปานฟ้ารั่วออกมาทันทีทันควันเช่นนี้ ย่อมไม่เคยได้พบเจอ!

ให้เขาไปปาดคอ บั่นหัวผู้คนโฉดชั่วสักร้อยพัน ยังรู้สึกง่ายดายยิ่งกว่ารับมือเด็กสาวเสียอีก...

"ท่านพูดจริงนะ?" เด็กสาวหยุดร้องไห้ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกระพริบดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาปริบๆกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมา

"จริงๆ พี่ใหญ่ไม่กล้าหลอกเจ้า" ต้วนหลิงเทียนจำต้องพยักหน้าออกมาอย่างไร้หนทาง

แล้วต่อมาต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสียใจ

"ฮิฮิ ... " สาวน้อยพลันเช็ดน้ำตา และหัวเราะคิกคักออกมาอย่างเริงร่า ดวงตากลมโตของนางเผยให้เห็นความฉลาดแกมโกง โดยไม่หลงเหลือแววตาท่าทางน่าสงสารน่าเวทนาจนทำให้ผู้คนบังเกิดความรู้สึกอยากปลอบประโลมแม้แต่น้อย

ต้วนหลิงเทียนทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างขื่นขม เพราะเขารู้ได้ในทันที ว่าเขาติดกับนางแล้ว

"พี่ใหญ่ ท่านเรียกว่าอะไรหรือ?" เฉวี่ยไน่กระพริบตาเผยประกายฉลาดเฉลี่ยวออกมา ขณะถามต้วนหลิงเทียน

"ข้าชื่อ ต้วนหลิงเทียน" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

"ต้วน หลิง เทียน?" เฉวี่ยไน่ทำท่าทางครุ่นคิดเหม่อลอยราวกับผู้ใหญ่เล็กน้อย ไม่นานนางก็ยิ้มออกมางดงามปานบุปผา ก่อนที่จะกลับมารู้สึกตัวและพยักใบหน้าน้อยๆแสนงดงามน่ารักของนาง "เอาล่ะเช่นนั้น เฉวี่ยไน่จะเรียกพี่ใหญ่ว่าพี่ใหญ่หลิงเทียน ตั้งแต่วันนี้!  พี่ใหญ่หลิงเทียน...พี่ใหญ่หลิงเทียน  อืมมมม เช่นนี้ดีหรือไม่!"

แล้วต้วนหลิงเทียนจะบอกว่าไม่ดีได้หรือ? เขากลัวเด็กสาวนี่จะร่ำไห้ออกมาอีกครั้งแทบตายแล้ว

กระทั่งสุดยอดนักแสดง ดาราเด่นดังในโลกก่อน ยังไม่อาจแสดงบทร้องไห้ได้สมจริงเพียงครึ่งของนาง

‘ตกลงเมื่อครู่ เด็กน้อยนี่แสร้งร่ำไห้จริงๆ!’ แน่นอนต้วนหลิงเทียนกล้าสงสัยได้แต่เพียงในใจ ไม่กล้าเอ่ยคำ เพราะเขาไม่อาจคาดเดาได้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา

"เฉวี่ยไน่ เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า เสียวเฮยกับเสี่ยวไป๋กล่าวคำกับชิงหนูเช่นนั้นหรือ?  แล้วชิงหนูเข้าใจคำพูดของเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ได้ด้วยหรือ?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามเรื่องนี้ออกมาอีกครั้ง ท่าทีของเด็กสาวยามกล่าวคำก่อนหน้า ว่าไปก็ไม่ได้เหมือนคนที่กำลังโกหกแม้แต่น้อย

"พี่ใหญ่หลิงเทียน  ท่านจะบอกว่าเฉวี่ยไน่หลอกลวงท่านหรือ?" หยาดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาบนดวงตาที่ซุกซนของนางอีกครั้ง

ดูจากท่าทางแล้วหากต้วนหลิงเทียนเอ่ยคำว่าใช่ออกมา ไม่พ้นนางต้องร่ำไห้ปานฟ้ารั่วออกมาอีกครั้งแน่นอน ...

"ไม่ๆ ...ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น!" ต้วนหลิงเทียนรีบโบกมือเป็นพัลวัน สิ่งที่เขาไม่ถนัดรับมือมากที่สุดก็คือเสียงสตรีร่ำไห้  ยิ่งเป็นสตรีน้อยที่น่ารักเช่นนี้ ยังทำให้เขาลำบากใจมาก  “ข้าแค่ถามเฉยๆ หากเจ้าไม่เต็มใจกล่าวถึง ก็อย่าได้กล่าวแล้ว”

“ฮิฮิ” เด็กสาวหัวเราะออกมาจนตาหยี "พี่ใหญ่หลิงเทียน ชิงหนูไม่เหมือนพวกเรา... พวกเราเป็นมนุษย์ แต่นางไม่ใช่มนุษย์ นางจึงกล่าวคำกับเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ได้"

ไม่ใช่มนุษย์?!

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตะลึงหลังได้ฟังคำตอบของเด็กสาว "เฉวี่ยไน่ นี่เจ้าหมายความว่า?"

"พี่ใหญ่หลิงเทียน ใยท่านซื่อบื้อนักเล่า... ฮัยย่า พี่ใหญ่หลิงเทียน ใยช่างซื่อบื้อนัก เท่านี้ก็มิรู้ความ ในเมื่อชิงหนูมิใช่มนุษย์ แน่นอนว่านางย่อมเป็นสัตว์อสูรปีศาจ ... อืม...นางน่าจะจัดเป็นสัตว์อสูรปีศาจนั่นล่ะ" เฉวี่ยไน่พยักหน้ากล่าวตอบคำออกมาอย่างกระตือรือร้น ทว่าประโยคสุดท้ายกลับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงจนแทบไม่ได้ยิน

"สัตว์อสูรปีศาจ?" สิ่งที่เด็กสาวกล่าวบอกทำให้ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมา ก่อนที่จะเผยยิ้มเจื่อนๆ "เช่นนั้นผู้ติดตามเจ้ามาก็เป็นสัตว์อสูรปีศาจ...เจ้าเรียกนางว่าชิงหนู ข้าก็นึกว่านางเป็นเพียงข้ารับใช้เจ้าเฉยๆ"

แม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวออกเช่นนี้ แต่ในใจบังเกิดความตื่นตระหนกแทบตายแล้ว

สัตว์อสูรปีศาจ!

ตัวตนที่กล่าวได้ว่าน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง! ระดับต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นตัวตนระดับแรกสัมผัสธรรมชาติแล้ว ...

เด็กสาวตัวน้อยที่ไร้ระดับบ่มเพาะคนนี้ กลับมีตัวตนเช่นนั้นคอยติดตามเคียงข้างนาง?

นางเป็นใครกันแน่!?

ยิ่งไปกว่านั้น การที่เด็กสาวที่ไร้ซึ่งระดับบ่มเพาะ จะมีผู้ติดตามเป็นสัตว์อสูรปีศาจได้...นั่นย่อมหมายความว่าสัตว์อสูรปีศาจตนนั้นได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี!

ภายในอาณาจักรนภาคราแห่งนี้ ผู้ที่มีพลังอำนาจระดับควบคุมสัตว์อสูรปีศาจได้เช่นนี้ คงดับได้ด้วยมือข้างเดียว

"ฮัยยา  พี่ใหญ่หลิงเทียน ปล่อยให้เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ ติดตามข้ากับชิงหนูไปเถิด...ท่านดูสิ พวกเขาติดตามชิงหนูเพียงชั่วครู่ ก็มีระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นมา 2 ระดับแล้ว หากพวกมันติดตามชิงหนูต่อไปอีก ระดับของพวกมันต้องพุ่งทะยาน ก้าวหน้ามากกว่านี้แน่นอน " เฉวี่ยไน่เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังออกมาในขณะมองไปยังต้วนหลิงเทียน ไม่นานนางก็หัวเราะคิกคักออกมา "พี่ใหญ่หลิงเทียน หากท่านมิอยากแยกจากเจ้าตัวจิ๋วทั้ง 2 เช่นนี้ ท่านติดตามพวกข้ามาดีหรือไม่  เฉวี่ยไน่เบื่อยิ่งยามมิมีผู้ใดเล่นด้วย ...พี่ใหญ่มาด้วยเฉวี่ยไน่ก็มิเหงาแล้ว "

ในขณะที่กล่าวจบเฉวี่ยไน่ก็เดินไปเขย่าแขนต้วนหลิงเทียน ในแววตานางเต็มไปด้วยความหวัง เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนไม่ตอบสนอง หยาดน้ำตาก็เริ่มเอ่อคลอขึ้นมา

ต้วนหลิงเทียนทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างจนใจ

ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าคำที่เฉวี่ยไน่กล่าวไม่น่าจะโกหก ชิงหนูน่าจะเป็นสัตว์อสูรปีศาจจริงๆ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะหันกลับไปถามอสรพิษน้อยทั้ง 2 เบาๆ "เสี่ยวเฮย  เสี่ยวไป๋ ...พวกเจ้าทั้ง 2 ตัวอยากติดตามเฉวี่ยไน่กับชิงหนูไปจริงหรือ?"

"ฟ่อ ฟ่อ ~" อสรพิษน้อยทั้ง 2 จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน...ในแววตาพวกมันเต็มไปด้วยความลำบากใจ และไม่อยากไป แต่สุดท้ายพวกมันก็พยักหน้า

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเจ็บแปลบในใจเล็กน้อย มวลอารมณ์บางอย่างเอ่อล้นออกมาจากในอก เขาทำได้เพียงระบายลมหายใจออกมาพร้อมหลับตา

หลังจากเนิ่นนานผ่านไป ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนที่จะพยักหน้า "ข้าเข้าใจพวกเจ้า"

ตอนนี้เดวงตาต้วนหลิงเทียนเอง ก็เริ่มรื้นขึ้นมาบ้างแล้ว...

ในใจเขาเผชิญกับกับการตัดสินใจที่ยากลำบากและเจ็บปวดนัก...

แม้เจ้าตัวน้อยทั้ง 2 จะเป็นเพียงสัตว์อสูร แต่หลายปีที่ผ่านเขาก็เลี้ยงดูพวกมันอย่างดี พวกมันแทบไม่ต่างอะไรกับลูกน้อยของเขา ...

ตอนนี้พวกมันคิดจากไป ต้วนหลงเทียนแน่นอนว่าย่อมไม่มีความเต็มใจ

แต่ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจดี หากเจ้าตัวน้อยทั้ง 2 ติดตามเขาไป ระดับบ่มเพาะของพวกมันก็จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการที่ติดตามสัตว์อสูรปีศาจอย่างชิงหนู...

ถึงแม้เขาจะมีความจำ ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดทั้ง 2 ชาติภพ แต่เขามีเพียงความรู้เกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นมนุษย์เท่านั้น เขาแทบไม่มีข้อมูลเรื่องการฝึกฝนที่เหมาะสมกับพวกมันเลยแม้แต่น้อย เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาโอสถสำหรับมนุษย์ให้พวกมันกินเท่านั้น...แน่นอนว่ามันไม่ได้เหมาะกับสัตว์อสูรสักเท่าไร

นอกจากนั้นเขาก็ไม่อาจช่วยอะไรพวกมันได้อีกแล้ว

ด้วยประสบการณ์ทั้ง 2 ชีวิตของต้วนหลิงเทียน เขาเองก็ผ่านโลกมามาก เขารู้ดีว่าการดื้อรั้นและไม่พยายามทำความเข้าใจเรื่องราวให้กระจ่าง และไม่ย่อมปล่อยวาง... บางครั้งเรื่องราวก็จะยิ่งแย่ลง ซ้ำร้ายยังเป็นการปิดโอกาสที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย ...

อสรพิษน้อยทั้ง 2 ก็อยู่กับเขามาตั้งแต่เกิด เขาย่อมเข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ของพวกมันดี  หากไม่ใช่เพราะพวกมันเห็นว่าการจากไปจะเป็นประโยชน์มหาศาลจริงๆ  พวกมันจะไม่มีทางจากเขาไปเป็นอันขาด

"พี่ใหญ่หลิงเทียน" เฉวี่ยไน่ที่อยู่ไม่ไกล ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนดีดีว่ายามนี้เขากำลังระสบกับความสูญเสียมากแค่ไหน นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ท่านเองก็ติดตามพวกเรามาเถิด"

ในขณะที่เฉวี่ยไน่กล่าวคำนี้นั้น แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวัง

"ข้าคงไม่อาจติดตามพวกเจ้าไปได้" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวแล้วยิ้มออกมาบาง ๆ "เฉวี่ยไน่ แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหน แล้วข้าก็ไม่รู้ว่าชิงหนูที่เจ้าเป็นสัตว์อสูรปีศาจหรืออะไร ... แต่ในเมื่อเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋อยากติดตามพวกเจ้าไป นั่นย่อมหมายความว่าพวกมันต้องมีเหตุผล”

"ในเมื่อเจ้าตัวน้อยทั้ง 2 ตัดสินใจได้เองแล้วข้าก็ไม่คิดหยุดมัน...ข้าหวังเพียงว่า จากนี้ต่อไปเจ้าและชิงหนูจะดีต่อพวกมันให้มาก " เมื่อกล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกยาว พร้อมระบายออกมาอย่างช้าๆ

เจ้าอสรพิษน้องทั้งสองตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับว่าวที่อยู่ในมือเขา...

หากเขาจับสายป่านเอาไว้ไม่ปล่อย แม้มันจะบินสูงแต่ก็ยังมีขีดจำกัด...

แต่หากเขาปล่อยสายป่าน พวกมันอาจจะลอยล่องได้สูงขึ้นไป...กระทั่งทะยานข้ามผ่านชั้นฟ้า!

"พี่ใหญ่หลิงเทียน  ชิงหนูดีมาก เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ย่อมอยู่ดี มิลำบากอันใด... และข้าเองก็จะดีต่อพวกมันให้มาก" เมื่อนางได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวปฏิเสธไม่ติดตามไปด้วยนางเองก็เสียใจไม่น้อย แต่นางก็รีบพยายามจัดการกับอารมณ์แล้ว ปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมราวกับผู้ใหญ่ ค่อยกล่าวคำออกมา

"ฟ่อ ฟ่อ~" ดูเหมือนเจ้าอสรพิษน้อยเองก็รู้ว่าเวลาร่ำลาต้องมาถึงแล้ว ทั้งสองตัวเผยท่าทางลำบากใจออกมาไม่น้อยเช่นกัน พวกมันจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนพร้อมแสดงท่าทางราวกับมีความในใจอะไรสักอย่าง มันพุ่งร่างมาบนหยุดบนมือของต้วนหลิงเทียนแล้วเริ่มแสดงท่าทาง

"พวกเจ้าเองก็อยากไปร่ำลาเค่อเอ๋อและลี่เฟยใช่หรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา เขาพอเข้าใจความคิดพวกมันอยู่บ้าง

"ฟ่อ ฟ่อ ~" อสรพิษน้อยทั้ง 2 พยักหน้าหงึกๆ ตอบรับออกมา

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ก่อนที่จะลูบหัวเจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 “เค่อเอ๋อกับลี่เฟยคงไม่คิดว่าอะไรพวกเจ้าหรอก ... ตอนนี้เองเค่อเอ๋อก็ไม่อยู่ด้วย ส่วนทางด้านลี่เฟยข้าจะกล่าวบอกนางให้ พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”

ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมายาวๆ "ไปเถิด"

"ฟ่อ ฟ่อ~" อสรพิษน้อยเหลียวมองไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างหวงหา ในแววตาเผยความไม่เต็มใจแยกจากอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายพวกมันก็กลั้นใจ กระพริบร่างวูบไปยังมือของเฉวี่ยไน่

"เอาล่ะ ไปกันเถอะ" ต้วนหลิงเทียนเดินถอยออกไปเพื่อให้เฉวี่ยไน่เดินออกมาที่ต้นไม้เอียง เขาคิดจะอุ้มเฉวี่ยไน่และพานางกระโดดขึ้นไปบนยอดเขา

เพราะจะอย่างไรเฉวี่ยไน่ก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

จิตสัมผัสของเขามันบอกเขาเช่นนั้น...

แต่ครู่ต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ต้องมองตาค้าง สีหน้ากลับกลายตะลึงงันอย่างแท้จริง...

"พี่ใหญ่หลิงเทียน ข้าจะพาเสี่ยวเฉยกับเสี่ยวไป๋ มาเล่นกับท่านยามที่ว่างในอนาคต ... ตอนนี้พวกเราต้องไปก่อนแล้ว พี่ใหญ่รักษาตัวด้วย" เฉวี่ยไน่โบกมืออย่างไม่ยินยอมเล็กน้อย ก่อนที่จะกอดอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัว แล้วค่อยๆ เหินร่างลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆ

เมื่อนางลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า นางก็หันกลับมาโบกมืออำลาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ก่อนที่จะพุ่งทะยานหายลับไปในท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง

รีวิวผู้อ่าน