px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 125 ว่างงานสิ รอไรล่ะ!!


เมื่อกลับมาถึงบ้านพัก หลินฟ่านก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างชวยไม่ได้ ผู้คนที่มาในวันนี้ล้วนสิ้นคิดเกินไป ‘ไอพวกบ้าขุนเขาต้านติ่งนั้นมันคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่วะน่ะ? พวกมันยังจะคิดหวังพึ่งบุญเก่า หรือความดีเมื่อก่อนอีกงั้ย! นี่พวกมันไม่ได้ติดตามเหตุการณ์โลกในปัจจุบันมั่งหรือไงฟะ โหลๆ ชาวบ้านเค้ารู้เรื่องชั่วเอ็งหมดแล้วเฟ้ย! ไปโดนตัวไหนมาถึงได้เสล่อยกพวกมาโง่ๆ คิดก่อการอุกอาจไร้สมองเช่นนี้ เหอะ! จะให้พี่ยอม? ปัญญาอ่อนโคตร!!’

เมื่อคิดถึงเรื่องแรกอดไม่ได้ที่หลินฟ่านจะสมเพชพวกมัน

แต่เรื่องต่อมาที่หลินฟ่านคิดถึง ก็ทำให้เขาหัวเราะออกมาเพราะ ตอนนี้ตัวตนและฐานะของหลินฟ่านนับได้ว่าเป็นที่ยอมรับนับถือโดยทั่วกันของเหล่าศิษย์สายนอกแล้ว เหล่าศิษย์สายนอกล้วนนับถือในความสามารถด้านโอสถของเขาอีกทั้งยังเรื่องจิตใจที่แสนประเสริฐ

ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์มหาศาล แต่ผู้คนยังเทิดทูนเขาราวกับตัวเขาเป็นเทพสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น ‘มีเพียงประมุขอย่างพี่ ถึงจะทำเรื่องสุดยอดขนาดนี้ได้ ฮ่าๆๆ’

แต่แน่นอนว่าทางขุนเขาต้านติ่งเองคงไม่คิดเลิกราเพราะโดนตอบโต้กลับแค่ครั้งเดียว ตอนนี้พวกมันอาจจะวิ่งไปขอร้องความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสบางคนแล้วก็เป็นได้ ใครจะไปรู้ ..แต่ก่อนนั้น ขุนเขาต้านติ่งเรียกได้ว่าผูกขาดการจ้างวานและการค้าโอสถแต่เพียงผู้เดียวในเขตนอก นั่นทำให้รากฐานของขุนเขาต้านติ่งหยั่งรากลึกนัก ไม่ว่าศิษย์สายนอกคนใดก็ตามล้วนต้องเคยพึ่งพาพวกมันทั้งสิ้น แต่ไม่คิดเลยตอนนี้พวกมันจะสูญเสียจุดยืนเหล่านั้นไปหมดสิ้นแล้ว ตอนนี้เหล่าศิษย์สายนอกไม่มีใครคิดที่จะร่วมงานกับพวกมันสักคน ทุกอย่างที่สร้างมาพังทลายหายไปอย่างง่ายดาย....ได้แต่นั่งตบยุงไปเพราะว่างงาน

และในช่วงเวลาแค่เพียงครึ่งเดือนมานี้หลินฟ่านก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าแต่ก่อนขุนเขาต้านติ่งนั้นมั่งคั่งถึงเพียงไหน

มาตรฐานของขุนเขาต้านติ่งนั้นเพียงแค่โอสถ 1 เม็ดพวกมันถึงกับต้องใช้วัตถุดิบสมุนไพรถึง 10 ชุด นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกัน!! แล้วเหล่าศิษย์ทั้งหลายก็ต้องดั้นด้นไปค้นหารวบรวมสมุนไพรจำนวนมหาศาลขนาดนั้น มาประเคนให้พวกมันโดยไม่รู้อะไรเลย!

แต่ถึงรู้ พวกมันก็ต้องยอมทน! ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีโอสถใช้ ....จะอย่างไรการที่ได้ผลตอบแทนเพียงแค่ 1 ใน 10 เช่นนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอดสูเกินไป ผลที่ได้มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินกดหัวกันมากเกินไปแล้ว...พอนำมาเทียบกับหลินฟ่านแล้ว พวกมันก็เป็นได้แค่ขยะจริงๆ!

แต่นี่ก็เป็นแค่การคาดเดาในใจของเขาเท่านั้น แต่เรื่องจริงๆของพวกมันว่าจะหลอมได้สำเร็จอะไรเท่าไรยังไงนั้นจะเป็นยังไงเขาก็ไม่รู้

สำหรับหลินฟ่านแล้ว ตอนนี้เขาก็ไม่ได้คิดอะไรหรือกังวลอะไรสักเท่าไรเกี่ยวกับการเก็บค่าจ้าง เพราะสำหรับเขาแล้ววัตถุดิบพวกนี้ ถึงมอบให้เขาฟรีๆ เขาก็ไม่ได้อยากได้อะไรมากมายนัก เพราะมันไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขาเลย วัตถุดิบที่พอจะมีค่าและสมุนไพรที่ดีๆสามารถนำไปใช้งานได้สักหน่อยที่เขาได้รับมานั้น มีเพียงของที่ได้จากเจี้ยนหวู่ตี้ หรือเหล่าศิษย์อัจฉริยะระดับเดียวกับมันเท่านั้น ถึงจะพอสร้างประโยชน์อะไรให้เขาบ้าง

.....

เช้าวันต่อมา...

ขุนเขาต้านติ่งหาได้มีวันเวลาดีๆดั่งเช่นกาลก่อนอีกต่อไป ทุกอย่างมันจบสิ้นลงตั้งแต่เมื่อวาน ตั้งแต่ที่ลี่ชุนถูกแบกหามกลับมา กระทั่งตอนนี้ความวุ่นวายและเดือดดาลก็ยังคงดำเนินมาอย่างไม่เลิกรา...

และตอนนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่มองไปยังสภาพน่าเวทนาของลี่ชุน พวกมันก็ทำได้เพียงระงับเพลิงแค้นที่ปะทุอยู่ในอก ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามอะไรอีก เพราะขนาดศิษย์พี่ลี่ชุนของพวกมันยังมีสภาพเช่นนี้...

"บัดซบ ไอพวกขุนเขาไร้นามมันจะมากเกินไปแล้ว!"

"ถูกต้อง! มันทำกันเกินไปแล้วพวกเราจะปล่อยมันไปง่ายๆไม่ได้เด็ดขาด มันแย่งชิงผลประโยชน์พวกเราไปจนหมดสิ้นไม่มีเหลืออันใด แม้แต่น้ำแกงสักถ้วยเล็กๆยังมิมีให้ซด แล้วมาตอนนี้มันยังกระทำกับศิษย์พี่ลี่จนอยู่ในสภาพเช่นนี้อีก!" (*น้ำแกง–ผลประโยชน์)

"ศิษย์พี่ลี่! ท่านคิดว่าพวกเราสมควรทำกระไรดี พวกเราควรรายงานเรื่องนี้ไปยังผู้อาวุโส หรือท่านปรมาจารย์หรือไม่?"

“......”

ลี่ชุนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นมันไม่ได้หลับแต่อย่างไร ดวงตาของมันนั้นแลดูหม่นหมองเหม่อลอย ทว่าในแววตาลึกๆของมันก็เจือเพลิงแค้นที่ไม่อาจดับลงได้เอาไว้...ทั้งมันก็แฝงไว้ด้วยความสิ้นหวังอย่างถึงขีดสุด...ราวกับว่าอะไรบางอย่างในชีวิตของมัน จบสิ้นไปแล้ว

เหล่าศิษย์รับใช้ที่อยู่ด้านล่างเองก็ร่ำร้องอาลัยและเสียใจอย่างสุดซึ้งเคียงข้างมันเช่นกัน

“...อา..”

ลี่ชุดค่อยๆเปิดปากออกมา น้ำเสียงแหบแห้งที่เต็มไปด้วยความโทมนัสพลันล้นเอ่อ

"ขุนเขาไร้นามล่วงเกินและไม่ไว้หน้าพวกเราเกินไปแล้ว ข้าจะไปรายงานให้ผู้อาวุโสกู่รับทราบ" ลี่ชุนกล่าวออกมาอย่างขัดใจ เพลิงโทสะพลันลุกโชนขึ้นมาในดวงตาของเขา เขาสาบานด้วยชีวิตว่าจะต้องให้ไอพวกขุนเขาไร้นามมันชดใช้เรื่องนี้อย่างสาสม

"ถูกแล้ว! พวกเราต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสกู่! แล้วให้ท่านไปทวงความยุติธรรมแก่เรา" ผู้คนต่างเห็นตรงกัน

อาวุโสกู่เป็นผู้ที่รับผิดชอบและดูแลเขตนี้ อีกทั้งท่านเองก็เป็นศิษย์ของปรมาจารย์เช่นเดียวกัน เมื่อศิษย์ในนิกายคนหนึ่งบ่มเพาะจนถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนจะมีทางเลือกว่าจะเข้าไปเป็นศิษย์สายใน หรือดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสอยู่ในขุนเขาคอยดูแลศิษย์สายนอก

และอาวุโสกู่ก็เลือกที่จะดำรงตำแหน่งผู้อาวุโส เช่นนั้นเขาจึงเป็นผู้รับผิดชอบทุกเรื่องราวของศิษย์สายนอกแห่งขุนเขาต้านติ่ง

ณ หอโอสถหลักประจำเขตนอกขุนเขาต้านติ่ง

"ศิษย์ลี่ชุนขอพบผู้อาวุโส" เหล่าเด็กรับใช้แบกแคร่หามลี่ชุนไปหน้าหอ ก่อนที่ลี่ชุนจะตะโกนออกมา

“ศิษย์พี่ลี่ ผู้อาวุโสกำลังอยู่ในช่วงหลอมปรุงโอสถ โปรดรอสักครู่ขอรับ”ศิษย์คนหนึ่งรีบวิ่งออกมาทำความเคารพลี่ชุน

...

ไม่นานหลังจากนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากในห้อง

"เข้ามา”

ลี่ชุนและกลุ่มของเขาก็เข้าไปยังห้องโถงด้วยจิตใจหมายมั่น ตอนนี้ได้เวลาที่พวกเขาต้องร่ำร้องให้อาวุโสกู่ทวงความยุติธรรมคืนให้พวกเขาแล้ว

เมื่อเข้ามาในห้องโถงลี่ชุนก็พลิกตัวตกลงมาบนพื้นท่ามกลางตกตะลึงของเด็กรับใช้ที่หามแคร่แบกเขา ก่อนที่จะกระเสือกกระสนคุกเข่าขึ้นมาร่ำไห้ต่อหน้าผู้อาวุโสกู่

"ผู้อาวุโสกู่ ครั้งนี้ท่านต้องยื่นมือช่วยเหลือพวกเราแล้ว... " ลี่ชุนร่ำร้องออกมาปานจะขาดใจ หลังจากนั้นศิษย์น้องรวมถึงเด็กรับใช้ที่ติดตามมา ก็คุกเข่าลงร่ำไห้คร่ำครวญออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุโสกู่อดตกตะลึงไม่ได้รีบกล่าวถามออกมาด้วยความตระหนก "เกิดอันใดขึ้นกัน?"

นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ หากเทียบกับขุนเขาอื่นแล้ว นับว่าขุนเขาต้านติ่งมีความสงบสุขและสบายไร้เรื่องราวมากที่สุด นี่เพราะพวกเขาเป็นผู้หลอมโอสถ และโอสถก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างขาดไม่ได้ในการบ่มเพาะ เช่นนั้นเหล่าศิษย์น้องทั้งหลายจึงให้ความเคารพพวกเขาอย่างถึงขีดสุด ไม่น่าจะมีเรื่องราวอันใด

ทว่าเมื่อได้เห็นสภาพน่าเวทนาของศิษย์น้องลี่ชุนของเขาที่ร่ำร้องอย่งเศร้าโศก ทั้งที่เหลือยังร้องไห้ระงมออกมาราวจั๊กจั่นเรไร เขาพลันสับสนขึ้นมา

"ศิษย์พี่!! เป็น ... เป็นขุนเขาไร้นามที่บีบคั้นพวกเราเกินไป!" ลี่ชุนระเบิดเสียงร่ำไห้ออกมาโฮใหญ่ หลังจากนั้นมันก็เล่าเรื่องราว ที่ใสสีตีไข่ไปพร้อมสรรพ แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องราวที่ถูกทำร้ายบนขุนเขาไร้นามออกมาทั้งน้ำตาให้ศิษย์พี่ของมันฟัง

สีหน้าของอาวุโสกู่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นอัปลักษณ์ มันบันดาลโทสะอย่างถึงขีดสุด

"ทุกเรื่องราวเป็นดั่งเช่นที่เจ้าเล่าออกมา จริงหรือ?" แม้ว่าสีหน้าและท่าทางของอาวุโสกู่จะเต็มไปด้วยโทสะ ทว่ามันยังมีสติพอที่จะถามด้วยความสงสัย ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นไปได้จริงๆหรือ

ขุนเขาไร้นามได้ใช้กลวิธีล่อลวงแย่งชิงเหล่าศิษย์สายนอกทั้งหมดไป? หากเป็นเช่นคำเล่าจริง ต่อไปในอนาคตขุนเขาต้านติ่งจะยังมีไว้ทำมะเขืออะไรอีกเล่า?

จริงๆแล้วทุกเรื่องราวที่ลี่ชุนกล่าวแน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่อตัวเขาโดยตรง ท่าทางของเขากลับกลายเป็นตื่นตระหนกและบิดเบี้ยวทันที เมื่อได้ยินเรื่องที่ ตอนนี้ไม่มีศิษย์สายนอกแม้แต่คนเดียว...ที่มาขอความช่วยเหลือในเรื่องโอสถจากขุนเขาต้านติ่ง

ถ้าขุนเขาต้านติ่ง ไม่มีศิษย์สายนอกคนใดมาจ้างวานหรือขอความช่วยเหลือและทำการค้า แล้วนี่เขาจะเป็นผู้อาวุโสที่มีหน้าที่ดูแลศิษย์สายนอกไปเพื่ออะไร ในเมื่อมันไม่มีใครให้ดูแล? ไม่ใช่ว่าตำแหน่งของเขาจะกลายเป็นตำแหน่งเปล่า มีเพียงชื่อเช่นนั้นหรือไร?

"ศิษย์พี่ ข้ากล่าวความจริงทุกประการ ได้โปรดท่าน ไปทวงความยุติธรรมให้เราด้วย!" แม้ภายนอกลี่ชุนจะร่ำไห้เศร้าโศกออกมา แต่ในใจแล้ว มันกลับพึงพอใจและยินดีนักที่เห็นใบหน้าของศิษย์พี่กู่เต็มไปด้วยโทสะ ตราบใดที่ศิษย์พี่กู่คนนี้ออกหน้า ปัญหาเรื่องขุนเขาต้านติ่งจะเป็นอะไรได้?....พวกมันต้องจบสิ้นแน่ๆ

"ฮึ่ม! บัดซบ! ขุนเขาไร้นาม!! มันน่านัก! ท่านประมุขใหญ่กลับรับเศษเดนมาเสียได้ เพียงมอบขุนเขาให้มันได้ไม่นานเท่าไรมันกลับก่อปัญหาร้ายแรงถึงเพียงนี้! รากฐานที่มีมาอย่างยาวนานของนิกายเม้งก่า ต้องถูกมันก่อเรื่องจนวุ่นวายเช่นนี้! ซ้ำยังทำเรื่องเกินหน้าเกินตา แย่งหน้าที่รับผิดชอบที่ท่านประมุขใหญ่แบ่งไว้เช่นนี้อีก!”

“ อภัย ให้ ไม่ ได้ !!!” แววตาอาวุโสกู่ลุกโชนด้วยโทสะที่กราดเกรี้ยว เขาคิดจะจัดการปัญหานี้อย่างจริงจังด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด

"ท่านผู้อาวุโส แล้วพวกเราสมควรไปแจ้งให้ท่านปรมาจารย์ทราบเรื่องด้วยดีหรือไม่?" ศิษย์น้องคนหนึ่งในหอโอสถกล่าวถามออกมา

"ไม่จำเป็น ท่านอาจารย์ได้วางมือและไปพักผ่อนแล้ว อย่าได้ทำให้ท่านลำบากอีกเลย เรื่องแค่นี้ข้าจัดการเองได้"

แม้ว่าเรื่องนี้แล้วต้นตอมันจะมาจากคนของท่านประมุขใหญ่ แต่พวกเขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะกระทำตามความเหมาะสม แม้ว่าการตัดสินใจมอบขุนเขาไร้นามที่เป็นการตัดสินใจของท่านประมุขใหญ่ จะไม่มีใครโต้แย้งหรือขัดขวางได้ก็ตาม พวกเขาก็ยอมรับได้และไม่ไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับมัน... แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้เป็นคนของท่านประมุขใหญ่กำลังล่วงเกินขุนเขาต้านติ่งและรังแกกันอยู่หรือ? แล้วผู้ใดจะไปทานทนอยู่เฉยๆได้กันเล่า?

"ข้าจะไปเยือนขุนเขาไร้นามพรุ่งนี้ ข้าอยากจะรู้นักว่ามันมีความสามารถอันใดบ้าง" อาวุโสกู่กล่าวออกมาอย่างเย็นชา ด้วยประกายตาดุดัน

ลี่ชุนและกลุมของมันเริ่มเผยรอยยิ้มออกมา “ศิษย์พี่อาวุโส ข้าว่าถ้าท่านลงมือด้วยตัวเองเช่นนี้ ไอเด็กนั่นมันต้องฉี่รดกางเกงแน่นอน!”

...

ในขณะที่ลี่ชุนและกลุ่มของมันเดินออกจากหอโอสถหลัก แต่ละคนล้วนมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ...พวกมันดีอกดีใจกับหายนะของขุนเขาไร้นามที่กำลังจะเกิดขึ้นพรุ่งนี้

พรุ่งนี้ผู้อาวุโสกู่จะไปล้างแค้นทวงความยุติธรรมให้พวกมัน

"ฮึ่ม ถึงแม้มันจะเป็นคนที่ท่านประมุขใหญ่แต่งตั้งและมอบขุนเขาให้ด้วยตัวเอง แต่มันกล้าเป็นฝ่ายฝ่าฝืนกฎและล่วงเกินพวกเราก่อน!"

"พยายามขัดขวางและทำให้ขุนเขาต้านติ่งสิ้นไร้หนทางทำกินเช่นนั้นหรือ? มันคิดจริงๆหรอว่ามันจะทำตามใจตัวเองได้ทุกสิ่ง?"

...

ลี่ชุนที่คับแค้นใจและจมอยู่กับความทุกข์เป็นเวลานานในที่สุดก็ค่อยๆรู้สึกดีขึ้น มันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อผู้อาวุโสกู่คิดไปเยือนขุนเขาไร้นาม และแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของขุนเขาต้านติ่ง แน่นอนว่าพวกมันต้องไม่กล้าล่วงเกิน หรือกล้ากำแหงกับพวกเขาอีกครั้งในอนาคต

โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ที่เคยต้องมาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือกับเขา พวกมันจะกล้าเป็นศัตรูกับเขาอีกได้อย่างไร? พวกมันจะได้รู้ว่าใครกันแน่เป็นผู้ที่มันควรสยบ

"ศิษย์พี่ ให้พวกเราแบกท่านกลับเถิด ท่านจะได้ไม่เหนื่อย และมีแรงไปดูเรื่องสนุกสนานพรุ่งนี้อย่างไรเล่า” เด็กรับใช้คนหนึ่งกล่าวออกมา

"ก็ดี"

รีวิวผู้อ่าน