
1818 วันที่แล้ว
ดีงาน

1831 วันที่แล้ว
เอาคืนมาของแม่เรา
ฮึ่ม ! เมื่อพวกมันกล้าแพร่ข่าวลือกระฉ่อนไปทั่วว่าคุณหนูมีใบหน้าอัปลักษณ์ เช่นนั้น นางก็จะทำให้พวกมันได้กลับกลายเป็นนางอัปลักษณ์ตัวจริง !
เฟิ่งเฉียนเสวี่ยและเฟิ่งชิงหว่านต่างลนลานเข้าไปหาฮูหยินรอง
เพียงได้เห็นสภาพน่าสังเวชของบุตรสาวทั้งสองภายในใจของนางก็ยิ่งบีบรัด
“ท่านพี่ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเรา… เพียงนางกลับมา เรือนของเราก็วุ่นวายไปหมด นางต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น !”
ฮูหยินรองหันไปถลึงตาขึ้งเคียดใส่เฟิ่งฉู่เกอ
ในสายตาของนาง เฟิ่งฉู่เกอผู้นี้เสมือนก้างปลาที่ติดขวางลำคอ เช่นนั้นนางต้องหาทางกำจัดลูกเลี้ยงผู้นี้ให้จงได้
เนื่องเพราะเฟิ่งฉู่เกอถือกำเนิดจากองค์หญิงเจี้ยนเต๋อ เช่นนั้นเฟิ่งฉู่เกอจึงอยู่ในฐานะบุตรีแห่งฮูหยินใหญ่ผู้มีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ทว่านางเป็นเพียงฮูหยินรอง ผู้มีฐานะอนุภรรยา บุตรที่ถือกำเนิดจากนางย่อมเป็นเพียงบุตรนอกสมรส
ทั้งในครานั้น องค์ฮ่องเต้คือผู้พระราชทานสมรสประทานองค์หญิงเจี้ยนเต๋อให้แก่เฟิ่งเฉาหยาง เช่นนั้นด้วยเหตุนี้ แม้องค์หญิงเจี้ยนเต๋อจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เฟิ่งเฉาหยางย่อมไม่อาจยกฮูหยินรองขึ้นแทนที่นางได้
แม้นนางจะเป็นที่รักของเฟิ่งเฉาหยาง เป็นที่ยอมรับของบ่าวไพร่ในเรือนสักเพียงไร ทว่าจะอย่างไร ฮูหยินรอง ย่อมยังคงเป็นเพียงอนุผู้หนึ่งตลอดกาล…
ยิ่งคิด นางก็ยิ่งนึกชิงชังเฟิ่งฉู่เกอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฮูหยินรองพยายามลอบปลิดชีวิตเฟิ่งฉู่เกอหลายครา หากแต่ไม่คิดเลยว่าเฟิ่งฉู่เกอจะหลุดรอดเงื้อมมือไปได้คราแล้วคราเล่า !
ฮูหยินรองส่งสายตามองบุตรีทั้งสองก่อนบ่อน้ำตาจะแตกทะลัก
“ท่านพี่…ท่านดูเอาเถิด สองแก้มที่เนียนผ่องราวเนื้อหยกของชิงหว่านยามนี้ปูดบวมด้วยรอยแผล หากไม่สามารถลบเลือนออกได้ จะทำเช่นไร ?ยามนี้ ชิงหว่านเป็นที่โปรดปรานขององค์ชายสาม หากเกิดเรื่องเช่นนี้ย่อมไม่ส่งผลดีอย่างแน่นอน”
เฟิ่งเฉาหยางสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันใด
“เฟิ่งฉู่เกอ กลับไปเรือนของเจ้า ! หาไม่แล้วก็จงออกไปจากเรือนสกุลเฟิ่งเสีย !”
เฟิ่งเฉาหยางหันไปสั่งคำหญิงรับใช้ผู้คาบข่าวไปรายงานเขาเมื่อครู่
“ส่งนางไปที่เรือนร้างโน่น !”
“นายใหญ่เฟิ่ง ยามนี้มิใช่ข้ากำลังยืนอยู่ในเรือนของตนกระนั้นหรือ ?”
น้ำเสียงตอบเมินเฉย ขณะนางยืนกอดอกเอนหลังพิงเสาด้านข้าง
“เรือนของเจ้า ? เจ้าคงหลงลืมไปแล้วกระมังว่าเจ้าถูกขับออกจากตระกูลเฟิ่ง ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนแล้ว !”
“นายใหญ่เฟิ่ง ท่านไม่ต้องช่วยย้ำเตือนข้าก็ได้ เพียงทว่า…เรือนแห่งนี้คือสิ่งที่มารดาของข้าทิ้งไว้ให้ ข้าปล่อยให้ท่านร่วมใช้สอยมานาน ยามนี้ถึงคราวที่ข้าจะทวงเรือนของข้าคืนกลับแล้ว”
ฮูหยินรองหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินคำประกาศกร้าวของอีกฝ่าย กระทั่งเฟิ่งเฉาหยางยังนิ่งอึ้งพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้นางเป็นเพียงเด็กน้อยที่ขี้ขลาดตาขาว เป็นหนูตัวน้อยที่ไม่กล้าแม้เพียงจะส่งเสียงโวยวายเมื่อถูกทำร้าย หากทว่ายามนี้ ความขวัญกล้าของนางนับว่ามิใช่น้อย !
“เฟิ่งฉู่เกอ ขวัญกล้ายิ่งนัก ! กล้ากระทั่งขัดคำสั่งของข้ากระนั้นรึ !”
ความโกรธเกรี้ยวส่งให้เฟิ่งเฉาหยางหนวดกระดิกโค้งได้อีกครา
“ใช่ว่าข้าแข็งขืนต่อต้านตระกูลเฟิ่ง ข้าก็แค่เพียงทวงทุกสิ่งที่สมควรเป็นของข้า ย่อมเป็นดังเช่นนายท่านเฟิ่งเอ่ยกล่าวเมื่อครู่ ข้าถูกขับออกจากตระกูลเฟิ่งเนิ่นนาน ย่อมมิใช่คนสกุลเฟิ่งอีกต่อไป เช่นนั้นย่อมไม่มีความจำเป็นที่ตระกูลเฟิ่งจะช่วยดูแลทรัพย์สมบัติให้ข้า”
เฟิ่งฉู่เกอกล่าวไปพลาง แหงนหน้าขึ้นกวาดมองเพดานเบื้องบนไปพลาง ขยับปากต่อคำไปพลาง
“อ้อ ! อย่าลืมตระเตรียมสินเดิมเจ้าสาวของมารดาข้าไว้ให้ด้วย ข้าจะนำกลับคืนทั้งหมด…”
ขณะกล่าวคำสายตาของเฟิ่งฉู่เกอค่อย ๆ เคลื่อนกระทั่งหยุดชะงักอยู่ที่ข้อมือของฮูหยินรอง
กำไลหยกเนื้อใสบริสุทธิ์แลดูโปร่งแสงคู่นั้น มิใช่เครื่องประดับติดกายครั้งออกจากวังหลวงขององค์หญิงเจี้ยนเต๋อกระนั้นหรือ ?
นัยน์ตาของเฟิ่งฉู่เกอเปล่งประกาย ฉับพลันร่างนั้นกลับกระโจนเข้าหาเป้าหมายในทันที
“อ๊า---”
เสียงร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
ฮูหยินรองก้มลงมองท่อนแขนของตนด้วยความเหลือเชื่อ
เพียงนางรู้สึกเจ็บแปลบ ก็กลับพบว่ากำไลคู่โปรดของตนหายไปจากข้อมือเสียแล้ว…
ทั้งกำไลคู่นั้นยามนี้ กลับไปอยู่ในมือของเฟิ่งฉู่เกอ…
***จบตอน ทวงกลับทุกสิ่ง***
ดีงาน
เอาคืนมาของแม่เรา