
1831 วันที่แล้ว
ตลึงละสิ
สมุนไพรเหล่านี้ นอกจากต้นโหราเดือยไก่แล้ว สมุนไพรที่เหลือล้วนหายากทั้งยังสูงราคายิ่ง เหนืออื่นใด ไยเด็กตัวน้อยเพียงเท่านี้จึงรู้จักสมุนไพรเหล่านี้ ?
เฟิ่งฉู่เกอเพ่งพินิจเด็กน้อยเบื้องหน้า ยิ่งรู้จัก นางก็ยิ่งพบสิ่งชวนฉงนมากมายในตัวเด็กน้อยผู้นี้
อาเฉินหรี่ตานิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนยอมปริปาก
“โอสถช่วยเสริมส่งความเจริญวัย”
“ฟู่---”
เพียงได้ยินคำชี้แจงของอีกฝ่าย เฟิ่งฉู่เกอต้องหันไปยกแก้วจิบน้ำด้วยรู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที นางกระดกหมดแก้วในคราเดียวด้วยความประหลาดใจ
“ผิดแปลกอันใด ?”
อาเฉินจ้องนางเขม็ง ดวงหน้าน้อย ๆ ยังคงเย็นยะเยียบด้านชา
“พ่อหนูน้อย เจ้าจะรีบเร่งเติบใหญ่ไปไย ? จะรีบตบแต่งหญิงหรืออย่างไร ?”
“มิใช่เจ้าก็แล้วกัน”
อาเฉินสวนกลับทันควัน เด็กน้อยยืนบุ้ยปาก สตรีที่ไร้ความอ่อนโยนเช่นนี้ เขาไม่มีทางสมรสด้วยอย่างแน่นอน
“รอให้เจ้าเติบใหญ่เสียก่อนค่อยตบแต่งภรรยา แม้นเจ้ากล่าวว่าปรารถนาจะตบแต่งข้า ข้าก็ไม่คิดจะแต่งด้วย ทว่าหากเจ้าเติบใหญ่ขึ้นจริง ข้าอาจทบทวนอีกครา”
เฟิ่งฉู่เกอยักคิ้วกล่าวเย้าหยอก
อาเฉินจ้องเฟิ่งฉู่เกอเขม็ง ภายในแววตาอันล้ำลึกปรากฏประกายแวววาววูบหนึ่ง…
ประกายตาคู่นั้นกระเพื่อมเล็กน้อยก่อนเสียงกล่าวจะดังขั้น
“เช่นนั้น เจ้าอยากให้ข้าเติบใหญ่หรือไม่ ?”
หญิงสาวหันมาก้มกายตบแก้มยุ้ยของอีกฝ่ายเบา ๆ
“อาเฉิน เจ้าตัวน้อย ตัวยาเหล่านี้หาใช่เกิดประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต มากสุด พวกมันเพียงช่วยขับสารพิษที่สะสมในร่างกายเท่านั้น”
“ไม่จริง ข้าต้องการยาพวกนั้น !”
อาเฉินยืนกรานหนักแน่น
“หากเจ้าไม่คิดช่วยข้าก็ช่างเถิด ข้าจะออกตามหาด้วยตนเอง”
“เฮ้อ !”
นางไม่คิดเลยว่าอาเฉินจะดื้อรั้นถึงเพียงนี้ ทั้งไม่อาจเข้าใจได้จริง ๆ ว่าเหตุใดเด็กน้อยผู้นี้จึงมีความคิดอ่านราวผู้ใหญ่เยี่ยงนี้ ? อุปนิสัยเช่นนี้เพียงคำจำกัดความว่า ‘แก่แดด’ ยังนับว่าน้อยไป
นางส่ายหน้าคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นใบหน้าเผยความหนักแน่นของอีกฝ่าย
“ก็ได้ หากเจ้ายืนกรานเช่นนั้น ข้าจะช่วยเสาะหามาให้ ผู้ใดใช้ให้เจ้าคืออาเฉินน้อยของข้ากันเล่า ?”
ปลายนิ้วเรียวบางยื่นออกไปหยิกแก้มยุ้ยของอาเฉินอีกคราขณะกล่าวคำ
สีหน้าเด็กน้อยแปรเปลี่ยนเล็กน้อย คล้ายเขากำลังจะเอ่ยปากกล่าวคำ ทว่ากลับรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวด้านนอก
“แม่นาง ข้างนอกมีคน---”
ม่านนัยน์ตาของเฟิ่งฉู่เกอหดตัว เพียงตั้งใจเงี่ยหูฟัง นางก็สามารถจับความเคลื่อนไหวส่อพิรุธที่อยู่ไม่ไกลห่างออกไป
พลังวัตรของผู้บุรุกค่อนข้างสูงส่ง ทั้งคนผู้นั้นยังจงใจเก็บงำหลบซ่อนพลัง
หากไม่ตั้งใจฟังให้ดี อาจไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ นางสามารถรับรู้ได้ถึงอายสังหารเข้มข้นที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากกลุ่มผู้บุกรุก
ปลายคิ้วงามยกขึ้นเล็กน้อย นางหันมาหาอาเฉิน
“อยู่ในนี้ อย่าออกไปด้านนอก ไม่นานข้าจะกลับมาหาเจ้า”
เพียงสิ้นคำกล่าว เฟิ่งฉู่เกอก็พรวดพราดออกไปในทันที
อาเฉินยืนนิ่งกระพริบตาปริบ ๆ อยู่กับที่ เขาถอนหายใจยาวก่อนบ่นพร่ำ
“เซ่อซ่าจริง ๆ ”
ก่อนจะยกฝ่าเท้าน้อย ๆ ติดตามเฟิ่งฉู่เกอไปในทันที
พวกจื่อหลานออกมาสังเกตการณ์หน้าเรือนน้อยสายนทีนานพอควรแล้ว
ครั้นเมื่อเฟิ่งฉู่เกอสืบฝ่าเท้ามาถึงหน้าประตูเรือน จึงเห็นบุรุษในชุดคลุมสีดำกำลังมุ่งหน้ามายังเรือนของตน
ชายผู้นี้สวมใส่ชุดคลุมที่หรูหราสูงสง่าเรือนผมนุ่มทิ้งตัวสลวยระแผ่นหลัง โครงหน้านั้นสมส่วน เนินจมูกแผงคิ้วคมสัน เผยความแข็งแกร่งแห่งบุรุษเพศ
เขาคือชายผู้ครองความงดงามหล่อเหลาอย่างมิอาจปฏิเสธ
เพียงทว่าในยามนี้ ดวงหน้าหล่อเหลากลับถูกเติมเต็มด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างเหลือแสน อายสังหารเข้มข้นคุกรุ่นในแววตาอันล้ำลึก
“เฟิ่งฉู่เกอ ออกมาพบเปิ่นหวาง*เดี๋ยวนี้ !”
*เปิ่นหวาง แปลว่าข้า เป็นคำเรียกแทนตนเองขององค์ชาย
น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงพลังอย่างเหลือล้นดังก้องทั่วเรือนน้อยสายนที
ทันทีที่เฟิ่งฉู่เกอก้าวพ้นบานประตูเรือนน้อยสายนที นางก็ต้องเผชิญกับอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดของเหอเหลียนจินอวี่
ทว่าเขากลับต้องตื่นตะลึง เมื่อหันมาเห็นเฟิ่งฉู่เกอผู้มีเรือนร่างงดงาม ประหนึ่งหยกที่ถูกสลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์สะอาดตา
สตรีผู้นี้มิใช่ผู้ที่เคยอยู่ในความทรงจำของเขา…
“ท่านเรียกหาข้ากระนั้นหรือ ?”
เฟิ่งฉู่เกอเลิกคิ้วเชิดหน้าแสดงท่ากวนโทสะใส่เหอเหลียนจินอวี่
***จบตอน เติบใหญ่***
ตลึงละสิ