แสงรำไรจากดวงตะวันเริ่มเลือนลางจางหาย
ม่านแห่งความมืดมนยามรัตติกาลค่อย ๆ คืบคลานเข้าปกคลุมเรือนน้อยใหญ่ในตระกูลเฟิ่ง ก่อนค่อย ๆ คืบคลานเข้าครอบงำเรือนน้อยสายนที
กระทั่งเมื่อความมืดมิดติดตามเข้าสู่ห้องนอนในเรือนน้อยสายนที…
“มิทราบว่าคุณหนูต้องการถ่ายทอดคำสั่งใด ?”
ชิงเหลียนผู้อยู่ในชุดสีดำอำพรางยามราตรีก้มลงมองกำยานหลงรัญจวนอีกชุดที่ยังมิได้ถูกจุดเผาอยู่บนโต๊ะ
เครื่องหอมชุดนี้มีนามว่า กำยานหลงรัญจวน เป็นเครื่องหอมที่เฟิ่งฉู่เกอคิดค้นขึ้น เพียงจุดปลายกำยาน ผู้อยู่ไกลห่างนับร้อยลี้ย่อมสามารถรับรู้ และเร่งรุดมาหาได้ในทันที
เฟิ่งฉู่เกอส่งกระดาษบันทึกรายการชุดหนึ่งให้ชิงเหลียน
“จงออกติดตามหาแหล่งสมุนไพรเหล่านี้ ได้เบาะแสเมื่อไร แจ้งข้าทันที”
ชิงเหลียนต้องประหลาดใจ เมื่อก้มลงอ่านรายนามสมุนไพรเหล่านั้น
“คุณหนู สมุนไพรแต่ละตัวในรายนามเหล่านี้ล้วนพบเจอได้ยากยิ่ง”
“ข้ารู้ ทว่าลองพยายามเสาะหาดูเถิด”
นี่คือความประสงค์ของอาเฉิน เด็กตัวน้อยเพียงเท่านั้น กล้าตรงเข้ามาเอ่ยปากขอร้องนาง เช่นนั้นนางย่อมควรช่วยเติมเต็มความปรารถนาของเขามิใช่หรือ ? แม้แท้จริงย่อมเป็นไปมิได้เลยที่เด็กตัวน้อยจะเติบใหญ่เจริญวัยได้รวดเร็วด้วยสมุนไพรเหล่านี้ หากทว่านางย่อมมิกล้าทำให้เจ้าหนูน้อยต้องผิดหวัง
“จริงสิ คุณหนู สายของเรารายงานมาว่าอีกสองวันให้หลังจะมีการประมูลสมุนไพรล้ำค่าแสวงหาได้ยากยิ่งที่หอคลังสมบัติ คุณหนู พวกเราไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อยเป็นไร ?”
“หอคลังสมบัติ…”
เฟิ่งฉู่เกอหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ได้ ข้าจะไป”
รุ่งขึ้นวันถัดมา บรรยากาศทั่วเรือนตระกูลเฟิ่งคึกคักเป็นพิเศษ
เฟิ่งฉู่เกอลุกขึ้นจากเตียงนอน เพื่อออกมาเดินชมด้านนอกพร้อมปี้หลัว…
“คุณหนู ท่านลองเดาดูสิเจ้าคะว่าตรงโน้นมีเรื่องใด ?”
“เรื่องใดกัน ?”
“พวกตระกูลอวิ๋นส่งคนมาเร่งรัดงานสมรสแล้วเจ้าค่ะ เห็นว่าพวกไร้สมองตระกูลอวิ๋นต้องการทายาทสืบสกุลจึงมิอาจรอช้าขอเร่งรัดจัดงานสมรสในวันพรุ่งเจ้าค่ะ”
“รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียว ?”
เฟิ่งฉู่เกอยกยิ้มด้วยท่าทีเยาะหยัน
“สมควร มิน่าเล่าทางโน้นจึงแลดูวุ่นวายกันนัก”
จื่อหลานกรอกตามอง
“คุณหนูเจ้าคะ เรื่องราวดำเนินมาถึงเพียงนี้ พวกตระกูลเฟิ่งจะไม่ย้อนกลับมาหาเรื่องพวกเราอีกหรือเจ้าคะ ? ในวันนั้น เฟิ่งเฉาหยางเป็นผู้ประกาศกร้าวออกมาเองว่าคุณหนูมิใช่คนในตระกูลเฟิ่งอีกต่อไป ทั้งยังขับไล่คุณหนูด้วยซ้ำ ทว่าวันนี้ เห็นทีเขาจะต้องรีบบากหน้ากลับมาหาคุณหนู วาจาที่หลุดออกจากปากเมื่อวันก่อนคงทำหลงลืมสิ้นแน่แท้เจ้าค่ะ”
“เรื่องนี้ยังเร็วไปที่จะตัดสิน”
เฟิ่งฉู่เกอขยักยิ้ม
แท้จริงย่อมยากจะคาดเดาการกระทำของเฟิ่งเฉาหยาง ผู้ใดจะรู้ว่าเขายังซุกซ่อนไพ่ไม้ตายใดไว้ใต้แขนเสื้ออีก !
ชั่วขณะนั้นเอง ลวี้จูพลันวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณหนู ระหว่างไปสืบข่าว ข้าบังเอิญเห็นเฟิ่งเฉียนเสวี่ยกำลังมุ่งหน้าไปพบเฟิ่งเฉาหยางที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ”
“รีบไปสืบข่าวมาเร็วลวี้จู ส่วนข้าจะไปสืบความด้านเฟิ่งชิงหว่าน !”
จื่อหลานยกมือโบกพลางชี้มือชี้ไม้เร่งลวี้จู
ทั้งคู่ต่างแยกย้ายกันทำหน้าที่ เพียงชั่วพริบตา ร่างของทั้งสองก็มุ่งปรี่ไปยังตำแหน่งเป้าหมายของตนในทันที…
เป็นดังที่ลวี้จูรายงาน เฟิ่งเฉาหยางเรียกตัวเฟิ่งเฉียนเสวี่ยออกมารับหน้าตระกูลอวิ๋นผู้เดินทางมาเร่งรัดงานสมรส
ในครานั้น เฟิ่งเฉาหยางเตรียมพร้อมยัดเฟิ่งฉู่เกอให้ตระกูลอวิ๋น หากแต่แน่ชัดว่าในวันนี้ เฟิ่งฉู่เกอหาใช่คนอ่อนแอที่สามารถควบคุมได้โดยง่ายดังเช่นอดีตที่ผ่านมา การจะให้นางยอมออกเรือนไปกับไอ้หน้าโง่ผู้หนึ่งย่อมมิใช่เรื่องเป็นไปได้ !
ทว่า…
เหตุที่คุณชายรองแห่งตระกูลอวิ๋นผู้ขลาดเขลาผู้นั้นล้มเจ็บล้วนเป็นเพราะ เฟิ่งเหยี่ยนหาง บุตรชายเพียงผู้เดียวของเฟิ่งเฉาหยาง พลั้งมือผลักคุณชายรองแห่งตระกูลอวิ๋นตกน้ำในงานเลี้ยง
เจ้าโง่ผู้นั้นล้มป่วยนับแต่ถูกงัดขึ้นมาจากน้ำได้
แม้คุณชายรองแห่งตระกูลอวิ๋นจะขลาดเขลาเบาปัญญา ทว่าพลังยุทธที่สูงส่งถึงขั้นปราณปรมาจารย์ของผู้เป็นมารดาช่วยเสริมส่งให้ตระกูลอวิ๋นกลับกลายเป็นตระกูลผู้ทรงอิทธิพลในทันที
***จบตอน เร่งรัดสมรส***