ตอนที่ 105 ก่อนการต่อสู้
หวังซีซีทำมือถือตกลงบนพื้น เธอลังเลก่อนจะพูดออกมาว่า “พี่ลู่ พี่...พี่เป็นเซียนรึเปล่า?”
“หมายความว่าไง เซียน? เธอเคยเจอคนที่เป็นเซียนเหรอ?” ลู่หยวนถามอย่างสงสัย เขาคิดว่าหวังซีซีอาจจะไปเจอใครบางคนที่มีพลังแบบนั้น
แม้ว่าเขาจะสามารถเพ่งความมุ่งมั่นไปที่ร่างกายและรวบรวมพลังงานไปไว้ที่ดาบโดยไม่ต้องฝึกฝนอย่างคร่ำเคร่งใดๆ เขาก็รู้ว่านั่นเป็นเพราะความช่วยเหลือของระบบซึ่งฝังความทรงจำและประสบการณ์ลงในตัวเขา ซึ่งจะเชี่ยวชาญเมื่อไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลา ดูพวกนักกีฬาต่อสู้เป็นตัวอย่างก็ได้ ถ้านักกีฬาเจ็บป่วยไปเป็นเวลานานและอ่อนแอลงมาก พวกเขาสามารถกลับสู่สภาพเดิมเมื่อฟื้นตัวได้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำ
หวังซีซีทำท่าราวกับว่าลู่หยวนเป็นมนุษย์ต่างดาว เธอพูดว่า “พี่ไม่รู้จักเซียนได้ไงเนี่ย? ไม่เคยอ่านนิยายออนไลน์เหรอ? มีเซียนตั้งหลายแบบ พวกเขาฝึกใช้พลัง ฝึกทักษะพื้นฐานให้แข็งแกร่ง รวบรวมพลังทั้งหมดของพวกเขาแล้วอัพเกรดมัน แล้วยัง...มีชีวิตอมตะด้วย ไปได้ทั้งสวรรค์และนรก แถมฆ่าคนได้ในพริบตา”
เธอโบกมือไปมาขณะเล่า ลู่หยวนนิ่งอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไงดี และหวังซีซีก็ไม่ต้องการจะปล่อยมันไป เธอมองลู่หยวนแล้วถามว่า “พี่ลู่ พี่เป็นเซียนจริงๆใช่ไหมอ่ะ? พี่ช่วยให้ฉันเป็นอย่างพี่บ้างได้ไหม?”
ลู่หยวนอึ้ง เขาสงสัยว่าเธอจะเรียนหนักไปจนไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงกับนิทานหลอกเด็กได้แล้ว เขากำลังจะอธิบายแต่ก็เปลี่ยนใจ แล้วพูดว่า “เดี๋ยวนะ! ซีซี เธอลองใช้พลังดูซิ ลองยกแจกันตรงมุมนั้นนะ!”
แจกันที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงนั้นมีความสูงประมาณเด็กคนหนึ่งและหนักประมาณ 10 กก. มันเป็นของโบราณที่ประเมินค่าไม่ได้ในช่วงเวลาที่สงบสุข แต่ตอนนี้มันกลายเป็นของไร้ค่าไปแล้ว มีค่าน้อยกว่าน้ำ 1 ขวดด้วยซ้ำ หวังซีซีสับสนแต่เธอก็ทำตามคำสั่งของเขา เธอพยายามเพ่งสมาธิซึ่งก็ทำได้ดีมาก เด็กหญิงไม่เคยหยุดฝึกเลย ไม่กี่วินาทีต่อมาแจกันก็ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างเงียบๆ
“เอาล่ะ คราวนี้เพ่งสมาธิไปที่การทำลายแจกัน!” ลู่หยวนพูด
หวังซีซีพยายามที่จะไม่เสียสมาธิ เธอจึงแค่พยักหน้า เด็กหญิงไม่เคยคิดจะใช้พลังสมาธิไปในทางนั้นเลย เธอมองไปที่แจกันอยู่นาน มันเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ถึงแม้เซรามิคจะดูเปราะบาง แต่มันก็ค่อนข้างจะแตกยากอยู่สักหน่อย แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถหักมันด้วยมือเปล่าได้ มันทนทานมากจริงๆสำหรับขีดจำกัดของพลังสมาธิของหวังซีซี
ไม่ว่าเธอจะพยายามมากเท่าไร ก็ไม่สามารถหักมันได้ หวังซีซีกำหมัดแน่นขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ตาของเธอโตราวกับตาปลาทอง เธอจ้องแจกันที่ลอยอยู่ในอากาศเหมือนมันเป็นคนที่ฆ่าครอบครัวของเธอ
“เธอจะทำร้ายตัวเองโดยไม่ตั้งใจไหมเนี่ย?” หวงเจียฮุยมองหวังซีซีที่กำลังพยายามอย่างเต็มที่ด้วยความเป็นห่วง
ลู่หยวนโบกมือให้หวงเจียฮุย ส่งสัญญาณไม่ให้เธอทำลายสมาธิของหวังซีซี ดวงตาของเธอส่องประกายมากขึ้น วิธีที่ดีที่สุดในการรวบรวมสมาธิคือการสั่งสมความเกลียดและโกรธ หวังซีซีค้นพบมันด้วยตัวเอง หน้าของเธอดูราวกับมีเลือดซึมออกมา เธอกัดกระพุ้งแก้มตัวเองเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวด แต่เธอก็ไม่เห็นสัญญาณว่าแจกันจะแตกเลย
เมื่อลู่หยวนกำลังจะบอกให้เธอหยุด แจกันก็ส่งเสียงเปรี๊ยะ ทั้งคู่สังเกตเห็นรอยร้าวหลายแห่งบนพื้นผิวแจกันซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแจกันแตกออกในที่สุด เศษชิ้นส่วนเซรามิคตกลงบนพื้นพรม ลู่หยวนสังเกตเห็นว่าทุกชิ้นที่แตกมีขนาดเท่ากันทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าหวังซีซีควบคุมพลังสมาธิของเธอได้สมดุลกันดีมาก ซึ่งนั่นทำให้เขาทึ่ง พลังนี้เหนือขีดจำกัดของหวังซีซี มันเกือบมีพลังมากพอที่จะทำลายของที่มีน้ำหนัก 100 กก.ได้
ลู่หยวนสูดหายใจเข้าลึก ถ้าหวังซีซีสามารถใช้พลังนี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ เธอก็สามารถเอาชนะเขาได้ด้วยซ้ำ พิจารณาจากที่เขาหนักเพียงแค่ 80 กก.เท่านั้น มันจะไม่ใช่การต่อสู้ที่ยากเย็นอะไรเลย ในเมื่อเธอสามารถยกเขาลอยกลางอากาศได้อย่างง่ายๆ ร่างกายของเขาจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อเจอกับพลังสมาธิของเธอ มันดูเหมือนจะง่ายในการรวบรวมพลังความมุ่งมั่น แต่เขาไม่รู้สึกว่าหวังซีซีจะมีพรสวรรค์พอที่จะบรรลุมันได้ ความมุ่งมั่นบางทีอาจจะเหมือนกันกับพลังสมาธิ หรือมันแค่เชื่อมโยงกันเท่านั้น?
หวังซีซีหมุนตัวก่อนจะลงมาบนพรม เธอดูมึนงง หลังจากนั้นครู่หนึ่งเด็กหญิงจึงถามขึ้นอย่างตื่นเต้น “อาจารย์ ฉันมีคุณสมบัติเป็นเซียนรึเปล่า?”
ลู่หยวนส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะ
หวังซีซีดูผิดหวังขณะที่พูดว่า “พี่ลู่ มันไม่ใช่การทดสอบหรอกเหรอ?”
“เธอคิดมากไปแล้ว บอกแล้วไงว่านั่นเป็นผลของพลังความมุ่งมั่น” ลู่หยวนพูด “เธอไม่สังเกตเหรอว่าความมุ่งมั่นเพิ่มพลังให้กับเธอ?”
หวังซีซีเหมือนจะนึกบางอย่างออกขณะที่พูดอย่างไม่แน่ใจ “ฉันก็คิดว่างั้น บางครั้งฉันก็สามารถเคลื่อนย้ายของที่หนักขึ้นได้เวลาที่จ้องพวกมันให้นานขึ้นหรือตอนที่ฉันรู้สึกโกรธ นั่นเป็นความมุ่งมั่นรึเปล่า?”
“มันไม่เรียบง่ายอย่างนั้น เธอยังเป็นมือใหม่ แต่ลองพยายามเพ่งสมาธิไปที่ความปรารถนาของตัวเองดูนะ” ลู่หยวนให้คำแนะนำ
“พี่หมายถึงโยคะเหรอ? ฉันเคยเรียนโยคะมาก่อน ได้ยินว่าคนอินเดียบางคนสามารถลอยในอากาศได้เมื่อพวกเขาฝึกโยคะถึงระดับหนึ่ง” หวังซีซีพูดอย่างตื่นเต้น
ลู่หยวนก็เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน และเคยเห็นในเว็บ Baidu ด้วย แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าภาพนั้นถูกตัดต่อหรือไม่ หรือเป็นทริคมายากลหรือเปล่า ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อมันอยู่ดี แต่พอจะบอกเด็กหญิงว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นของปลอม เขาก็นึกได้ถึงพลังอันน่าพิศวงของความมุ่งมั่น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมา มันเป็นไปได้ที่จะบรรลุถึงขั้นนั้นได้ถ้าคนๆนั้นมีความมุ่งมั่นแรงกล้า และถ้าหวังซีซีตั้งใจฝึกฝนอย่างมีวินัย เธอก็สามารถทำได้ง่ายๆเช่นกัน
เขาให้กำลังใจเธอด้วยการพูดว่า “ตราบใดที่เธอเชี่ยวชาญการเพ่งสมาธิไปที่ความมุ่งมั่น เธอก็สามารถบินต่ำๆได้เหมือนกัน ไม่ใช่แค่ลอยตัวในอากาศ”
หวังซีซีตื่นเต้นมาก เธอทนรอที่จะเริ่มฝึกฝนไม่ไหวแล้ว
หวงเจียฮุยรู้สึกอึดอัดใจและหดหู่ขณะที่ฟังพวกเขาคุยกัน เธอไม่สามารถเข้าร่วมการสนทนาได้ในทุกครั้งที่พวกเขาคุยกันเรื่องพลังเหนือมนุษย์ เธอรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน
“เมื่อไรฉันจะได้เป็นเหมือนพวกเขาสักที เป็นผู้รอดชีวิตที่วิวัฒนาการแล้ว?” เธอคิดอย่างตื่นเต้นขณะที่กำผ้าห่มแน่น
ลู่หยวนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปรกติกับหวงเจียฮุย เขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดกับเธอว่า “ที่จริงเธอก็ทำได้เหมือนกันนะ ทุกคนสามารถเพ่งสมาธิไปที่ความมุ่งมั่นได้ แต่คนธรรมดาก็ต้องใช้เวลามากขึ้นถึงจะทำได้น่ะ ที่จริงความมุ่งมั่นของเธอแข็งแกร่งกว่าหวังซีซีอีกนะ ถ้าเธอเพ่งพลังสมาธิเธอก็ทำอย่างที่ฉันทำได้”
เห็นได้ชัดว่านี่มันก็แค่การปลอบใจเธอเท่านั้น ถ้ามันง่ายอย่างนั้น ป่านนี้ก็มีคนที่มีพลังเหนือมนุษย์มากมายไปแล้ว แต่นี่ไม่มีรายงานข่าวเรื่องนั้นเลย
ถึงอย่างนั้นหวงเจียฮุยก็ยังอยากลองพยายามดู เธอขอคำแนะนำจากหวังซีซีเรื่องการทำสมาธิ ทั้งสองคนคุยกันอย่างตื่นเต้นก่อนจะเริ่มทดลอง พวกเขาไม่หลับไม่นอนทั้งคืน จนลู่หยวนบอกว่าจะไปนอนอีกห้องหนึ่งถึงยอมหยุดกัน เช้าวันต่อมาลู่หยวนเดินตรงไปที่พุ่มไม้ที่เจ้ากิ้งก่านอนหลับอยู่เมื่อคืนก่อน
เจ้ากิ้งก่าสัมผัสการเคลื่อนไหวได้จึงลืมตาขึ้นทันที มันลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าลู่หยวนกำลังยืนอยู่ข้างๆมัน ลู่หยวนตกใจเมื่อพบว่าสภาพร่างกายของเจ้ากิ้งก่าเปลี่ยนไปอย่างมาก บาดแผลที่หน้าอกของมันกำลังรักษาตัว รอยแผลเป็นตามตัวก็กำลังจางหาย ขาที่บาดเจ็บของมันก็กำลังฟื้นตัวเช่นกัน แต่เขาไม่แน่ใจเรื่องนั้น
เขารีบเปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมาและพบว่าเจ้ากิ้งก่าเปลี่ยนจากสถานะบาดเจ็บสาหัสเป็นสถานะอ่อนแอในคืนเดียวเท่านั้น เป็นไปได้ว่าขาของมันจะหายได้ภายในสองสามวัน เขาทึ่งในความเร็วในการฟื้นตัวของมันมาก ค่าสถานะร่างกาย 17 แต้มของเจ้ากิ้งก่านี่น่ากลัวจริงๆ ดูเหมือนบาดแผลส่วนใหญ่ของมันจะรักษาได้ตราบใดที่มันไม่ได้ตายในทันที
นอกจากขาที่บาดเจ็บแล้ว ลู่หยวนพบว่าเจ้ากิ้งก่าดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนที่เขาเจอมัน ตอนแรกเขากังวลว่าเจ้ากิ้งก่าจะโจมตีหวงเจียฮุยและคนอื่นๆหรือไม่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลโดยไม่จำเป็น ลู่หยวนกระโดดขึ้นบนหลังของมันอย่างรวดเร็วและตบแรงๆเพื่อออกคำสั่งกับมัน “ไป!”
ในที่สุดเจ้ากิ้งก่าก็จำสัญญาณและคำสั่งได้หลังผ่าน ‘การฝึกที่เข้มข้น’ ของลู่หยวนเมื่อวันก่อน มันออกเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง มีสัตว์กลายพันธุ์มากมายอยู่รอบๆบริเวณเมื่อเจ้ากิ้งก่าแสดงอาณาเขตของมัน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการค้นหาสัตว์กลายพันธุ์
นอกจากจะต้องการชดเชยค่าประสบการณ์ที่เสียไปแล้ว ลู่หยวนก็ยังต้องการทดลองใช้พลังความมุ่งมั่นของเขาด้วย เจ้ากิ้งก่าฉลาดขึ้นแล้ว หลังเลี้ยวผิดไม่กี่ครั้ง มันก็รู้แล้วว่าเจ้านายของมันต้องการไปที่ไหน
มันเดินมาได้เพียง 1 นาทีเท่านั้นก็เริ่มรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ พวกเขาได้ยินเสียงแหลมสูงดังขึ้นเหมือนเป็นคำเตือน การต่อสู้ชิงอาณาเขตนั้นโหดร้ายเสมอ ครั้งที่แล้วเจ้ากิ้งก่าต้องหนีมา แต่ครั้งนี้มันจำต้องเดินต่อไปข้างหน้าด้วยความหวาดกลัวลู่หยวน มันก้าวเท้าช้ามาก เสียงเคลื่อนที่ดังลั่นมาจากที่ไกลๆ ฟังดูเหมือนสัตว์ขนาดยักษ์กำลังพุ่งตรงมาที่พวกเขา
ลู่หยวนกระโดดลงจากเจ้ากิ้งก่าและตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบด้าน เขาเห็นว่าพวกเขาอยู่บนถนนย่านธุรกิจใกล้เขตที่พักของเขา เคยมีร้านเล็กๆอยู่ที่นั่นหลายร้าน แต่ตอนนี้ตึกอาคารถล่มลงเกือบหมด เขาเลือกตึกที่ยังคงสภาพดี จัดการตัดลูกกรงออก และขึ้นไปยังชั้นสาม ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆหน้าต่างบานหนึ่ง
“ติ๊ง!” ระบบให้ภารกิจเขาอีกแล้ว เขาชักชินกับความถี่ของมันแล้ว
“ภารกิจระดับ E ฆ่าเม่นยักษ์ ระยะเวลา : 3 วัน ยอมรับ/ปฏิเสธ”
ลู่หยวนยอมรับมันเงียบๆ เขาสูดหายใจเข้าลึกและรวบรวมพลังทั่วทั้งร่างขณะที่เฝ้ารอเม่นยักษ์ เจ้ากิ้งก่ามองไปยังทิศทางที่ลู่หยวนวิ่งไป แล้วค่อยๆถอยหลังอย่างช้าๆ มันไม่ได้มีเจตนาจะสู้เลยแม้แต่น้อย ถนนเสียหายอีกครั้งเมื่อเจ้าสัตว์ตัวนั้นพุ่งมาถึง ลู่หยวนแอบดูจากบนตึกและรีบกลับเข้าที่ซ่อนอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของเจ้าเม่นยักษ์ แต่มันยุ่งเกินกว่าจะมาสนใจลู่หยวน มันสนใจแต่เจ้ากิ้งก่าที่เข้ามาในอาณาเขตของมันเท่านั้น เม่นยักษ์คำรามอย่างโกรธจัด
มันเป็นสัตว์ที่มีลำตัวอ้วนสีดำและหัวเล็ก หนังบนหัวของมันหายไปและถูกแทนที่ด้วยบางอย่างที่ดูเหมือนเขา มีฟันเหล็กมากมายอยู่ในปากมัน และเขี้ยวสีขาวสองอันข้างนอก น้ำลายหยดลงมาจากปากของมัน มันมีตาสีฟ้าดูน่าเกลียดน่ากลัว สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือขนซึ่งดูเหมือนหอกที่ยื่นออกมาจากตัวมัน เมื่อลู่หยวนโยงมันเข้ากับชื่อที่ระบบตั้งให้ เขาก็ตระหนักว่าขนของเจ้าสัตว์ตัวนี้ไม่ได้มีเอาไว้โชว์เพียงอย่างเดียว