px

เรื่อง : Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี
ตอนที่ 107  สมาพันธ์สัมพันธมิตร


ตอนที่ 107  สมาพันธ์สัมพันธมิตร

“เดี๋ยวก่อน!”

ขณะที่ลู่หยวนกำลังจะจากไป  ชายคนนั้นก็เรียกเขาไว้  ลู่หยวนขมวดคิ้วแล้วหันมา  “คุณต้องการอะไร?”  เขาถาม

ชายคนนั้นมองเจ้ากิ้งก่า  แต่ก็ยังไม่ขยับไปไหน

“แก....คุณเพิ่งทำลายบ้านของผม!”  ชายคนนั้นดูเก้ๆกังๆราวกับว่าเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี  จากนั้นเขาก็พูดว่า  “คือผมหมายถึง  ผมไม่มีที่อยู่”

ลู่หยวนรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร  จึงถามขึ้นว่า  “คุณไม่กลัวว่าผมมาจากสมาพันธ์นั่นแล้วเหรอ?”

ชายคนนั้นเกาหัวที่สกปรกของเขาแล้วหัวเราะขณะที่พูดว่า  “พวกนั้นไม่แข็งแกร่งเหมือนคุณหรอก  ไม่ใกล้เคียงเลย”

ลู่หยวนถามอย่างอยากรู้  “ไอ้สมาพันธ์ที่คุณพูดถึงเมื่อกี้คืออะไร?  มีคนที่แข็งแกร่งอยู่ในนั้นมากไหม?”

“มันเป็นพวกสวะที่เรียกว่า สมาพันธ์สัมพันธมิตร มีผู้รอดชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วอยู่บ้าง  แต่สมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา”  ชายคนนั้นอธิบาย  “พวกมันสร้างปัญหาให้ผมมาก  เลยทำให้ผมคิดว่าคุณเป็นพวกมัน”  เขากล่าวเสริม

“ถ้าพวกนั้นเชิญคุณเข้าร่วม  แล้วทำไมคุณถึงไม่เข้าล่ะ?  ยังไงมันก็ต้องดีกว่าต่อสู้ตามลำพังอยู่แล้วนี่”  ลู่หยวนถาม

ปากของชายคนนั้นกระตุกขณะที่พูดว่า  “พวกมันก็เหมือนกันนั่นแหละ  ซ่อนตัวเหมือนกับผม”

“อย่ากวนประสาทผม  ผมต้องการความจริง”

ชายคนนั้นดูอึดอัดใจและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง  ในที่สุดก็ตัดสินใจบอก  “ก็ได้!  เชิญหัวเราะตามสบายเลย  เจ้าผู้นำของสมาพันธ์งี่เง่านั้นนอนกับแฟนผมน่ะซิ!”

เขาดูไม่สบายใจขณะที่เล่าเรื่องนี้

“มันเป็นช่วงที่การกลายพันธุ์เกิดขึ้นในประเทศของเรา  เธอเอาแต่ร้องไห้และพูดว่าอยากกลับไปที่บ้านเกิด  สุดท้ายเธอก็ไม่กลับมา  ผมคิดว่าเธอตายไปแล้ว  เกือบจะฆ่าตัวตายตาม  ผมแทบไม่เชื่อตาตัวเองตอนที่เห็นเธออยู่ในอ้อมกอดของชายอื่นในอีกไม่กี่วันต่อมา  โชคดีที่เธอจำผมไม่ได้  ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าผมจะทำอะไรลงไปบ้าง  มันจะน่าอับอายแค่ไหนถ้าผมตอบรับคำเชิญของพวกเขา?”

“กลิ่นเลือดแรงเกินไปแล้ว  ผมกลัวว่ามันจะดึงดูดสัตว์ที่ใหญ่กว่านี้  คุณต้องเอาอะไรไปบ้าง?  เร็วเข้า  เราต้องไปแล้ว!”  ในที่สุดลู่หยวนก็ยอมให้เขามาด้วยหลังจากตรวจสอบประวัติเขาแล้ว

“ผมไม่มีข้าวของมีค่าอะไร  เราไปกันได้ทุกเมื่อ”  ชายคนนั้นผ่อนคลายขึ้น  ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่ต้องกังวลเรื่องหาอาหารและน้ำอีกแล้ว  เขาสามารถพึ่งพิงพลังของลู่หยวนและเจ้ากิ้งก่ายักษ์ได้

“อยากขึ้นมาบนนี้ไหม?”  ลู่หยวนถาม  ในเมื่อเจ้ากิ้งก่าแบกของมากมายบนหลังของมันอยู่แล้ว  เพิ่มคนเข้าไปอีกสักคนก็ไม่แตกต่างอะไร

ชายคนนั้นส่ายหัวอย่างรวดเร็ว  เขาไม่สามารถเข้าใกล้เจ้ากิ้งก่าได้ด้วยซ้ำ  “ผมว่าผมวิ่งไปดีกว่า  แบบว่าชินแล้วน่ะ”  จากนั้นเขาก็ถามว่า  “มันไม่ไกลใช่ไหม?”

“ไม่หรอก  แต่คุณแข็งแรงพอจะวิ่งแน่นะ?”  ลู่หยวนมองใบหน้าซีดขาวของเขา  แล้วสงสัยว่าชายคนนี้ยังมีแรงเหลือแน่เหรอ

“ผมสบายดี  ผมเคยวิ่งกลับบ้านตอนอยู่โรงเรียน  เดินทางแค่นี้จิ๊บๆ”  เขาหัวเราะ

“งั้นก็ได้”  ลู่หยวนไม่ถามอะไรอีก

เขากระโดดขึ้นบนหลังของเจ้ากิ้งก่าและตบมัน  เจ้ากิ้งก่าเริ่มขยับ  มันทำได้แค่เดินช้าๆเท่านั้น  และทำรอยเลือดหยดเป็นทางไปตามถนนที่มันผ่านไป

ชายคนนั้นสบายดีในตอนเริ่มต้น  แต่เขาก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยหลังจากวิ่งไปได้ 1 นาที

แม้ว่าเขาจะมีพลังฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมาก  เขาก็ไม่สามารถหายดีได้ในเวลาสั้นเช่นนี้  เขาเริ่มรู้สึกมึนและชา

แต่เขาก็ไม่กล้าหยุด  เขากลัวว่าลู่หยวนจะทิ้งเขา  เขากลัวว่าจะถูกสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่นกิน  ดังนั้นเขาจึงวิ่งต่อไป  หลังจากนั้นครู่หนึ่ง  เจ้ากิ้งก่าก็มาถึงบ้านพัก  ชายคนนั้นล้มลงกับพื้นทันที  เขาไม่มีแรงลุกขึ้นแล้ว  ทุกคนในบ้านออกมาข้างนอกกันหมด

“พี่ลู่  นี่ใครน่ะ?”  โฮวตงถามอย่างสงสัย

ลู่หยวนเอาเนื้อบางส่วนลงมาจากหลังของเจ้ากิ้งก่าประมาณ 50 กก.  จากนั้นก็โยนที่เหลือให้เจ้ากิ้งก่า  แล้วเดินตรงมาที่ชายคนนั้นและมองเขา  ลู่หยวนหัวเราะเมื่อเห็นชายคนนั้นพยายามลุกขึ้น  “ฉันไปเจอเขาเข้าโดยบังเอิญน่ะ  เขาน่าจะขาดน้ำนะ  ใครก็ได้ช่วยเขาทีซิ”

ทุกคนมองหน้ากัน  แต่ไม่มีใครอยากจะขยับ  สุดท้าย  ซันเสี่ยวหวู่ก็เดินไปช่วยเขา

หวงเจียฮุยเอาขวดน้ำแร่มาให้เขาหนึ่งขวดแล้วพูดว่า  “ดื่มซิ”

เขาจิบไปนิดหน่อยแล้วปิดฝาขณะที่พูดว่า  “ขอบคุณ  ขอบคุณมาก  ผมชื่อหลินเสี่ยวจี”

“เราเป็นผู้รอดชีวิตเหมือนกัน  ก็ต้องช่วยเหลือกันซิ  จะอาบน้ำก่อนไหม?  แล้วค่อยมากินข้าวกันอีกประมาณครึ่งชั่วโมง”  หวงเจียฮุยพูด  เธอทนความสกปรกไม่ไหวแล้ว

แม้ว่าเธอจะพูดอ้อมๆ  ชายคนนั้นก็เข้าใจความหมายของเธอ  เขาตอบทันที  “แน่นอน!  เอาซิ!”

มีแทงค์น้ำขนาดใหญ่บนดาดฟ้าที่เก็บน้ำเอาไว้มากมาย  ถึงมันจะกินไม่ได้  ก็ยังใช้อาบหรือซักเสื้อผ้าได้  ตอนที่เขาอาบน้ำเสร็จออกมา  ทุกคนจึงเห็นว่าหลินเสี่ยวจีนั้นค่อนข้างเด็ก  เขายอมรับว่าเขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยถูกปิดตั้งแต่เกิดการกลายพันธุ์ขึ้น  แต่เขาตัดสินใจอยู่ในเมือง  เขาไม่คิดว่าสิ่งต่างๆในเมืองจะเลวร้ายขนาดนี้

“นายอยู่ที่นี่กับเราได้  แต่เราไม่มีห้องว่างแล้ว  ฉันหวังว่านายจะไม่รังเกียจที่จะแชร์ห้องกับโฮวตงนะ”  ลู่หยวนพูด  แม้ว่าจะยังมีห้องว่างอยู่อีกห้อง  แต่มันเป็นของหวังซีซี  วันหนึ่งเธอก็ต้องกลับห้องของเธอ  ตอนนี้พวกเขาสามคนยังพักอยู่ด้วยกัน  แต่ก็มีบางวันที่ลู่หยวนกับหวงเจียฮุยอยากจะอยู่กันตามลำพัง

ถึงแม้โฮวตงจะไม่ชอบใจกับการจัดการแบบนี้  เขาก็ต้องตกลง

“แล้วก็  ฉันต้องบอกนายก่อนว่าทุกคนที่นี่เท่าเทียมกัน  ดังนั้นอย่าพยายามอวดเก่ง”  ลู่หยวนเตือนเขา  เขายังไม่รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ดีพอ

ทุกคนมองเขาอย่างตกใจ

หลินเสี่ยวจียืดอกขึ้นแล้วพูดว่า  “ผมจะไม่รังแกพวกเขาครับ”

ลู่หยวนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร  ผู้รอดชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วเกือบทุกคนทำท่าทางแบบนั้น  พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นความสำเร็จที่พิเศษ  บางครั้งเขาก็รู้สึกอย่างเดียวกัน  แต่เขาเก็บซ่อนมันไว้ได้ดี  หลังจากนั้นครู่หนึ่ง  หวงเจียฮุยก็ออกมาจากในครัวพร้อมเนื้อดิบจานใหญ่

“ฉันแน่ใจว่าทุกคนคงอิจฉาคนที่มีพลังพิเศษพวกนั้น  กุญแจในการได้รับพลังพิเศษนั้นเป็นความลับที่รู้กันดีอยู่แล้ว  พวกเธอส่วนใหญ่คงเคยได้ยินมาแล้ว”  ลู่หยวนพูด

หลังจากหวงเจียฮุยวางจานลง  ลู่หยวนก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากแล้วกลืนมันลงไป  ยกเว้นอวัยวะภายในแล้ว  เนื้อส่วนที่เหลือของสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสามนั้นเหนียวเหมือนหนังวัว  ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่กลืนมันลงไป

เขาวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า  “เนื้อของสัตว์กลายพันธุ์ที่เหนือกว่าขั้นสองขึ้นไปเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการวิวัฒนาการ  นี่คือเนื้อของสัตว์กลายพันธุ์ขั้นสาม  แค่นั้นแหละ  ช่วยตัวเองกันนะ”

ในช่วงเวลาแห่งความโกลาหลวุ่นวายนี้  แม้กระทั่งเด็กผู้หญิงก็ยังพยายามฝึกตัวเองให้แข็งแกร่ง  ลู่หยวนลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไปนอกบ้าน  เขาไม่อยากดูภาพอันน่าสะอิดสะเอียนของคนที่กินเนื้อดิบเป็นครั้งแรก  ที่จริงแล้วมีหลายคนที่อาเจียนออกมา  และห้องนั่งเล่นทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นที่น่าขยะแขยง  ไม่กี่นาทีต่อมา  ใครบางคนก็กรีดร้องและหวงเจียฮุยก็วิ่งออกมาจากบ้านเพื่อเรียกลู่หยวน

“เกิดอะไรขึ้น?”  ลู่หยวนถาม

“หนิงเสี่ยวหลานเป็นลม  ตัวเธอร้อนมากเลย”  หวงเจียฮุยตอบ

“ให้ฉันดูซิ”  ลู่หยวนตกใจ

เขารู้สึกหดหู่  เมื่อเขาเป็นคนที่กินเนื้อเข้าไปมากที่สุด  แต่เขายังไม่วิวัฒนาการเลย  อย่างไรก็ตาม  นี่เป็นเรื่องที่ดี  มีผู้รอดชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนย่อมดีกว่ามีภาระเพิ่มหนึ่งคน

รีวิวผู้อ่าน