เรื่อง : ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ตอนที่ 18 ความตื่นตกใจของเฟิ่งเฉาหยาง
เขาหันกลับมามองผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างแทบไม่อยากเชื่อสายตา
“เหตุใดเจ้าจึงยังอยู่ที่นี่ ?”
“อ้าว หากข้าไม่อยู่ที่นี่ ข้าควรอยู่ที่ใดกันเล่า ? เห็นทีภาระผู้นำตระกูลของท่านคงหนักหนาจนเกินไป กระทั่งความจำของท่านยังย่ำแย่ ในวันนี้ควรเป็นวันสมรสของข้ามิใช่หรือ ?”
เฟิ่งฉู่เกอกล่าวติดตลก
แน่ชัดว่าเฟิ่งฉู่เกอล่วงรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทั้งถ้อยคำที่เอ่ยกล่าวยังคล้ายจงใจจะตอกย้ำ
เฟิ่งเฉาหยางหน้าซีดเผือดในทันที
หากสตรีที่อยู่ในเกี้ยวมิใช่นาง…เช่นนั้น…ย่อมเหลือเพียง…
เขารีบวิ่งเข้าไปสำรวจในห้องของเฟิ่งเฉียนเสวี่ย ทว่ากับไม่พบเจอแม้เพียงเงาของบุตรสาว
“เป็นฝีมือของเจ้า ! ใช่หรือไม่ ?”
เฟิ่งเฉาหยางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ประหนึ่งอยากจะขุดหลุมฝังนางทั้งเป็นลงตรงนี้ให้จงได้
รอยยิ้มเยาะหยันค่อย ๆ ขยับยกเหนือมุมปากของหญิงสาว
“สวะไร้ค่าจะทำสิ่งใดได้ ? เห็นทีตระกูลเฟิ่งจะประเมินข้าสูงส่งไปเสียกระมัง นี่ ท่านผู้นำตระกูล เหตุใดยามนี้ใบหน้าของท่านจึงบิดเบี้ยวน่าเกลียดน่ากลัวเยี่ยงนี้ ในวันนี้มิใช่วันออกเรือนของบุตรสาวท่านกระนั้นหรือ ? ตระกูลอวิ๋นนับเป็นตระกูลมั่งคั่งใหญ่โตแห่งเทียนฉี ยังไม่สมใจท่านอีกกระนั้นหรือ ?”
เฟิ่งเฉาหยางกำหมัดแน่น ยามนี้เขาโกรธเกรี้ยวขึ้นมาแล้วจริง ๆ
นับแต่เฟิ่งฉู่เกอกลับมา เขาก็รู้สึกได้ว่าเรือนตระกูลเฟิ่งกลับได้พบเจอแต่หายนะ กระทั่งเขายังต้องกลายเป็นตัวตลกในมือของเฟิ่งฉู่เกอ
ความอัปยศอดสูที่เขาต้องกล้ำกลืนตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราดเดือดดาลอย่างเหลือแสน
ความเดือดดาลของเขาถึงที่สุด กระทั่งคิดจะจบชีวิตของสาวน้อยผู้ยืนลอยหน้าอยู่เบื้องหน้าให้จงได้ ! !
“คิดหรือว่าครานี้เจ้าจะมีโอกาสหลุดรอด ! สาวใช้ของเจ้ามิได้อยู่ที่นี่ ข้าจะบดขยี้สวะไร้ค่า กำจัดภัยร้ายของตระกูลให้สิ้นซาก !”
“บดขยี้ข้า ?”
นางเลิกคิ้วทวนคำอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาที่ล้ำลึกคู่นั้นทิ่มแทงใส่เฟิ่งเฉาหยาง ริมฝีปากแดงระเรื่อค่อย ๆ เผยอรอยยิ้มเหน็บหนาวที่แสนเย็นยะเยือก ขณะถ้อยคำของนางถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“อย่างเจ้า กระนั้นหรือ ?”
เพียงสิ้นคำกล่าว ร่างของเฟิ่งฉู่เกอพลันเปล่งประกายวูบ ขุมพลังขนาดมหึมาแตกระเบิดออกจากทั่วทุกอณูบนร่าง !
คลื่นพลังหนาแน่นของสองยอดฝีมือพุ่งปะทะกันอย่างรุนแรง บังเกิดเสียงดังกึกก้องทั่วชั้นบรรยากาศ ฝุ่นควันสีขาวตลบฟุ้งในตำแหน่งที่คนทั้งสองยืนอยู่
หากทว่าฝ่าเท้าทั้งสองของเฟิ่งเฉาหยางกลับรูดถอย กระทั่งฝ่าเท้าข้างหนึ่งทิ้งร่องรอยลึกไว้เหนือผืนดิน
เขายกมือขึ้นกุมอกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงปะทะเมื่อครู่
หากทว่าความตื่นตระหนกที่เห็นพลังยุทธของเฟิ่งฉู่เกอสามารถสยบทุกความเจ็บปวดทั้งหมดในร่าง
เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นเพ่งมองสตรีผู้ยืนตระหง่านเบื้องหน้า…
“เจ้า…เจ้ามิใช่ผู้พิการ !!”*
*ผู้พิการสำหรับผู้ฝึกวรยุทธหมายถึงผู้ไร้สิ้นพลังวัตร มิอาจฝึกวรยุทธได้ตลอดชีวิต
“ข้าคือผู้พิการ คือตัวไร้ค่า…นั่นมิใช่สิ่งที่พวกเจ้าเรียกขานข้ากระนั้นหรือ ? ในเมื่อพวกเจ้าชอบเรียกเช่นนั้น ข้าย่อมต้องน้อมรับ แม้มิได้นิยมสักเท่าใดนัก เพราะถึงจะอย่างไร นามเรียกขานคงมิจำเป็นต้องแปรเปลี่ยนผกผันไปตามพลังวัตร”
นางยกมือขึ้นลูบผม ปัดฝุ่น ขณะกล่าววาจาได้ยอกย้อนมิหยุดปาก
ยามนี้ในแววตาของเฟิ่งเฉาหยางมีเพียงความหวาดกลัวและหวั่นใจ
นางคือสวะไร้ค่าแต่ที่ใด ?
เห็นได้ชัดว่าวรยุทธของนางสูงส่งกว่าเขา !!
ยามนี้เฟิ่งเฉาหยางคือผู้มีพลังวัตรขั้นกลางแห่งปราณยอดยุทธ นั่นย่อมหมายความว่า เฟิ่งฉู่เกอคือผู้มีวรยุทธสูงกว่าปราณยอดยุทธ
อาจเหนือปราณปรมาจารย์ หรืออาจถึงระดับปราณหยั่งรู้ หรืออาจสูงส่งยิ่งไปกว่า…
เพียงเริ่มตระหนัก เฟิ่งเฉาหยางก็เริ่มใจหายวาบ
วรยุทธที่สูงส่งถึงเพียงนี้ นางจะเป็นสวะไร้ค่าได้แต่ที่ใด ?
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเขานี้คืออัจฉริยะ !!
“เจ้ามิใช่สวะไร้ค่า ! มิใช่ผู้ไร้ค่า…”
มิรู้ว่ายามนี้เฟิ่งเฉาหยางกำลังคิดสิ่งใดเขาจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฉู่เกอ มาเถิด เป็นบิดาผิดต่อเจ้าเอง หากเจ้ากลับมาอยู่ร่วมตระกูลพวกเราอีกครา บิดาให้คำมั่นว่าจะมอบสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในตระกูลให้แก่เจ้า”
***จบตอน ความตื่นตกใจของเฟิ่งเฉาหยาง***