1370 วันที่แล้ว
สนุก
หากทายาทตระกูลเฟิ่งคืออัจฉริยะผู้มีวรยุทธสูงส่งถึงเพียงนี้สถานภาพในเมืองเทียนฉี ตลอดถึงฐานะอันมั่นคงบนแผ่นดินย่อมจะต้องตามมาอย่างมิต้องสงสัย
เฟิ่งฉู่เกอตระหนักซึ้งถึงความหน้าหนาไร้ยางอายของเฟิ่งเฉาหยางผู้นี้มานาน เพียงไม่คาดคิดว่าจะหนังหนาไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้
ยามเมื่อนางคือผู้ไร้ค่า เขามุ่งหมายคิดสังหาร
หากแต่ยามนี้ ที่นางมิได้อยู่ในสภาพผู้พิการไร้ค่าอีกต่อไป เขากลับพยายามเกลี้ยกล่อมหาทางพิชิตใจนาง
เพียงคำเดียวที่สามารถให้คำจำกัดความแก่คนเยี่ยงนี้ได้ก็คือ
‘ยอดชายนายหน้าทนเหนือปฐพี’
เฟิ่งฉู่เกอทิ้งหางตามองอีกฝ่ายด้วยอาการเหยียดหยัน
“นายใหญ่ตระกูลเฟิ่งเห็นจะเป็นผู้มากอารมณ์ขัน ข้ามีบิดาเยี่ยงท่านตั้งแต่เมื่อไร ?”
นับแต่ถูกเฟิ่งเฉาหยางขับออกจากเรือน ถูกลบชื่อออกจากตระกูลเฟิ่ง เฟิ่งฉู่เกอก็ตัดขาดสายสัมพันธ์กับตระกูลนี้อย่างสิ้นเชิงไปแล้ว
เหตุผลเดียวที่นางกลับคืนสู่เรือนตระกูลเฟิ่ง ล้วนเพียงเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ร่างนี้ ทวงคืนสมบัติตลอดถึงข้าวของทุกสิ่งอันสมควรเป็นของเฟิ่งฉู่เกอ
คนเยี่ยงนางไม่เคยยอมให้ผู้ใดเอาเปรียบ !
ในครานั้น เฟิ่งเฉาหยางไม่เพียงมิได้ออกหน้าปกป้อง เขายังขับไล่ไสส่งเฟิ่งฉู่เกอออกจากเรือนอย่างเหี้ยมโหดไร้ไมตรี
หากทว่ายามนี้ เมื่อเฟิ่งเฉาหยางล่วงรู้ว่าเฟิ่งฉู่เกอคืออัจฉริยะผู้มีอนาคตไกล ไหนเลยเขาจะปล่อยโอกาสงามให้หลุดลอย
หากเขาล่วงรู้สิ่งนี้แต่แรก ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด เขาย่อมไม่มีทางขับไล่ไสส่งนางเช่นนั้น
“ฉู่เกอ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนผิดที่บิดา บิดาจะโขกศีรษะขอขมาต่อเจ้า---”
หญิงสาวทิ้งกายเอนพิงไปด้านหลัง
“โขกศีรษะขอขมาเพื่อประโยชน์ใด ?”
นางคว้ากระดาษชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ
“เบิ่งตาดูนี่ รายการทั้งหมดนี้คือสมบัติของมารดาข้า ยามนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะต้องมอบสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดคืนให้แก่ข้าแล้ว อีกสองวันให้หลัง หวังว่าข้าจะได้เห็นสมบัติทั้งหมดที่อยู่ในรายการ หากชิ้นใดแตกหักเสียหาย จงชดใช้คืนด้วยเงินหรือทอง ทว่าหากอีกสองวัน ข้ามิได้เห็นสิ่งของในรายการทั้งหมดนี้ ข้าย่อมมีอีกหนทางเป็นทางเลือกให้แก่เจ้า…”
กล่าวจบ นางก็โยนกระดาษแผ่นนั้นลงตรงหน้า
“เฟิ่งเฉาหยาง เจ้าควรรู้ไว้ด้วยว่าข้าเป็นคนพูดจริงทำจริง”
นางทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะหันหลังจากไป…
ขณะที่กำลังจะก้าวจากไปนั้น คล้ายนางนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ สองคิ้วเรียวงามขยับยก พร้อมเสียงหัวเราะดังกระทั่งตัวโยก
“อ้อ ! จริงสิ ค่ำคืนนี้กระทั่งรุ่งเช้าวันพรุ่ง ที่เรือนตระกูลอวิ๋นคงครึกครื้นมิน้อย คาดว่าตระกูลเฟิ่งควรได้ร่วมสุขสันต์ ท่านผู้ซึ่งเป็นนายใหญ่แห่งตระกูลเฟิ่งคงตระเตรียมทุกสิ่งไว้พร้อมแล้วกระมัง…”
ริมฝีปากแดงระเรื่อยกโค้งขึ้นด้วยความสะใจ นางมิได้กล่าวถ้อยคำใดต่อ ฝ่าเท้าเรียวบางยังคงขยับยกอย่างนุ่มนวล เพื่อมุ่งหน้ากลับเรือนน้อยสายนที...
เฟิ่งเฉาหยางผู้ยังคงนิ่งค้างอยู่กับที่ ค่อย ๆ หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา เพียงเห็นรายการสมบัติที่ถูกลงบันทึกไว้ เขากลับต้องสูดหายใจเฮือก
ในอดีต องค์หญิงเจี้ยนเต๋อคือขนิษฐาที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานเหนือผู้ใด ครั้งที่นางแต่งเข้าตระกูลเฟิ่ง พระองค์ทรงพระราชทานทรัพย์สมบัติมหาศาล เพื่อเป็นสินเดิมเจ้าสาวติดตัวนาง
หากทว่า องค์หญิงเจี้ยนเต๋อสิ้นพระชนม์ไปกว่าเก้าปีแล้ว
ตลอดช่วงเก้าปีที่ผ่านมา อัญมณีตลอดถึงเครื่องประดับทั้งหลายของนางจึงถูกปันให้แก่ฮูหยินรอง ทั้งเงินทอง เขาก็นำออกมาใช้จับจ่ายกระทั่งแทบไม่เหลือ
เพียงคิดว่าหากไม่สามารถรวบรวมเงินทอง ตลอดถึงสมบัติทั้งหมดให้ได้ภายในสองวัน เฟิ่งฉู่เกอจะจัดการเขาอย่างแน่นอน หยาดเหงื่อเย็นพลันไหลพรากท่วมใบหน้าของเฟิ่งเฉาหยางในทันที
เขาเชื่อว่านางจะทำตามที่กล่าวไว้จริง ๆ
นางทำลายโฉมของเฟิ่งชิงหว่าน ลงมือกับฮูหยินรอง ทั้งยังจับเฟิ่งเฉียนเสวี่ยยัดใส่เกี้ยวเจ้าสาว ยังจะมีสิ่งใดที่นางไม่สามารถกระทำได้อีกกระนั้นหรือ ?
หากสมบัติที่อยู่ในรายการถูกตีค่าด้วยเงินทองย่อมมีมูลค่าหลายล้านตำลึง
เขามีตำลึงมากมายถึงเพียงนั้นเสียเมื่อไร…
นายใหญ่แห่งตระกูลเฟิ่งยืนทื่อแข็งค้าง สองมือที่ถือกระดาษสั่นระริกไม่หยุดยั้ง
***จบตอน ฉู่เกอคืนกลับ***
สนุก