1380 วันที่แล้ว
แก่แล้วยังมารังแกเด็ก
“อาเฉินต้องการเติบใหญ่…”
สองตาของเฟิ่งฉู่เกอหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
สามดรุณีน้อยทางด้านหลังได้ฟังเช่นนั้นถึงกับตาโตด้วยความตกใจ
“คุณหนู เพียงสมุนไพรเหล่านี้ จะสามารถทำให้เด็กน้อยสามารถเจริญวัยเติบใหญ่ได้เชียวหรือเจ้าคะ ?”
ทั้งจื่อหลาน ปี้หลัวและลวี้จูต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยท่าทีงุนงง
และก็เป็นเช่นนั้นจริง สินค้าทั้งสองมีการแข่งขันประมูลกระทั่งราคาถูกถีบโด่งจนสูงลิบ กระนั้น เฟิ่งฉู่เกอก็ยังคงประมูลซื้อสมุนไพรทั้งสองมาด้วยราคาสูงถึง 1.4 ล้านตำลึงเงิน
จำนวนเงิน 1.4 ล้านตำลึงเงินนี้สามารถเทียบเท่ารายได้ทั้งปีของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง ทั้งยังเป็นรายได้ทั้งไตรมาสจากการค้าภายใต้การดูแลของหอสวรรค์*
*หอสวรรค์ก็คือสถานที่ซึ่งเฟิ่งฉู่เกอพักอาศัยก่อนจะกลับคืนเรือนสกุลเฟิ่ง
การประมูลกินเวลากว่าค่อนวัน กว่าทุกคนจะเดินทางกลับเรือน ท้องนภาก็เริ่มมืดสลัวย่ำค่ำ
เมื่อรัตติกาลแผ่ครอบครองผืนปฐพี จันทร์กระจ่างเต็มดวงพลันลอยส่องสว่างกลางห้วงเวหา
แสงจันทราทอประกายตกต้องสะท้อนก้อนกรวดแผ่นหินที่ปูลาดตามทางก่อให้เกิดประกายแวววาวระยิบระยับ
เฟิ่งฉู่เกอคิดจะออกจากเรือนสกุลเฟิ่งก็ต่อเมื่อนางสามารถทวงคืนสมบัติทั้งหมดของตนกลับคืนมาได้ เช่นนั้นนางย่อมต้องรั้งอยู่ในเรือนน้อยสายนทีอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
หากทว่าเพียงก้าวเข้าสู่เรือนตระกูลเฟิ่ง สองคิ้วของเฟิ่งฉู่เกอกลับต้องขมวดมุ่น กระทั่งหน้าผากแทบจะยุ่งย่น
ค่ำคืนนี้เงียบสงัดวังเวงจนน่าฉงน
ร่างของคนจำนวนสี่คนเหาะเหินกลางเวหาก่อนจะร่อนลงกลางลานเรือนตระกูลเฟิ่ง
ทันทีที่พวกเขาทั้งสี่จรดฝ่าเท้านิ่งสนิทลงบนแผ่นพื้น ขุมพลังอันหนาแน่นหลั่งล้นพลันแผ่ออกกดดัน
เมื่อหันกลับเหลียวมอง ทุกคนจึงเห็นชายชราในอาภรณ์สีขาวสะอาดตาลอยคว้างอยู่กลางเวหา…
“เจ้าคือเฟิ่งฉู่เกอกระนั้นหรือ ?”
เสียงของชายผู้นั้นดังอู้อี้ในลำคอ
หากทว่าสุ้มเสียงที่ทุ้มต่ำแผ่วเบาของเขากลับแฝงไว้ด้วยคลื่นพลังที่แทรกผ่านอากาศตรงเข้ากระเทือนถึงโสตประสาทของเฟ่งฉู่เกอโดยตรง
กระทั่งจื่อหลานผู้มีวรยุทธสูงสุดในบรรดาหญิงรับใช้ทั้งสาม ยังมิอาจทนคลื่นพลังที่กดอัดของชายผู้นี้
เฟิ่งฉู่เกอแผ่คลื่นพลังออกห่อหุ้มสตรีทั้งสามทันทีที่เห็นปฏิกิริยาของหญิงรับใช้ข้างกาย
“รีบหนีไป !”
แม้พวกจื่อหลานจะไม่ต้องการหลีกหนีเอาตัวรอด ทว่าผู้เป็นนายกลับยกมือซัดพลังอัดกระแทกใส่ม่านพลังผลักพวกนางทั้งสามออกจากสถานที่แห่งนั้นในทันที
เฟิ่งฉู่เกอคาดคำนวณได้ว่าชายชราผู้นี้มุ่งหมายเอาชีวิตของนาง !
หากพวกจื่อหลานยังคงดึงดันอยู่ร่วมต่อสู้กับนาง เกรงว่าสิ่งที่พวกนางต้องเผชิญล้วนมีเพียงความตาย
วรยุทธของชายชราผู้นี้สูงส่ง กระทั่งนางยังมิใช่คู่ประมือ
“เจ้าคือผู้ใด ?”
เฟิ่งฉู่เกอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ชายชราผู้นั้นเพียงกรอกตากลับมาจ้อง
“สาวน้อย การกระทำของเจ้าไม่คู่ควรกับการเป็นคุณหนูตระกูลเฟิ่ง ยามนี้เจ้ากำลังตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลเฟิ่ง เจ้าไม่ต้องการชีวิตของตนแล้วกระนั้นหรือ ? จุ๊ จุ๊ จุ๊… ช่างน่าเสียดาย พลังต้าหวูจงในตัวเจ้า”
รูม่านตาของเฟิ่งฉู่เกอหดรัดทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของอีกฝ่าย
นางไม่คาดคิดว่าเฒ่าผู้นี้จะมองวรยุทธของตนได้อย่างทะลุปรุโปร่งถึงเพียงนี้
หากทว่า เฟิ่งฉู่เกอย่อมสามารถคาดเดาฐานะของชายชราผู้นี้ได้ในทันทีเช่นกัน
เบื้องหลังตระกูลใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลบนแผ่นดินเทียนฉี คือสี่ปรมาจารย์ลึกลับผู้ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้วรยุทธของพวกเขา
บ้างร่ำลือว่าพวกเขาคือยอดปรมาจารย์แห่งเทียนตี้ฝู่ บ้างกล่าวขานกันว่าพวกเขาทั้งสี่คือกลุ่มนักพรตผู้บำเพ็ญเพียร
เฟิ่งฉู่เกอจ้องชายชราเบื้องหน้าอย่างไม่วางตา นางมั่นใจว่าเฒ่าผู้นี้คือผู้ค้ำจุนสนับสนุนตระกูลเฟิ่ง
เมื่อเฟิ่งเฉาหยางถูกนางบีบคั้นกระทั่งถึงทางตัน จึงจำต้องร้องขอความช่วยเหลือจากยอดฝีมือผู้อยู่เบื้องหลัง
***จบตอน อาเฉินเติบใหญ่***
แก่แล้วยังมารังแกเด็ก