
1819 วันที่แล้ว
ใจเย็นๆคนสวย
เพียงได้ยินว่าสตรีผู้นี้ระคายสายตาผู้เป็นนาย จื่อหลาน และสองสาวจึงช่วยกันดีดฮูหยินรองออกนอกเรือนในทันที
เมื่อทุกคนต้องระเห็จออกนอกเรือน ทั่วอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่จึงกลับเข้าสู่ความสงบเงียบเรียบร้อยดังเดิม
หลังจากสามารถประมูลสมุนไพรล้ำค่าไหลพันใบ และวารีร้อยพลิกผันจากหอคลังสมบัติมาได้ หอสวรรค์ก็ใช้อำนาจ และเส้นสาย เพื่อควานหาสมุนไพรหนอนไหมโลหิตเยือกแข็งได้สำเร็จ
ที่สุดสมุนไพรทั้งห้าที่อาเฉินต้องการล้วนถูกรวบรวมมาได้อย่างครบถ้วน
สมุนไพรในการปรุงกลั่นโอสถถูกเตรียมพร้อมตามความต้องการ หากทว่า เพียงสิ่งเดียวที่ไม่เคยได้ยินจากปากของอาเฉินก็คือ ระดับขั้นของปรมาจารย์โอสถผู้จักต้องใช้ในการปรุงกลั่นโอสถชุดนี้
เฟิ่งฉู่เกอเก็บตัวอยู่เพียงในห้องตลอดห้าวันห้าคืน เพื่อศึกษาองค์ประกอบตลอดถึงสัดส่วนตัวยา
ทั้งในช่วงห้าวันดังกล่าว ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กำลังบังเกิดขึ้น
ทั้งการเปลี่ยนแปลงในครานี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับเฟิ่งฉู่เกอโดยตรง…
หากทว่าผู้ต้องหากลับมิได้รู้เนื้อรู้ตัว เนื่องจากยามนี้ นางกำลังขลุกอยู่กับการปรุงโอสถชุดพิเศษที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง
กระแสวิพากษ์วิจารณ์โหมกระพือไปพร้อมแรงลมราวพายุบ้าหมู ที่แปรเปลี่ยนทิศทางตลอดช่วงระยะเวลาห้าวันที่ผ่านมานี้
สิ่งที่ชาวบ้านร้านตลาดชื่นชอบยิ่งกว่าเข้าบ่อนจมไหสุรา ก็คือการได้ปากยื่นปากยาวซุบซิบนินทาเรื่องอื้อฉาวคาวโฉดของพวกผู้รากมากดีทั้งหลาย
และแน่นอนว่า ยามนี้จะมีสิ่งใดสนองฝีปากทุกคนได้ดียิ่งไปกว่าเรื่องราวข่าวระทึกในเรือนตระกูลเฟิ่ง
เป็นที่แน่นอนอีกเช่นกันว่า ชื่อเสียงของเฟิ่งฉู่เกอถึงขั้นเลื่องลือกระฉ่อนราวดอกไม้ไฟลูกโตในวันตรุษจีน
“ไอหย่า ! ว่ากระไรนะ ? เฟิ่งฉู่เกอกระนั้นหรือ ? นามนี้คุ้นหูข้ายิ่งนัก”
ทั่วตรอกซอกซอยคึกคักไปด้วยชาวบ้านที่พร้อมเป็นผู้รับฟัง และผู้ร่วมเสริมความเร้าใจกระพือความตื่นเต้นให้เรื่องราวที่ทุกคนต่างได้ฟังแล้วต้องคันปากยุบยิบ
“เฟิ่งฉู่เกอ มิใช่ลูกคุณหนูที่ถูกเฉดหัวออกจากตระกูลเฟิ่งไปเมื่อหกปีก่อนกระนั้นหรือ ? ไม่คิดเลยว่าคุณหนูไร้ค่าผู้นั้นจะกลับมาทวงคืนตำแหน่งเจ้าเรือนตระกูลเฟิ่งแล้ว…”
“สงสัยเฟิ่งฉู่เกอคงอดทนเก็บกดเป็นเวลานานตลอดหกปีที่ผ่านมา นางจึงกลับมาแก้เผ็ดทุกคนให้สาแก่ใจในครานี้ ”
“หรือจู่ ๆ เฟิ่งฉู่เกอก็กลับมีพลังยุทธขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หากนางไร้สิ้นพลังยุทธจริง เหตุใดจึงสามารถล้มยอดฝีมือเยี่ยงเฟิ่งเฉาหยางได้เล่า ?”
*****
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนคือข้อพิสูจน์ว่าจินตนาการของมนุษย์ไร้ขอบเขตจำกัดอย่างแท้จริง
ด้วยความขะมักเขม้นในการร่วมกันเสริมความร้อนแรงให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น อีกทั้งยังเติมความใส่ใจอย่างแรงกล้าของเหล่าชาวเมืองเทียนฉี วีรกรรมอันน่าทึ่งของเฟิ่งฉู่เกอจึงกระฉ่อนไปทั่วทุกหัวระแหง ทุกตรอกซอกซอยน้อยใหญ่ กระทั่งสามารถยกระดับขึ้นเป็นบทสนทนาเพิ่มความครื้นเครงให้ทุกครัวเรือนยามตั้งโต๊ะร่วมวงรับประทานอาหาร
ไม่มีแห่งหนตำบลใดที่ชื่อเสียงเรียงนามของผู้กล้าเฟิ่งฉู่เกอจะคืบคลานไปไม่ถึง กระทั่งยามนี้นาม เฟิ่งฉู่เกอ ได้กลับกลายเป็นนามที่ได้รับการกล่าวขานเอ่ยถึงสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดิน
ชื่อเสียงอันเลื่องลือระบือไกลแทรกผ่านเข้าไปถึงประตูวังหลวง…
ในวันนี้ ฮ่องเต้เหอเหลียนชิงแห่งแผ่นดินเทียนฉี พระเชษฐาร่วมสายโลหิตกับมารดาของเฟิ่งฉู่เกอ ได้ร่างราชโองการส่งตรงถึงเรือนตระกูลเฟิ่งในทันทีเช่นกัน
หากทว่ายามนี้ เฟิ่งฉู่เกอคนดังแห่งเทียนฉีกำลังง่วนอยู่กับการปรุงโอสถเป็นพัลวัน กระทั่งไม่รู้เรื่องราวความวุ่นวายที่ร้อนระอุด้านนอก
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ วังหลวงส่งคนมาเจ้าค่ะ”
จื่อหลานส่งเสียงเรียกหาผู้เป็นนายด้วยอาการกระวนกระวายใจ
“ให้รอไปก่อน”
เฟิ่งฉู่เกอกำลังใช้สมาธิกับการจัดแบ่งสัดส่วนสมุนไพร เพื่อประกอบการปรุงโอสถอย่างใจจดใจจ่อ
แม้สมุนไพรเหล่านี้จะไม่อาจเสริมส่งให้เด็กน้อยเจริญวัยกลับกลายเป็นชายหนุ่มเพียงชั่วพริบตา ทว่าหากนางประกอบยาด้วยสัดส่วนที่เหมาะสม ใช้ความร้อนคงที่ ผนวกกับพลังวัตรในร่าง ย่อมสามารถส่งผลให้ได้สรรพคุณเกิดประโยชน์ดีเยี่ยมกับร่างกาย !
“ราชโองการจากวังหลวงเจ้าค่ะ ดูเหมือนจะเป็นเทียบเชิญให้คุณหนูเข้าวังนะเจ้าคะ…”
จื่อหลานยังคงร้องตะโกนบอก ทว่าเพียงครู่ น้ำเสียงของนางกลับขาดช่วงไป
จื่อหลานย่อมรู้จักนิสัยของเฟิ่งฉู่เกอเป็นอย่างดี…
และเป็นดังที่นางคาดคิด ภายในห้องที่เงียบกริบมาโดยตลอด เสียงคำรามในลำคอของผู้เป็นนายพลันดังแทรกความเงียบสงัดขึ้นมา
“จื่อหลาน !! หากข้าได้ยินเสียงของเจ้าอีกแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะออกไปเย็บปากของเจ้าเสีย !!”
ที่เฟิ่งฉู่เกอเกลียดอย่างที่สุด ก็คือการถูกขัดแทรกวุ่นวายระหว่างขั้นตอนการปรุงโอสถ
***จบตอน คุณหนูเฟิ่งผู้เลื่องลือกระฉ่อน***
ใจเย็นๆคนสวย