px

เรื่อง : บัญญัติครองสวรรค์
บทที่ 15 : ระฆังสังสารวัฏ (2)


เหง่งหง่าง ...

 

ฝางซิงตีระฆังจนครบสามครั้งแล้วจึงหยุดยืนเงียบ ๆ เขาอดทนรอให้คนในสำนักมานำตัวเขาไป

 

"ระฆังดังขึ้นอีกครั้งแล้ว มีนักพรตน้อย ฝึกฝนพลังลมปราณได้อีกแล้วหรือนี่ ?"

 

"ข้าสงสัยว่า เขาเป็นใคร เป็นคนที่มีพรสวรรค์ หรือเพียงแค่คนโชคดีคนหนึ่งเท่านั้น"

 

เสียงระฆังดังก้องกังวาลไปทั่วสำนักชิงหยุน รบกวนพวกที่กำลังงีบหลับ บางคนก็รู้สึกสนใจ บางคนก็หัวเราะเยาะเย้ย และบางคนก็เพิกเฉยแล้วกลับไปนอนต่อ

 

เพียงไม่กี่วินาที ฝางซิงก็เห็นเงาหนึ่งเหาะมายังศาลา ชายร่างผอมที่มีผิวพรรณดีสวมเสื้ออาภรณ์สีฟ้าเครื่องแบบของสำนัก ผมของเขาถูกจัดอย่างประณีตรวบไว้ด้วยคลิปกลัดผมที่ทำจากไม้ ทำให้เขาดูโฉบเฉี่ยวไม่เข้ากับใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเขาเลย

 

ชายหนุ่มเดินขึ้นไปหาฝางซิง มองสำรวจฝางซิงจากหัวจรดเท้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า "เจ้าเป็นคนตีระฆังงั้นรึ ? เจ้าชื่ออะไร ?"

 

"เรียน.. ศิษย์พี่ ชื่อของข้าคือฝางซิง ข้าเป็นนักพรตน้อยจากสวนโอสถระดับ C ข้ายินดีที่ได้พบท่าน" ฝางซิงตอบอย่างสุภาพไม่เหมือนตัวตนปกติของเขา เขารับรู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้านั้นได้บรรลุขั้นลมปราณที่ 4 แล้ว ผ่านทางตำราวิวรณ์

 

"ดี...งั้นเจ้าจงมากับข้า" ชายหนุ่มพึงพอใจกับมารยาทของฝางซิง เขาพยักหน้าก่อนที่จะคว้าแขนของฝางซิงเหาะต่อไปยังอีกที่หนึ่ง

 

ด้วยความเร็วที่สูงมากจนฝางซิงรู้สึกได้ถึงลมหนาวเย็นยะเยือกบาดผิวหน้าของเขา ขณะที่ชายร่างผอมดึงเขาเหาะไปพร้อมกัน

 

'ทำบ้าอะไรเนี่ย ? อยากโชว์ล่ะสิ” ฝางซิงนึกในใจ แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็สามารถใช้พลังลมปราณเพื่อป้องกันลมได้

 

หลังจากนั้น ฝางซิงก็ใช้พลังลมปราณ เขาจึงสามารถลืมตาได้อีกครั้ง พวกเขาเดินทางด้วยความเร็วเป็นพิเศษผ่านยอดเขาสูงเจ็ดยอดของสำนัก

 

"ผู้อาวุโสเกา ข้าพาเขามาที่นี่แล้ว" ชายร่างผอมหยุดลง แล้วป้องมือของเขาทำความเคารพ ขณะที่เดินไปยืนอย่างสุภาพอยู่หน้าอาศรม

 

"ให้เขาเข้ามา" เสียงผู้สูงอายุสั่ง พลันประตูก็เปิดออก ชายร่างผอมผลักดันฝางซิงเล็กน้อยจนเขาเซถลาเข้าไปในห้อง

 

“เฮ้ย ! กล้าดียังไงมาผลักข้า.." ฝางซิงเผลอด่าเสียงดังโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่จะรู้สึกว่าถูกจ้องมองอยู่

 

"เจ้าฝึกฝนพลังลมปราณด้วยวิธีใด ?" ผู้สูงอายุกล่าวขึ้นอีกครั้ง แต่ว่า..ครานี้เสียงนั่นราวกับดังตรงสู่สมองของเขา

 

ฝางซิงหันหลังกลับไปเห็นชายชราธรรมดา ๆ ที่มีริ้วรอยทั่วทั้งใบหน้า ผมสีขาวของเขายาวประบ่าสองข้าง มันถูกจัดไว้อย่างประณีต แสงสว่างยามเช้าส่องให้เห็นใบหน้าซีกหนึ่งของเขาที่สว่างสดใส ส่วนอีกด้านซ่อนไว้ในเงามืด ขณะที่ฝางซิงมองไปยังดวงตาของเขา ดวงตาคู่นั้นของเขาไม่เหมือนกับชายวัยเดียวกัน มันสุกใสดูเฉียบคมราวกับสามารถมองทะลุผ่านได้ เหมือนไม่มีสิ่งใดจะสามารถปิดบังซ่อนเร้นเขาได้ แม้คำโกหกสักครึ่งคำ

 

“เอ่อ ? ข้าไม่สามารถประเมินขั้นการฝึกฝนของเขาได้” ฝางซิงพยายามแอบประเมินชายชรา หากแต่ก็พบว่า ตำราวิวรณ์ไม่สามารถหยั่งรู้ข้อมูลใด ๆ จากเขาได้

 

เมื่อมีการเปิดใช้ตำราวิวรณ์เพื่อการประเมิน จำเป็นต้องใช้พลังลมปราณเข้าร่วมด้วยจำนวนเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตรวจวัดค่าของผู้คน ยิ่งขั้นการฝึกฝนสูงขึ้น ปริมาณพลังลมปราณที่ต้องการก็จะยิ่งสูงขึ้นด้วย ในกรณีนี้แม้ว่าฝางซิงจะใช้พลังลมปราณทั้งหมดที่สะสมไว้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะประเมินชายชราคนนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ชายชราคนนี้สูงส่งเกินกว่าที่ฝางซิงจะสามารถหยั่งรู้ได้

 

"ข้า...ข้ากินหญ้าฮั่วจิงเฉ่า" ฝางซิงตัดสินใจที่จะบอกความจริง ด้วยเข้าใจว่าชายชราจะต้องรู้แน่หากเขาโกหก

 

"อีกคนหนึ่งแล้ว" ชายชราถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง "เอาล่ะ..ข้าคิดว่ามันคงเป็นโชคชะตาที่เจ้าสามารถค้นพบการใช้หญ้าฮั่วจิงเฉ่านี่ ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์นอก เอาเหรียญนี่เป็นหลักฐานยืนยันสถานะของเจ้า ไปที่ศาลาชิงมู่ แล้วจะมีคนมาช่วยเจ้าจัดหาที่พัก"

 

ชายชราดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ขอป้ายชื่อของฝางซิง หยดเลือดหนึ่งหยดลงบนป้ายชื่อนั้น ก่อนจะโยนกลับมาที่ฝางซิง แล้วบอกให้ฝางซิงออกไป

 

"แค่นี่เหรอ ?" ฝางซิงยืนงงอย่างไม่เชื่ออยู่ภายนอกอาศรมนั่น แล้วประตูก็ปิดลงตามหลังเขา เขาไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้

 

'สิ่งที่ชายชราพูด ... นั่นหมายความว่าคนจำนวนมากทราบเกี่ยวกับการใช้หญ้าฮั่วจิงเฉ่าใช่หรือไม่' ฝางซิงสับสนระคนสงสัย ก่อนที่จะพลิกป้ายชื่อไม้ของเขาขึ้น มีคำแกะสลักด้านหลังเป็นตัวหนาตัวเดียวว่า D

 

อย่างไรก็ตาม คำว่า D ดูแล้วคงไม่ใช่เกรดที่ดีนัก ในสวนโอสถที่เขาเคยอยู่ก็จัดอันดับเช่นเดียวกัน สวนแห่งนั้นได้อันดับ 'C' จากสี่อันดับทั้งหมดในสำนักหมายถึงคุณภาพห่วยเป็นอันดับสอง

 

สำหรับเรื่องของหญ้าฮั่วจิงเฉ่านั้น สิ่งที่ฝางซิงไม่ทราบก็คือ การใช้งานของมันได้รับการค้นคว้ามาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นความรู้ทั่วไปในกลุ่มผู้สูงอายุของสำนัก อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางประการคนในระดับต่ำต่างไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เนื่องจากผู้อาวุโสตั้งใจไม่ให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป พวกเขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้รั่วไหลไปสู่บรรดาลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ระดับต่ำ ๆ

 

ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะสามารถเข้าสู่ขั้นลมปราณได้ แต่พวกเขาก็มักจะอยู่ในระดับต่ำไปจนตายแบบไร้อนาคต

 

อย่างไรก็ตาม กฎก็ต้องเป็นกฎ ถึงเด็กน้อยจะออกนอกลู่นอกทางโดยการใช้หญ้าฮั่วจิงเฉ่าเข้าช่วยในการฝึกฝน ทั้งที่คุณสมบัติที่แท้จริงของเด็กคนนั้นต่ำมาก แต่สำนักชิงหยุนก็จะยอมรับเขาเข้ามาเป็นศิษย์ เพราะในอนาคต อะไรก็เกิดขึ้นได้ คนบางคนก็เกิดมาพร้อมความโชคดีอย่างสม่ำเสมอ

 

***จบบท ระฆังสังสารวัฏ (2)***

 

รีวิวผู้อ่าน