1379 วันที่แล้ว
เข้าไปทำอันใดน๊อ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเขาจึงมิได้ตื่นเต้นตกใจ ?”
เฟิ่งฉู่เกอหันมาส่งสายตาถามไถ่จื่อหลาน
“เพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ ?”
“เพราะในหัวของท่านอ๋องห้าผู้นี้มีเพียงความคิดว่าคุณหนูของเจ้าคือหญิงแสนอัปลักษณ์อย่างไรเล่า”
ริมฝีปากของเฟิ่งฉู่เกอขยับยกพร้อมเสียงหัวเราะเบา
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ?”
จื่อหลานค้านหัวชนฝา
“หากคุณหนูเป็นหญิงอัปลักษณ์ เช่นนั้นใต้หล้านี้คงไม่มีผู้ใดหน้าตาดีอีกแล้ว ! ต่อให้ลากเอาสตรีทั่วแผ่นดินใหญ่อวิ๋นเทียนมาเรียงรายก็ไม่มีสตรีใดงดงามเทียบคุณหนูของข้าได้อีกแล้ว จะต้องกล่าวไปไยถึงบรรดาคุณหนูในสกุลเฟิ่ง !”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบ จื่อหลานคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้
“ข้าเข้าใจแล้ว ! ที่ท่านอ๋องห้าคิดเช่นนั้นต้องเพราะเขาเป็นพวกหูเบาหลงเชื่อข่าวลือที่ว่าคุณหนูเป็นหญิงอัปลักษณ์อย่างแน่นอน ! ! ไอหย่า ข้าก็หลงคิดว่าท่านอ๋องห้าผู้นี้จะพิเศษแตกต่างจากผู้อื่น ไม่คิดเลยว่าแท้จริงจะเป็นพวกสมองกลวงพอ ๆ กัน !”
จื่อหลานยังคงฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียด
“ฮึ่ม ! ! คุณหนูเจ้าคะ อีกสามวัน จื่อหลานจะแต่งตัวคุณหนูให้เฉิดฉาย กระทั่งเจ้าพวกนั้นตาบอดกันไปเลย ! ครานี้พวกมันจะได้ถ่างตาดูให้ชัด ๆ ว่าผู้ใดกันแน่ที่สมควรได้ชื่อว่าหญิงอัปลักษณ์ !
เฟิ่งฉู่เกออดหัวเราะออกมามิได้ เมื่อได้เห็นท่าทีแสนตื่นเต้นของจื่อหลาน
“เอาล่ะ พอได้แล้ว เจ้าไม่ต้องฉุนเฉียวถึงเพียงนี้ก็ได้ ไปตักน้ำมาหน่อยเถิด...ข้าอยากชำระกายเสียหน่อย ประเดี๋ยวข้าจะออกไปหาสมุนไพร เมื่อสองวันก่อนชิงเหลียนส่งสารมาแจ้งกับข้าว่า มีตลาดใต้ดินซึ่งจำหน่ายของล้ำค่าหายากมากมาย ข้าอยากจะไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย เผื่อจะได้สมุนไพรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง”
“นี่คุณหนูยังอยากจะได้สมุนไพรอีกกระนั้นหรือเจ้าคะ ? ไหนว่าปรุงโอสถเสร็จเรียบร้อยแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ ?”
“ปรุงก็ปรุงเสร็จจริง...ทว่าได้เพียงหนึ่งชุด อาเฉินต้องใช้มากพอควรทีเดียว”
“โธ่ ! คุณหนูเจ้าคะ ไยท่านจึงใจดีกับอาเฉินถึงเพียงนี้ ?”
จื่อหลานอดทำเสียงละห้อยด้วยความอิจฉามิได้
“คุณหนู นี่ท่านเพิ่งรู้จักอาเฉินแค่เพียงไม่นานเองนะเจ้าคะ”
“ก็อาเฉินเป็นเด็กน่าสงสารนี่”
เฟิ่งฉู่เกอถอนหายใจ
“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ไปตระเตรียมเถิดอย่ามัวชักช้า ประเดี๋ยวจะคล้อยบ่ายจนเกินไป”
*****
หลังอาบน้ำชำระกาย ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว
เฟิ่งฉู่เกอจึงเลือกอาภรณ์สีอ่อนที่นางโปรดปรานมาสวมใส่
และในวันนี้ หญิงสาวเลือกสวมใส่อาภรณ์สีฟ้าอ่อนที่สบายตา
อาภรณ์ชุดนี้เรียบง่าย ไร้การตบแต่งที่หรูหราฟู่ฟ่า เนื้อผ้าบางเบาถูกรวบไว้ให้เรียบร้อยด้วยเข็มขัดผ้าสีเดียวกัน
เรือนผมดำขลับส่วนหนึ่งถูกมวยขึ้นรวบปักด้วยปิ่นปล่อยปอยผมที่เหลือให้ระไร้ตามแนวลาดไหล่ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายสบายตา
ครั้นเฟิ่งฉู่เกอก้าวออกจากห้อง จื่อหลานก็กวาดตามองสำรวจตรวจดูความเรียบร้อยในการแต่งกายของนายตนอีกครา
“คุณหนู นับวันท่านก็ยิ่งงดงามมากขึ้นเรื่อย ๆ นะเจ้าคะ”
กล่าวไปแล้ว จู่ ๆ ผู้กล่าวกลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
สตรีผู้เลอโฉมถึงเพียงนี้ ไยจึงถูกผู้คนทั่วหล้ารุมประณามหยามหมิ่นว่าเป็นหญิงอัปลักษณ์ ช่างน่าโมโหยิ่งนัก !
“ฟ้ายังสว่างอยู่ พวกเรารีบไปกันเถิด หาไม่อาจได้กลับมามืดค่ำ”
“เจ้าค่ะ พวกเราไปกันเถิดเจ้าค่ะ”
ตลาดใต้ดินแห่งนี้เป็นที่กล่าวขวัญในฐานะสถานที่ขายสมบัติวิเศษสิ่งของหายากอันล้ำค่าจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งแน่นอนว่า สินค้าแต่ละชิ้นล้วนมีราคาสูงลิบลิ่ว
กลุ่มของเฟิ่งฉู่เกอค่อย ๆ เดินแกะรอยตามตำแหน่งทิศทางที่ชิงเหลียนส่งมาให้กระทั่งถึงที่หมายตามที่ตั้งใจ
การที่สถานที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าตลาดได้ดินอาจเป็นเพราะลักษณะรูปแบบการค้าที่ต้องกระทำกันอย่างลับ ๆ
ภายนอกสถานที่แห่งนี้ถูกบดบังไว้ด้วยกิจการหอคณิกาที่มีบรรยากาศครื้นเครง หากทว่าแท้จริง ด้านล่างชั้นใต้ดินกลับเป็นสถานที่ค้าขายของล้ำค่าหายากจากทั่วทุกสารทิศ
ตัวอาคารแห่งนี้มีความสูงถึงสามชั้น
บนสุดปรากฏอักษรสี่พยางค์ ‘หอฝันภิรมย์’ ที่โดดเด่นเป็นสง่าท้าทายแสงตะวัน
เฟิ่งฉู่เกอหยุดยืนอยู่ด้านนอก ยามนี้นางกำลังหรี่ตามองเหล่าบุรุษทั้งหลายที่พากันตบเท้าเข้าออกกันคึกคัก ทั้งบรรดาอิสตรีผู้แต่งกายเผยทรวดทรงองค์เอวที่เรียงรายกันหลายนางทั้งนอกและในตัวอาคารพากันส่งเสียงร้องเรียก
“คุณหนูเจ้าคะ นี่มันหอคณิกาชัด ๆ คงมีเพียงพวกบุรุษพากันเข้าออกไม่หยุดหย่อน ท่านคิดจะเข้าไปจริง ๆ หรือเจ้าคะ ?”
ลวี้จูหน้านิ่ว ขณะส่งสายตามองตามกลุ่มบุรุษที่ลอยหน้าลอยตาเดินเข้าออกกันอย่างครึกครื้น
***จบตอน หญิงแสนอัปลักษณ์***
เข้าไปทำอันใดน๊อ