px

เรื่อง : ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ตอนที่ 34 ตั๋วเงิน เทียน ยกปึก


เจ้าสมองกลวง พวกเราคงมิได้มาเดินเล่นกันกระมัง

 

เพียงเริ่ม จื่อหลานก็ได้ลับฝีปากในทันที

 

“ถูกแล้ว จื่อหลานกล่าวได้ถูกต้อง”

 

เฟิ่งฉู่เกอช่วยสำทับ ก่อนจะยกฝ่าเท้าขยับก้าวเข้าสู่ด้านใน

 

“เข้าไปกันเถิด กิจการทั้งหลายย่อมเปิด เพื่อทำการค้า”

 

สี่ดรุณีน้อยเดินเรียงแถวเข้าสู่ด้านในอย่างพร้อมเพรียง

 

“ไอหย่า แม่นางทั้งสี่ เห็นทีสถานที่แห่งนี้คงมิใช่ที่สำหรับพวกเจ้ากระมัง”

 

เพียงกำลังจะเข้าไป สตรีผู้สวมใส่อาภรณ์ตบแต่งอย่างหรูหราทั้งยังโบกเครื่องประทินโฉมมาอย่างเต็มที่ราวแบกโต๊ะเครื่องแป้งมาทั้งชุดก็โผล่ขึ้นตรงหน้า

 

ทว่าเฟิ่งฉู่เกอกลับมิได้แยแสแม้เพียงปรายตามอง นางยังคงสาวเท้าก้าวเข้าสู่ด้านในด้วยท่าทีเฉยชา

 

“อ้าว อ้าว ไม่ได้ยินที่ข้าพูดกระนั้นหรือ ? หรือพวกเจ้าคิดมาตามสามีกัน ?”

 

สตรีคนเดิมส่งเสียงไล่หลังตามมาทั้งยังตรงเข้ามาขวางทางเฟิ่งฉู่เกอไว้เสียด้วย

 

นางกวาดตามองเฟิ่งฉู่เกอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

 

“หน้าตาก็สะก็สวย ทว่ากลับมัดใจสามีไว้ไม่อยู่ เห็นทีฝีมือการเอาอกเอาใจของเจ้าจะย่ำแย่ล่ะสิท่า !”

 

เพียงได้ยินถ้อยคำปรามาสเช่นนั้น จื่อหลานก็ควันออกหูขึ้นมาทันที

 

นางรีบก้าวขึ้นตามต่อฝีปากอย่างไม่ลดราวาศอก

 

“ให้ข้าช่วยล้างปากให้เจ้าสักทีจะดีหรือไม่ ?”

 

เฟิ่งฉู่เกอยกมือขึ้นปรามจื่อหลาน

 

ก่อนจะหันมาจ้องหน้าสตรีผู้นั้น

 

“ไปเรียกมาม่าของเจ้ามาพบข้า…”

 

“อ้า ข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้พวกท่านมิได้มาตามหาสามี ทว่าต้องการมาใช้บริการหอฝันภิรมย์ของเรานั่นเอง โอ้…”

 

“ไม่ต้องพูดมาก รีบไปตามเจ้าของหอมา...หาไม่ ก็จงระวังหัวของเจ้าไว้ให้ดี !”

 

เฟิ่งฉู่เกอหรี่ตามอง พร้อมน้ำเสียงเย็นชาที่ตอกย้ำเตือนอีกฝ่าย

 

สุ้มเสียงเย็นชา กระทั่งแทบจะเย็นยะเยือก ผนวกกับสีหน้าไร้ไมตรีส่งให้สตรีผู้นั้นเสียวสันหลังวาบขึ้นทันที

 

เพียงเพ่งมองสีหน้าที่ยังคงเรียบเฉยของเฟิ่งฉูเกอสตรีผู้นั้นย่อมสามารถประเมินได้ทันทีว่าดรุณีน้อยผู้งดงามเบื้องหน้า หาใช่ผู้ที่สามารถกล่าวสรรพยอกหยอกเย้าได้

 

ไหนเลยสตรีผู้นั้นยังจะกล้าเล่นลิ้นต่อคำได้อีก

 

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปรายงานมาม่าเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”

 

เพียงครู่ เจ้าของหอฝันภิรมย์ผู้ถูกเรียกว่ามาม่าก็ออกมา

 

เพียงได้เห็นสาวน้อยผู้งดงามทั้งสี่เบื้องหน้า นัยน์ตาเจ้าของหอพลันเปล่งประกายขึ้นทันใด

 

“แม่นางน้อยทั้งสี่ ไม่ทราบท่านเรียกหาข้าด้วยประสงค์สิ่งใดกระนั้นหรือ ?”

 

เฟิ่งฉู่เกอหันมาตอบคำอย่างไม่รอช้า

 

“พวกเราค่อย ๆ เดินไปคุยกันไปเถิด”

 

เพียงเลี้ยวเข้ามุมอับ เจ้าของหอก็ขยับถอยออกมาเล็กน้อย ก่อนค่อย ๆ กวาดตามองสตรีผู้งดงามในอาภรณ์สีฟ้าอ่อนเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ เมื่อยิ่งก้าวเดิน คลื่นพลังที่กดดันร่างของนางก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

 

“แม่นาง นี่เจ้าต้องการที่จะ…”

 

ทว่าถ้อยคำที่เหลือกลับถูกเติมเต็มด้วยเสียงแทรกของเฟิ่งฉู่เกอ

 

“พาข้าไปตลาดใต้ดิน---”

 

เจ้าของหอแทบทรุด เมื่อได้ยินคำร้องขอจากเฟิ่งฉู่เกอ

 

ตลาดใต้ดินเป็นที่ชื่นชอบของเด็กในตระกูลผู้รากมากดี ตลอดถึงทายาทตระกูลผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลาย

 

นั่นเพราะสถานที่แห่งนี้เป็นตลาดมืดที่ทำการค้าขายอย่างลับ ๆ เช่นนั้นน้อยคนนักที่จะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้เพียงเปิดหอคณิกาขึ้นเพื่อบังหน้าเท่านั้น

 

เช่นนั้นเจ้าของหอจึงประหลาดใจกับการที่สาวน้อยเบื้องหน้าล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของตลาดใต้ดินแห่งนี้ มาม่าพยายามปั้นรอยยิ้มประดับบนดวงหน้าอีกคราก่อนกล่าวคำ

 

“แม่นาง ใช่ว่าทุกคนสามารถเข้าตลาดใต้ดิน...หากท่านหมายจะเข้าไปจริง จำต้องวางเงินไว้ห้าล้านตำลึง...ตลาดใต้ดินหาใช่สถานที่ซึ่งทุกคนสามารถเข้าออกได้ตามใจปรารถนา”

 

กฎการเข้าสู่ตลาดใต้ดินคือผู้ต้องการเข้าไปเลือกหาสินค้าด้านในจำต้องวางเงินไว้ล่วงหน้าห้าล้านตำลึง

เหตุผลประการหนึ่งก็คือเพื่อคัดเฉพาะผู้มีฐานะให้เข้าร่วม อีกเหตุผลก็คือเพื่อป้องกันมิให้มีผู้อาศัยตลาดใต้ดินเป็นที่สืบข่าวลับ

 

“ห้าล้านตำลึงเงินกระนั้นหรือ ?”

 

เฟิ่งฉู่เกอเอ่ยย้ำ

 

“ถูกแล้วแม่นาง ห้าล้านตำลึงเงิน ทว่าหากเจ้าไม่มี ย่อมไม่อาจได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดใต้ดิน”

 

เจ้าของหอตอบอย่างติดจะรำคาญด้วยคาดเดาว่าสาวน้อยเบื้องหน้า ย่อมไม่มีกำลังทรัพย์มากมายถึงเพียงนั้น

 

ทว่าเพียงพริบตาที่กำลังจะหันหลังกลับ ปี้หลัวกลับโผล่ขึ้นขวางหน้าหญิงสูงวัยเจ้าของหอผู้นั้น

 

และแทบจะในเวลาเดียวกัน ปี้หลัวก็ควักตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อปึกหนึ่ง

 

เพียงได้เห็นตั๋วเงิน สีหน้าของเจ้าของหอพลันแปรเปลี่ยนในทันที

 

เมื่อด้านบนตั๋วเงินปรากฏตัวอักษรสีทองที่เปล่งประกายแวววาว ‘เทียน’ อย่างชัดเจนเต็มสองตา

 

ตั๋วเงิน ‘เทียน’ คือตั๋วเงินชนิดพิเศษของแคว้นอวิ๋นเทียน

 

ตั๋วเงินที่ปรากฏตัวอักษร ‘เทียน’ คือตั๋วเงินที่มีมูลค่าเทียบเท่าเงินสดหนึ่งล้านตำลึง

 

และในยามนี้ ปี้หลัวกำลังนับตั๋วเงิน ‘เทียน’ ออกมาจากปึกเป็นจำนวนห้าใบ

 

***จบตอน ตั๋วเงิน 'เทียน' ยกปึก***

รีวิวผู้อ่าน

jarawee13
1379 วันที่แล้ว

เป็นไงละเป็นปึกๆเลย


  แสดงความคิดเห็น