
1819 วันที่แล้ว
ใครๆอย่ามาแย่งนะ
“เอ้า...เท่านี้พอหรือไม่ ?”
ปี้หลัวโบกตั๋วเงินจำนวนห้าแผ่นในมือพลางออกปากตั้งคำถาม
หญิงชราเจ้าของหอส่งสายตามองตามปึกตั๋วเงินที่กำลังโบกสะบัดยั่วเย้าอารมณ์สุด ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ฉีกกว้าง
“ไอหย่า… พอสิ พอเกินจะพอแล้วแม่นาง…”
ใช่เรื่องเล่นเสียเมื่อไร ผู้ถือตั๋วเงินเทียนย่อมหาใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไปอย่างแน่นอน
“เอ้า ! ยังไม่รีบพาพวกเราไปอีกกระนั้นรึ ?”
“โอ้ ! ไปสิ ไป ตามข้ามาเลย”
ผู้ดูแลหอรีบยื่นมือรับตั๋วแลกเงินไปด้วยใบหน้าชื่่นบาน
ทั้งสี่ติดตามหญิงชราไป กระทั่งถึงห้องซึ่งอยู่ด้านหลังหอฝันภิรมย์
หญิงชราผู้นั้นยกมือขึ้นกดกลไกบนผนัง แผ่นกำแพงพลันเคลื่อนหลุบเข้าด้านใน
“แม่นาง พวกเรามาถึงแล้ว…”
*****
ตามคำบอกเล่าของชิงเหลียน ตลาดใต้ดินเป็นเพียงเส้นทางเดินน้อย ๆ ที่มืดมิด
เช่นนั้นตลอดสองข้างทางเดินจึงถูกประดับประดาด้วยไข่มุกราตรีอันล้ำค่า เพื่อส่องประกายให้ความสว่างตลอดแนวทางเดิน
เมื่อทั้งสองฝากฝั่งซ้ายและขวาคือชั้นวางของจำนวนมากที่เรียงรายกันนับไม่ถ้วน
สิ่งที่ถูกจัดเรียงอยู่บนชั้นวางของล้วนคือสมุนไพร อาวุธ ตลอดถึงสมบัติล้ำค่าหาประมาณมิได้มากมายหลายหลากให้เลือกสรร
เฟิ่งฉู่เกอกวาดตามองสมุนไพรหลายหลากที่ถูกนำมาจัดเรียงบนชั้น ขณะสาวเท้าก้าวเดินไปเรื่อย ๆ พืชสมุนไพรที่ถูกนำมาเรียงรายอยู่บนชั้นล้วนคือสมุนไพรล้ำค่าที่หายาก ทว่าน่าเสียดาย สิ่งที่นางต้องการมิใช่พวกมันเหล่านั้น
กระทั่งเมื่อเดินมาจนสุดทาง หญิงสาวกลับต้องผิดหวัง เมื่อนางยังคงมิได้พบเจอสิ่งที่ต้องการ
“คุณหนู ไม่มีเลยหรือเจ้าคะ ?”
จื่อหลานเอ่ยปากไถ่ถามทันที เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของผู้เป็นนาย
เฟิ่งฉู่เกอเพียงถอนหายใจยาว
“เห็นทีพวกเราคงต้องลองไปดูที่อื่น ช่างเถิด พวกเรากลับกันเถิด…”
เพียงกล่าวจบ ทั้งสี่ก็หันหลังกำลังจะจากไป
ขณะกำลังจะผละจากที่นั้น หางตาของเฟิ่งฉู่เกอพลันตวัดไปเห็นกรงที่ถูกนำมาวางหลบไว้ที่มุมห้อง
มันคือกรงน้อยที่บรรจุเจ้าก้อนเนื้อสีขาวขนปุกปุยนอนม้วนขดอยู่ด้านใน
มันแลดูอ้วนจ้ำม่ำ ทว่ากำลังขดม้วนตัวงุด ๆ ราวลูกชิ้นก้อนโตที่ไม่อาจแน่ชัดได้ว่าคือสิ่งมีชีวิตชนิดใด คงมีเพียงนัยน์ตาสีฟ้าที่ส่งประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงสลัวภายในทางเดินใต้ดิน
เดิมที เฟิ่งฉู่เกอหาได้สนใจจะอยู่ชม ทว่าแววตาสีฟ้าคู่นั้นกลับดึงดูดความสนใจของนางได้อย่างน่าฉงน
นางหันกลับมาจ้องนัยน์ตาสีฟ้าราวอัญมณีคู่นั้น เพียงจ้องประสานตาหญิงสาวกลับคล้ายถูกบางสิ่งดูดกลืนเข้าสู่นัยน์ตาสีฟ้าใสที่ดูราวกับห้วงน้ำวนคู่นั้น กระทั่งหลงลืมตนไปชั่วขณะ
“แม่นาง เจ้าสนใจแมวตัวนี้กระนั้นหรือ ?”
ข้างกรงคือชายชราในชุดคลุมสีดำ
ชายผู้นั้นหรี่ตาจ้องมองนางเล็กน้อย แววตาที่คล้ายกำลังสับสนว้าวุ่นพลันฉายประกายขึ้นวาบหนึ่ง
เฟิ่งฉู่เกอส่ายหน้า
“มิได้”
นางมาหาสมุรไพร เมื่อยามนี้ไม่มีสิ่งที่ต้องการ ย่อมสมควรรีบกลับมิควรยืดเยื้อ
ทว่าเพียงกำลังจะขยับฝ่าเท้าออกไป เจ้าแมวน้อยตัวนั้นกลับคล้ายมีแรงดึงดูดอย่างมหาศาลที่ทำให้นางอดมิได้ที่จะหันกลับมาอีกครา
“แม่นาง ข้าคิดว่าเจ้ามีชะตาต้องกันกับเจ้าแมวตัวนี้ เช่นนั้นเหตุใดข้าจึงจะไม่มอบมันให้แก่เจ้าเสียเล่า…”
จู่ ๆ ชายชราผู้นั้นก็พึมพำออกมา
เฟิ่งฉู่เกอเลิกคิ้วสูง
มอบให้นาง ?
สมควรเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ ?
ทุกสิ่งที่วางอยู่เหนือชั้นวางสินค้าต่างมีป้ายบอกราคากำกับ ทว่าแมวน้อยตัวนี้หาได้มีป้ายบอกราคาไม่
เพียงเฟิ่งฉู่เกอกำลังจะเอ่ยปาก เสียงร้องวี้ดว้ายของสาวน้อยผู้หนึ่งพลันดังขึ้น
“ว้าว….น่ารักจัง เจ้าแมวน้อย ข้าอยากได้
***จบตอน ตลาดใต้ดิน***
ใครๆอย่ามาแย่งนะ