px

เรื่อง : ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ตอนที่ 40 แพ้พ่ายทั้งยังมิได้สู้


และเป็นดังที่อาเฉินกล่าว บ่าวไพร่ในเรือนเฟิ่งต่างรีบฉวยโอกาสช่วงที่เฟิ่งฉู่เกอออกนอกเรือนเก็บข้าวของเผ่นหนีตาลีตาเหลือก กระทั่งยามนี้เรือนเฟิ่งรกร้างว่างเปล่าไร้ผู้คนไปเสียแล้ว

 

ในห้องครัวประกอบด้วยข้าวของเครื่องปรุงพร้อมสรรพมากมาย

 

และนี่เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งฉู่เกอจะวาดลวดลายงานครัวให้เป็นที่ประจักษ์ หญิงสาวพับแขนเสื้อเตรียมปรุงอาหารด้วยท่าทีกระปรี้กระเปร่า

 

กลุ่มดรุณีน้อยต่างพากันจ้องเฟิ่งฉู่เกอด้วยอาการแตกตื่นใจราวได้เห็นภูตผี

 

“คุณ...หนู...นี่ท่านคงมิได้คิดจะลงมือปรุงอาหารด้วยตนเองจริง ๆ กระมัง ?”

 

“กำลังทำอยู่นี่อย่างไรเล่า !”

 

เสียงอีกฝ่ายยืนยัน

 

“ทว่า คุณหนู...ท่านไม่เคยทำเรื่องพรรณนี้เลยนะเจ้าคะ…”

 

“เอาน่า คุณหนูของพวกเจ้าเป็นยอดอัจฉริยะ เพียงเท่านี้ประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

 

เสียงอีกฝ่ายตอบกลับ ขณะเริ่มลงมือล้างชาม

 

“คุณหนู ให้พวกเราช่วยเถิดเจ้าค่ะ เรื่องเช่นนี้คุณหนูคงไม่คุ้นมือหรอกเจ้าค่ะ”

 

ทั้งสามรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยทันทีอย่างอดมิได้ที่เห็นคุณหนูของตนต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่นี้

 

ทว่าเฟิ่งฉู่เกอกลับรีบบอกปัด

 

“ไม่ต้อง อา...อาเฉินบอกว่าอยากกินอาหารที่ข้าปรุง หากพวกเจ้าช่วยย่อมมิใช่”

 

ทั้งสามสาวทำได้เพียงเดินคอตกเบะปากกลับไป

 

อาเฉินเป็นแค่เพียงเด็กน้อยเท่านั้น

 

คุณหนู...ท่านจะดีกับเจ้าหนูผู้นั้นมากเกินไปแล้ว

 

เมื่อสามสาวเห็นเฟิ่งฉู่เกอยืนกรานหนักแน่นไม่ต้องการความช่วยเหลือ ทั้งสามนางจึงจำต้องยืนมองอยู่เพียงห่าง ๆ

 

โดยมีอาเฉินคอยส่งเสียงเร่งท้องคราดรออยู่ในเรือนสายนที

 

พลังยุทธของเขาสิ้นสูญไปนับแต่ต้องพิษครานั้น ยามนี้ภายใต้สภาพร่างของเด็กน้อย เขาไม่อาจเป็นแม้เพียงคู่ประมือของคนสามัญธรรมดาเสียด้วยซ้ำ

 

อาเฉินชะเง้อคอมองกลุ่มควันดำโขมงที่ลอยก่อตัวเหนือห้องเครื่องตระกูลเฟิ่งพร้อมรอยยิ้มและแววตาที่เปล่งประกาย

 

เฟิ่งฉู่เกอกำลังปรุงอาหารให้เขาด้วยตนเอง

 

“เมี้ยว~~~”

 

ที่ปลายเท้า คล้ายได้ยินเสียงแมวตัวน้อย

 

ครั้นเมื่อก้มลง อาเฉินจึงเห็นเจ้าลูกเหมียวสีขาวขนปุกปุย

 

นัยน์ตาสีฟ้าของมันเปล่งประกายแวววาวเงางามมันยืนส่งเสียงร้องเหมียว ๆ

 

อาเฉินนัยน์ตาลุกวาว เมื่อได้เห็นแววตาของลูกแมวตัวน้อย

 

นี่มัน...สัตว์เวท ! !

 

ในดินแดนแห่งนี้ สัตว์เวทคือสิ่งที่พบเห็นได้ยากยิ่ง

 

ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้พบเจอมันในสถานที่เช่นนี้

 

เจ้าแมวน้อยคล้ายเริ่มระแวดระวังเมื่อเห็นอาเฉินสนใจในตัวมัน

 

เสียงร้องของมันเริ่มเปลี่ยนไป ทั่วร่างของมันเริ่มแผ่กระแสอายแห่งการเข่นฆ่า

 

อาเฉินหรี่ตามองเจ้าตัวน้อย

 

ปลายนิ้วมือน้อย ๆ ปรากฏอายพลังอันเย็นยะเยียบแผ่ซ่าน

 

ริมฝีปากบางกระตุกน้อย ๆ เผยสีหน้าจริงจังเกินกว่าวัย

 

นัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นเปล่งประกายวูบวาบ

 

แม้ยามนี้เขาจะอยู่ในร่างของเด็กตัวน้อย ทว่าคลื่นพลังที่แผ่ซ่านยังคงหนาแน่นเฉกเช่นตี้เจวี๋ยเฉินคนเดิมผู้สามาถย่ำยีผู้คนทั่วหล้าให้สยบอยู่เพียงใต้ฝ่าเท้า

 

หนึ่งแมวน้อย หนึ่งเด็กน้อย กำลังประหัตถ์ประหารกันด้วยสายตาอย่างไม่มีผู้ใดยอมลดราวาศอกให้แก่กัน ! !

 

“เมี้ยว~”

 

เจ้าแมวน้อยร้องตัวสั่น นัยน์ตาสีฟ้าเริ่มอ่อนกำลัง ร่างของมันคล้ายมิอาจฝืนต้านทานความสั่นสะท้าน

 

อาเฉินเลิกคิ้วจ้องตาสัตว์เวทตัวน้อย ก่อนค่อย ๆ เปล่งวาจาน้ำเสียงข่ม

 

“อย่าได้ริอ่านหาญสู้ เจ้าจะได้มิต้องพบกับความปราชัย”

 

เจ้าเหมียวส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ ด้วยความไม่พอใจ ลึกลงไปในแววตาของมันยังอัดแน่นด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ ทว่ายามนี้มันยังมิกล้าขยับเคลื่อนไหวแม้เพียงก้าว

 

ทว่า ทันทีที่เสียงฝีเท้าอันเร่งรีบด้านนอกดังสะท้อน ประหนึ่งได้พบเจอแสงสว่างแห่งทางรอดพ้น เจ้าเหมียวน้อยก็รีบพุ่งกระโจนออกไปในทันที

 

เฟิ่งฉู่เกอถือชามใบใหญ่เดินเข้ามา

 

“มากินสิ…”

 

หญิงสาววางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะพร้อมเสียงกล่าว

 

“แม่นาง เจ้าเป็นผู้ลงมือปรุงเองจริงหรือ ?”

 

เสียงอาเฉินถามไถ่

 

“แน่นอน ข้าบอกว่าทำเองก็ทำเองสิ”

 

พร้อมคำกล่าว นางก็เหยียดมือออกอุ้มเจ้าเหมียวน้อยผู้ซึ่งรีบเข้ามาซุกอกนางตัวกลมราวลูกชิ้นในทันที

 

อาเฉินเหล่มองพฤติกรรมอันไร้ยางอายของเจ้าหน้าขนตัวน้อย

 

“เจ้าเหมียวหน้าโง่ตัวนี้คือแมวของเจ้ากระนั้นหรือ ?”

 

***จบตอน อย่าริอ่านหาญสู้***

 

รีวิวผู้อ่าน