1358 วันที่แล้ว
เจ้าลูกชิ้นน้อยอย่ายั่วโมโหอาเฉินนะ เดี๋ยวถูกฆ่าตายหรอก
1358 วันที่แล้ว
รอๆๆจ้ารอ
ครั้นแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งลวี้จู ปี้หลัวและจื่อหลานต่างอดส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นมิได้
“คุณหนูเพียงท่านปรากฏกายที่ท้องพระโรง ผู้คนทั้งหลายย่อมต้องตื่นตะลึงในความงดงามของท่านอย่างแน่นอน”
เฟิ่งฉู่เกอเงยหน้าขึ้นมองภาพสะท้อนของตนผ่านกระจกเงา
โฉมหน้าของสตรีในแผ่นกระจกงดงามเหนือคำบรรยายอย่างมิต้องสงสัย
แม้นางจะได้เห็นโฉมหน้านี้มาเนิ่นนานกว่าหกปีแล้ว ทว่ากระทั่งถึงยามนี้ก็ยังอดนึกชื่นชมมิได้จริง ๆ
หญิงสาวคลี่ยิ้ม ขณะมองใบหน้าอันงดงามดึงดูดสายตาผ่านแผ่นกระจกเบื้องหน้า
“พวกเราไปกันเถิด…”
สองเท้าของนางก้าวตรงออกไป เพียงผลักบานประตูให้เปิดออก เด็กชายตัวน้อยก็กลับโผล่ขึ้นขวางอยู่เบื้องหน้า
อาเฉินยืนเงยหน้ามองเฟิ่งฉู่เกอจนคอแทบแหงน
“อาเฉินน้อย...อยู่ดูแลเรือนให้ดีเล่า กว่าพี่สาวจะกลับ ก็คงดึกสักหน่อย”
หญิงสาวก้มลงเช็ดคราบฝุ่นเปรอะเปื้อนบนดวงหน้าน้อย ๆ ของอาเฉิน
เด็กน้อยกวาดตามองเครื่องแต่งกายอันวิจิตรงดงามของเฟิ่งฉู่เกออย่างพินิจพิเคราะห์อยู่นานก่อนจะเอ่ยปากถาม
“แม่นาง เจ้าตบแต่งงดงามเช่นนี้คิดไปที่แห่งใด ?”
“ข้าจะไปร่วมงานเฉลิมฉลองในวังหลวงคงกลับดึกหน่อย”
“ขอข้าตามไปด้วย…”
อาเฉินรีบท้วง
“เรื่องนี้…”
อีกฝ่ายมีท่าทีลังเล
เฟิ่งฉู่เกอยังไม่แน่ชัดในจุดประสงค์ของฮ่องเต้แห่งเทียนฉี ที่แน่ใจก็คือมิน่าใช่เรื่องดี
ผู้เคยหันหลังให้นางยามถึงคราทุกข์ยาก ตกต่ำที่สุดในช่วงชีวิตยังสามารถนับว่าเป็นลุงได้อีกกระนั้นหรือ ?
เกรงว่างานเฉลิมฉลองครานี้จะนำภัยมามากกว่านะ
อาเฉินเป็นเพียงเด็กน้อย...หากเกิดเรื่องใดขึ้นย่อมเป็นความผิดของนางทั้งสิ้น
อาเฉินทำจมูกฟุดฟิดคล้ายกำลังได้รับความอยุติธรรม เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีลังเล
“แม่นาง เจ้าจะตัดใจทิ้งข้าไว้ในเรือนเฟิ่งแต่เพียงลำพังได้จริงกระนั้นหรือ ? ค่ำมืดดึกดื่นวังเวงไร้ผู้คนในเรือนใหญ่ที่กว้างขวางเช่นนี้ เด็กน้อยเยี่ยงข้ากลับถูกทอดทิ้งให้อยู่เดียวดายเพียงลำพัง หากข้าถูกลักพาตัวไปจะทำเช่นไร ?”
มุมปากเฟิ่งฉู่เกอกระตุกกึก
เยี่ยม นี่เขารู้จักปั้นหน้าสร้างเรื่องโศก ยกเรื่องขึ้นมาอ้างได้สารพัดถึงเพียงนี้เทียว
หากทว่ากุศโลบายเช่นนี้นับว่าได้ผลไม่น้อย
แม้รู้ดีว่าอาเฉินจงใจยกเรื่องราวมากล่าวอ้างสารพัด ทว่าเฟิ่งฉู่เกอกลับยังคงใจอ่อน นางถอนหายใจยาวคราหนึ่งก่อนตอบคำ
“ก็ได้ เช่นนั้นพวกเราจะไปด้วยกัน ทว่าเจ้าต้องคอยรั้งอยู่ข้างกายข้าตลอด อย่าเที่ยวได้เพ่นพ่านไปที่ใดเข้าใจหรือไม่ ?”
“ได้ !”
อาเฉินรีบตอบรับทันที ไยต้องหยุดคิดเมื่อเป้าหมายถึงความสำเร็จแล้ว
มุมปากทั้งสองยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ขณะยังคงจับจ้องเฟิ่งฉู่เกอตาไม่กระพริบ
ในวันนี้นางแต่งกายเสียงดงามเกินหน้าเกินตาผู้ใดเช่นนี้ เขาจะไม่ไปตามเฝ้าได้อย่างไร หากนางถูกผู้อื่นฉกชิงไปจะให้เขาทำใจอย่างไรได้ ?
ยิ่งคิด ก็ให้ยิ่งนึกหงุดหงิด
เมื่อไรเขาจะเติบใหญ่ได้ทันใจเสียที
ยามนี้เขาเป็นเพียงเด็กน้อยตัวกระเปี๊ยกที่ไม่อาจลุกขึ้นมาอาละวาดฟาดหางกับผู้ใดได้
*****
ส่วนสามสาวมิได้ติดตามนางไปทั้งหมด คงมีเพียงจื่อหลานผู้มีพลังยุทธสูงสุดเป็นผู้ร่วมติดตามไปคุ้มครองเท่านั้น
รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนออกจากเรือนตระกูลเฟิ่งอย่างไม่เร่งร้อน
โดยมีจื่อหลานเป็นผู้คุมบังเหียน ขณะบรรยากาศภายในคล้ายเริ่มจะตึงเครียด…
เหตุเพราะยามนี้เจ้าเหมียวหน้าเซ่อต้องการยึดครองพื้นที่ในอ้อมแขนของเฟิ่งฉู่เกอ ขณะเดียวกันมารน้อยผู้นั่งตรงข้ามก็กำลังจ้องเจ้าเหมียวน้อยด้วยใบหน้าบึ้งตึงสายตาเชือดเฉือน
เมื่อลูกชิ้นน้อยทำตัวขดกลมนอนหนุนอกเฟิ่งฉู่เกออย่างสบายอารมณ์ทั้งยังแสดงความเป็นเจ้าของอย่างออกหน้าออกตาคล้ายดั่งว่าต่อให้ตายมันก็จะไม่มีวันยอมสละบัลลังก์อันนุ่มนิ่มนี้
มันไม่เชื่อว่าอาเฉินจะกล้าลุกขึ้นมาคว้าคอมันไปจากอ้อมแขนเจ้านายผู้เป็นที่รัก
และเป็นเช่นนั้นจริง ยามนี้อาเฉินทำได้เพียงนั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอด ๆ อยู่เบื้องหน้า
เขาเคยอยู่ในอ้อมแขนของว่าที่ฮูหยินในอนาคตแค่เพียงสองสามครา ! ทว่าเจ้าแมวหน้าโง่ตัวนี้กลับได้หมกตัวอย่างหน้าชื่นตาบานในอ้อมอกว่าที่ฮูหยินของเขาแทบจะทั้งวัน !
สายตาเหี้ยมเกรียมเย็นชาราวกระบี่น้ำแข็งพุ่งเข้าทิ่มแทงใส่ลูกชิ้นน้อยอย่างไม่ลดราวาศอก
ลูกชิ้นน้อยเริ่มตัวสั่นเมื่อต้องตกเป็นเหยื่อทางสายตา
ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นเจ้าเหมียวยิ่งมุดงุด ๆ ลงไปซุกฝังตัวอยู่ในซอกอกเฟิ่งฉู่เกอแนบแน่นยิ่งกว่าเก่า
มันไม่ยอมโผล่หน้าขึ้นมาอีก คล้ายอยากยั่วอีกฝ่ายว่า ข้าไม่มีวันยื่นหน้าออกไปอย่างแน่นอน ดูสิว่าเจ้าจะมาคว้าตัวข้าเขวี้ยงทิ้งได้เยี่ยงไร~~~
***จบตอน ปั้นหน้าสร้างเรื่องโศก***
เจ้าลูกชิ้นน้อยอย่ายั่วโมโหอาเฉินนะ เดี๋ยวถูกฆ่าตายหรอก
รอๆๆจ้ารอ