"ผู้...อาวุโส! ประมุขน้อยหลินถูกเดรัจฉานอย่างสิงโตหิมะนั่น กินเข้าไปแล้วขอรับ!!" ศิษย์กล่าวตอบออกมาด้วยความตกตะลึง
ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เรื่องนี้มันฝันร้ายชัดๆ!
พวกเขาไม่คิดเลยว่าสิงโตหิมะระดับสู่สวรรค์อมตะขั้นสูงจะแข็งแกร่งดุร้ายถึงเพียงนี้ หากไม่เพราะสิงโตหิมะกังวลความปลอดภัยของลูกมันที่อยู่ในถ้ำ คงไม่มีใครต้านทานความแข็งแกร่งของมันได้หากมันออกมาไล่ล่า
"กระ..ไร..นะ ?!!" อาวุโสอี้พยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เขาจะไปช่วยหลินฟ่านกลับมาให้ได้ ต่อให้ต้องผ่าท้องสัตว์อสูรนั่นก็ต้องทำ
"ผู้อาวุโส...ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ไร้ประโยชน์ขอรับ ...สิงโตหิมะนั่นแข็งแกร่งเกินไป!" ซ่งเขิ่นเทียนไปช่วยพยุงร่างอาวุโสอี้ให้ลุกขึ้น...มันกล่าวออกมาหลังจากเห็นแววตาของผู้อาวุโสอี้
สำหรับซ่งเขิ่นเทียนนั้น มันย่อมคิดว่าหลินฟ่านไม่รอดแน่แล้ว โอกาสรอดของเขานั้นแทบจะไม่มีหากถูกกลืนลงท้องไปเช่นนั้น อีกทั้ง...ตอนนี้เว้นแต่ระดับปรมาจารย์จะลงมือเองเกรงว่าจะไม่มีใครตอต้านสัตว์อสูรตัวนี้ได้
"ไมจริงงง!" อาวุโสอี้ตะโกนออกมาอย่างไม่ยินยอม แต่บาดแผลของเขาสาหัสไม่น้อย เขาถึงกับต้องกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
..
หลินฟ่านรู้สึกราวกับว่ามันยาวนานมาก...ที่เขาต้องหมุนไปหมุนมาราวกับตกอยู่ในขุมนรกแล้วโดนพยายมจับไปนั่งเครื่องเล่นเฮอริเคนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอย่างหนุกหนาน
'โอย จะอ๊วก แล้วนี่มันที่ไหนอีกล่ะวะเนี่ย?'
หลินฟ่านพยายามเปิดตาขึ้น และเมือเขาเห็นรอบเขาถึงกับถลึงตาค้าง
เดี๋ยวนะ ...
หลินฟ่านพยายามเรียงลำดับเหตุการณ์ ตอนแรกเขาลุกขึ้นเพราะทนไม่ไหวแล้ว และเห็นอาวุโสอี้กำลังจะเสียท่าจึงหวังเบี่ยงเบนความสนใจเล็กน้อย...แต่พอเขายืนขึ้นชูนิ้วกลางแล้วกล่าวอะไรไปได้ไม่กี่คำ โลกก็พลันมืดลง...
‘เชี่ย! นี่เราถูกมัน.... ไม่จริงใช่มั้ย?!’
หลินฟ่านที่คิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองความกลัวเริ่มพรั่งพรูขึ้นมาในหัว ทั้งยังแฝงความหงุดหงิดเอาไว้ด้วย ‘เชี่ยเอ๊ย ดูจากรอบๆ แม่ง ชัดเจน!!... นี่เราถูกกินจริงๆหรอวะ ชิบหาย! แล้วจะทำไงดีวะเนี่ย!’
แล้วถ้ามันกินเขามาแบบนี้....เดี๋ยวมันก็ย่อย...แล้วไม่นานมันก็ต้องขี้!
นี่ถ้าเขาเริ่มถูกย่อยด้วยน้ำย่อย อีกไม่นานเขาก็ต้องถูกส่งไปที่ตูดมันใช่ไหม? แล้วสุดท้ายเขาก็จะกลายเป็นขี้กองหนึ่ง? ‘ไม่นะ เง็กเซียนฮ่องเต้ อาราเล่ช่วยด้วย พี่ประมุขไม่อยากเป็นขี้!’
ความคิดของหลินฟ่านเต็มไปด้วยความสยดสยอง...ภาพของตัวเขาค่อยๆหลอมละลาย... สุดท้ายกลับกลายเป็นขี้กองหนึ่ง...แล้วก็ถูกไอเด็กแว่น ดีจ๊ะ! เอาไม้มาจิ้มแล้ววิ่งเล่นไปทั่ว... ‘ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย’
ตอนนั้นเองในขณะที่หลินฟ่านกำลังหวาดกลัวเขาพลันได้ยินเสียงราวกับมีฝนตกดังซ่าๆ และมันก็กำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เมื่อหลินฟ่านเงยหน้าขึ้นมาเขาก็สะดุ้งโหยงทันที
เชี่ยแล้ววววววววววว... !'
ของเหลวสีเหลืองพวยพุ่งออกมาราวกับน้ำตก และตอนนี้มันก็เริ่มตกลงบนร่างกายของหลินฟ่าน
ฟู่วว!!
กลิ่นของเหลวสีเหลืองนี่ช่างน่าสะอิดสะเอียนยามสูดดมหลินฟ่านรีบกลั้นหายใจทันที อีกทั้งยังปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนา
'ติ๊ง!! ... ขอแสดงความยินดี ท่านค้นพบน้ำย่อยของสิงโตหิมะ
'ติ๊ง!! ... 'กายปีศาจนิรันดร์ ' EXP +20,000'
...
ในขณะที่เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นนั้นเอง หลินฟ่านถึงกับลืมกลิ่นเหม็นที่น่าสะอิดสะเอียนและลืมความขยะแขยงไปครู่นึ่ง ก่อนที่เขาจะกระพริบตาปริบๆด้วยความทึ่งใจ
ไม่คิดเลยว่าแม้แต่น้ำย่อย...ยังให้ค่า EXPได้!
แต่หลินฟ่านก็ไม่คิดที่จะลงไปแช่ในน้ำย่อยอะไรนี่เพราะมันน่ารังเกียจ อีกทั้งหากเขาเกิดไหลตามกระแสน้ำย่อยนี้ไปเรื่อยๆ ...ตอนนี้จากการคำนวณเขาควรอยู่บริเวณท้องของสิงโตหิมะ ถ้าเขาเกิดไหลลงไปตามทางนั่นอีกล่ะก็...เขาต้องเข้าไปในลำไส้ และไม่นานก็จะต้องไปสุดปลายทาง...ตูดมัน! และสุดท้าย เขาก็จะออกไปโลกกว้างพร้อมกับสถานะใหม่รอให้คนมากดไลค์ ขี้!!
“แม่ง แบบนั้นก็ไม่ไหวนะ...เฮ่อ แต่ช่างเหอะ ยังมีชีวิตรอดอยู่ก็ดีแล้ว มาดูซิว่าอยู่ในนี้จะทำอะไรได้มั่ง”
หากออกไปข้างนอกแล้วต้องปะทะกับสัตว์อสูรตัวนี้ซึ่งๆหน้า เขาไม่สามารถเอาชนะมันได้แน่นอน แต่หากจู่โจมมันจากด้านในนี้ล่ะ? มันต้องเป็นคนละเรื่องกับเขาออกไปสู้กับมันอย่างซึ่งๆหน้าแน่นอน...เขาจะให้มันชดใช้ ที่บังอาจกินเขาเข้ามา!
หลินฟ่านรีบเอื้อมมือไปจับติ่งเนื้อสีแดงด้านบนเพื่อดึงตัวหลบออกจากธารน้ำย่อยที่กำลังหลั่งไหลซัดมาทันที ...
หลังจากที่น้ำย่อยไหลผ่านไปจนหมดหลินฟ่านก็ปล่อยมือลงมายืนบนพื้นยวบยาบ และเริ่มสำรวจรอบๆอีกครั้ง
ตอนนี้แน่นอนแล้วว่าเขาต้องอยู่ภายในร่างของสิงหิมะแน่นอน ผนังและที่ๆเขายืนอยู่ล้วนเป็นสีแดง ยุบๆยวบๆ พองข้างพองออกตามลมหายใจของมัน
มองไปรอบๆแบบนี้ทำให้หลินฟ่านกลัวเล็กน้อย เพราะภาพมันช่างน่าสยดสยองไม่เบา
เมื่อเดินลงไปตามทางที่น้ำย่อยไหลไปเมื่อครู่เขาก็พบแอ่งน้ำสีเหลือง...และดูท่ามันจะเป็นแอ่งน้ำย่อยที่ไหลมารวมกัน ต้องขอบคุณที่เขาฉลาดพอไม่ปล่อยให้ตัวเองไหลตามน้ำมาเมื่อครู่ ไม่งั้นตกลงไปไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง...อาจจะไม่ถูกย่อยตาย...แต่คงตายเพราะความขยะแขยง
ในทะเลน้ำย่อยนั้นเมื่อหลินฟ่านมองลงไปก็พบกับเศษซากกระจัดกระจายลอยตัวอยู่ ทั้งยังมีกระดูกสีขาว คาดว่าคงเป็นสิ่งที่มันกินมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าอะไรก็ตามหากจมลงทะเลน้ำย่อยนั่นก็คงเหลือแต่กระดูกเช่นนี้
มองไปที่ภาพตรงหน้าหลินฟ่านก็เริ่มคิดหาวิธีจัดการกับสิงหิมะนี่ ตอนนี้เขาอยู่ในตัวมันแล้ว ก็ได้เวลาเล่นใหญ่ให้มันโอดครวญกันบ้างล่ะ!
และหากเขาสามารถฆ่าสิงโตหิมะนี่ได้จากภายในแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าเขาต้องได้ผลตอบแทนที่น่าตื่นตาตื่นใจแน่ๆ
สัตว์อสูรระดับสู่สวรรค์อมตะขั้นสูง จำนวนค่า EXP ที่ได้หลังจากฆ่ามัน เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าจะได้มากขนาดไหน
แค่คิดถึงเรื่องนั้นเขาก็รู้สึกจั๊กจี้หัวใจขึ้นมาทันที
แต่แน่นอนว่าเขาต้องหาวิธีฆ่ามันให้เหมาะสม
หลินฟ่านหยิบโอสถเจ้าโลกาผยองออกมา และคิดว่าจะโยนลงไปในแอ่งน้ำย่อยนั่นดีหรือไม่ เพราะจะอย่างไรแอ่งน้ำย่อยนี่ก็เป็นที่ดูดซับสารอาหารของสิงโตหิมะ ยังไงถ้าโยนโอสถเจ้าโลกาผยองนี่ไปมันน่าจะเห็นผลเร็วที่สุด
แม้จะรับประกันไม่ได้ว่ามันจะได้ผล แต่มันก็คุ้มค่ากับการลอง หลินฟ่านกลัวว่า 1 เม็ดยาจะไม่เพียงพอเขาจึงหยิบขึ้นมา 10 เม็ดแล้วโยนมันลงไปยังแอ่งน้ำย่อยทันที
เมื่อเม็ดยาตกลงไปในแอ่งน้ำย่อยแป๊บเดียวพวกมันก็สลายหายไปหมด มีแต่ฟองผุดๆขึ้นมาเท่านั้น
หลินฟ่านที่รอให้เกิดปฏิกิริยาอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อไม่เกิดอะไรขึ้นหลินฟ่านก็สงสัย ‘หรือว่าตัวมันขนาดใหญ่เกินไป แค่นี้มันเลยไม่รู้สึกอะไรหว่า?’
‘ใช่แล้วมันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ!’ ...อันที่จริงมันก็ไม่มีคำอธิบายอื่นที่เหมาะสมกว่านี้แล้ว
หลินฟ่านกัดฟันเล็กน้อย ก่อนที่จะทำใจโยนโอสถเจ้าโลกาผยองทั้งหมดที่เขามีอยู่ลงในแอ่งน้ำย่อยและเฝ้ารออย่างอดทน ...หากเขาจะฆ่าสัตว์อสูรตัวนี้ ก่อนอื่นเลยเขาต้องทำให้มันเหนื่อยล้าหมดเรี่ยวแรง และค่อยลงมือจะได้สำเร็จอย่างงดงาม
แล้วโอสถนี่มันก็น่าจะได้ผลกับสิงโตหิมะใช่มั้ย?
เพราะโอสถเจ้าโลกาผยองนี่เป็นโอสถขั้นเทพของเขาประมุขที่คิดค้นขึ้นมา ในทางทฤษฎีแล้วมันต้องใช้ได้ทั้ง ชายและ หญิง สิ!!
...
ส่วนทางด้านนอกนั้นนิกายทั้ง 6 ก็ล้มเลิกความคิดที่จะจัดการกับสิงโตหิมะไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สนใจผลประโยชน์ แต่พวกเขาไม่มีวิธีรับมือกับมันได้ในสภาพสมบูรณ์พร้อมแบบนี้
เหตุผลเดียวที่พวกเขายังสามารถล่าถอยและหลบหนีออกมาได้นั่นเพราะ สิงโตหิมะนั้นกังวลความปลอดภัยของลูกน้อย จึงคอยเฝ้าปากถ้ำไม่ห่าง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ป่านนี้มันพุ่งเข้ามาฆ่าล้างพวกเขาหมดสิ้นแล้ว
แต่ความสูญเสียของนิกายเม้งก่านั้น ทำให้นิกายเฟิงเทียนปลาบปลื้มและมีความสุขอย่างมาก
มันเป็นความสุขสม ... เป็นความปลื้มปิติอย่างแท้จริง!
"ผู้อาวุโสอี้ นิกาย 9 สวรรค์ , นิกายพยุหะอัสนีคำรน และที่เหลือกำลังเตรียมการเล่นงานสัตว์อสูรแล้วขอรับ!" ซ่งเขิ่นเทียนกล่าวออกมา
อาวุโสอี้ที่ได้ยินก็รู้สึกยินดีขึ้นมาไม่น้อย เพราไม่ว่าจะอย่างไร หากสิงโตหิมะถูกสังหารลง...เขาก็ยังมีโอกาสค้นหาศพของหลินฟ่าน และนำกลับไปได้
เกี่ยวกับเรื่องที่เขายังมีชีวิตอยู่นั้น..อาวุโสอี้หมดหวังไปแล้ว
ทว่าทางนิกายเฟิงเทียนที่ได้ยินเรื่องนี้กลับรู้สึกเสียดายไม่น้อย เมื่อคิดว่าพวกนิกายอื่นๆที่เฝ้ารออยู่กำลังจะชุบมือเปิบ กำจัดสิงโตหิมะ ...นี่มันน่าเสียดายและแย่ยิ่งนัก!
แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดสำหรับเรื่องนี้ เพราะหากนิกายเหล่านี้กล้าที่จะลงมือเช่นนี้ หมายความว่าผู้อาวุโสที่นำทีมมาของพวกมันต้องมีระดับบ่มเพาะขั้นสูงแน่ๆ
ในสถานการณ์แบบนี้ก็ทำได้แต่ยินยอมให้พวกมันลงมือไป มิอาจทำอันใดได้อีก
สำหรับทางนิกาย 9 สวรรค์ นิกายพยุหะอัสนีคำรน และก็นิกายกระบี่เจิดจรัส ผู้อาวุโสที่นำเหล่าศิษย์มาเฝ้าชมเหตุการณ์นั้น มีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับสู่สวรรค์อัมตะขั้นสูงสุด
เนื่องจากเหล่าอาวุโสจากทั้ง 6 นิกายที่นำทีมมามีระดับบ่มเพาะที่ด้อยกว่าและไม่อาจทำอะไรสัตว์อสูรตัวนี้ได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้นิกายเหล่านี้ลงมือจัดการสัตว์อสูรไปอย่างจนใจ และแน่นอนว่าส่วนแบ่งก็คงแบ่งเป็น 3 ส่วนเท่านั้น พวกเขาคงหมดสิทธิ์
และส่วนที่สำคัญที่สุดคงไม่พ้นลูกของสัตว์อสูรสิงโตหิมะนั่น เพราะหลังจากที่มันเจริญเติบโตเต็มที่มันอาจจะมีระดับบ่มเพาะสูงถึงสวรรค์อมตะเลยทีเดียว
ผู้อาวุโสของนิกาย 9 สวรรค์ ที่เป็นผู้นำเหล่าศิษย์มาสังเกตการณ์ แม่เฒ่า เทียนจิ ระดับการบ่มเพาะ สู่สวรรค์อมตะขั้นสูงสุด
ผู้อาวุโสของนิกาย หยุหะอัสนีคำรน ที่เป็นผู้นำเหล่าศิษย์มาสังเกตการณ์ ฉางหวู่เฉิน ระดับการบ่มเพาะ สู่สวรรค์อมตะขั้นสูงสุด
ผู้อาวุโสของนิกาย กระบี่เจิดจรัส ที่เป็นผู้นำเหล่าศิษย์มาสังเกตการณ์ ซั่งเทินเหิง ระดับการบ่มเพาะ สู่สวรรค์อมตะขั้นสูงสุด
การร่วมมือของผู้อาวุโสระดับสู่สวรรค์อมตะขั้นสูงสุดนั้น... แน่นอนว่าเพียงพอที่จะจัดการสัตว์อสูรระดับสู่สวรรค์อมตะขั้นสูงได้อย่างเหลือเฟือ
ส่วนเหล่าศิษย์ของทั้ง 3 นิกายนั้นแน่นอนว่าไม่ได้ลงมาช่วยสู้แต่อย่างไร พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดูเท่านั้น
ส่วนคนของทั้ง 6 นิกายเองก็เฝ้าดูอยู่เช่นกัน ถึงแม้พวกเขาจะจนปัญญาทำอะไรสัตว์อสูรตัวนี้ แต่พวกเขาก็ต้องการเฝ้าดูว่ามันตกตายอย่างไรด้วยสองตา
"ซั่งเทียนเหิง เจ้าจักเป็นผู้ลงมือคนแรก" แม่เฒ่าเทียนจิ กล่าวออกมาพร้อมสะบัดไม้เท้าที่อยู่มือไปรอบๆตัว หิมะทั้งหลายถูกพัดกระจายออกไปไม่ให้เกะกะ ก่อนจะบังเกิดพลังงานไร้สภาพปะทุออกจากผืนปฐพีเป็นคมเขี้ยว พร้อมที่จะพุ่งไปขย้ำศัตรูได้ทุกเวลา
ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เจิดจรัสเมื่อได้ฟังคำกล่าว แววตาของมันพลันทอประกายคมกล้า มือขวายกขึ้นมาจีบนิ้วเป็นมุทราชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้า พลันบังเกิดกระบี่นับหมื่นเล่มบินแหวกนภาเรียงตัวเป็นสายราวกับจะทอเป็นสะพานข้ามผืนฟ้า ก่อนที่ทั้งหมดจะทยอยลอยมาหยุดอยู่ด้านหลังของเขาแล้วเรียงตัวเป็นพยุหะค่ายกลกระบี่หมุนวนอย่างลี้ลับ
ครืนนน!
บรึมมมมม!
ทว่าทันใดนั้นเองถ้ำของสิงโตหิมะพลันสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น และพังทลายลงมา
ฮู่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!!!!!!'
มีเสียงคำรามที่แลดูจะเต็มไปด้วยความเดือดดาลของสัตว์ร้ายกังวานออกมาจากในถ้ำ น้ำเสียงของมันฟังเหมือนจกตกอยู่ในห้วงระเบิดโทสะ
ภายในตัวของสิงโตหิมะ ...หลินฟ่านเองก็กำลังหงุดหงิดไม่น้อย
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าโอสถเจ้าโลกาผยองของเขาจะไม่ทำงาน...ด้วยความไม่ยินยอมหลินฟ่านถึงกับทำมันเพิ่มเสียตรงนี้ และโยนมันลงแอ่งน้ำย่อยของสิงโตหิมะรัวๆ
ทั้งหลินฟ่านยังทำการบีบโอสถเจ้าโลกาผยองจำนวนมากให้แตกออกเป็นผงแล้วซัดไปใส่ผนังท้องของสิงโตหิมะ ตอนนี้ผงโอสถเจ้าโลกาผยองเคลือบผนังสีเนื้อของมันจนหนาเตอะ และเห็นได้ชัดว่ามันกำลังค่อยๆดูดกลืนโอสถเข้าไป
'ข้าประมุขไม่มีทางเชื่อ ว่าทำถึงขนาดนี้แล้วแม่งยังจะไม่ได้ผล!'
และในที่สุดหลินฟ่านก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงขึ้นในทันใด แอ่งน้ำย่อยของสิงโตหิมะอยู่ๆก็ลดระดับลงจนหายไปหมดราวกับว่ามันถูกดูดซึมเข้าไป!
อีกทั้งยามนี้ผนังเนื้อรอบๆตัวเขายังบังเกิดเส้นเลือดดำขนาดเท่าแขนของเขาฉายชัดออกมา และมันกำลังขยุกขยุยราวกับกำลังสูบฉีดดูดซึมอะไรบางอย่าง
'เจ๋ง! แม่งได้ผลแล้ว!' หลินฟ่านกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี
ฮ่าๆยะฮู้ววว! ดูซิ ไอสัตว์นรกนี่จะระเบิดไหม?
...
ผู้อาวุโสจากทั้ง 3 นิกายมองภาพตรงหน้าด้วยความสงบ
"ผู้อาวุโสจากนิกายทั้ง 6 จงฟัง...ต่อจากนี้ไปอสูรสิงโตหิมะตัวนี้ พวกเรา 3 นิกายจักทำการกำราบมันเอง พวกเจ้ามิจำเป็นต้องยื่นมือเข้ามายุ่งให้เหนื่อยแรงอันใด "หนังตาของแม่เฒ่าเทียนจิสั่นระริกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกได้ถึงเรื่องประการหนึ่ง...นางคิดว่าของรางวัลและผลประโยชน์ทั้งหมดของสิงโตหิมะ ได้อยู่ในกำมือนางเรียบร้อยแล้ว