px

เรื่อง : ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ตอนที่ 45 โฉมงามอสรพิษ


สี่ตระกูลใหญ่ ถูกจัดให้นั่งแบ่งแยกเป็นสอง

 

ตระกูลหรง และตระกูลอวิ๋นนั่งร่วมกัน

 

ตระกูลเฟิ่ง และตระกูลสุ่ยอยู่อีกด้าน

 

ตำแหน่งที่ว่างอยู่นั้น ให้บังเอิญเป็นที่นั่งข้างสุ่ยอวี้เอ่อร์พอดี

 

สุ่ยอวี้เอ่อร์ผู้นั่งประจำที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าบึ้งบูด ยิ่งได้เห็นเฟิ่งฉู่เกอขยับเยื้องกรายใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ สีหน้าของนางก็ยิ่งหมองคล้ำกระอักกระอ่วน

 

“เป็นเจ้า !”

 

สุ่ยอวี้เอ่อร์กัดฟันเค้นเสียงผ่านลำคอออกมาทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามาเจียนประชิดกาย

 

ผู้ถูกทักทายปรายหางตามองพลางเลิกคิ้ว

 

“แม่นางสุ่ยได้พบกันอีกแล้ว…”

 

รอยยิ้มที่คลี่ยกแค่เพียงเล็กน้อย ช่างบาดสายตาสุ่ยอวี้เอ่อร์เป็นที่ยิ่ง

 

นี่หากมิใช่เพราะพวกนางกำลังเป็นที่ถูกจับตามองของทุกคู่สายตาแล้ว สุ่ยอวี้เอ่อร์คงได้กระโจนเข้าอาละวาดใส่เฟิ่งฉู่เกอให้รู้ดำรู้แดงกันเป็นแน่

 

“เจ้ามานั่งอันใดที่นี่ ? ใช่ที่ของเจ้ากระนั้นหรือ ?”

 

เสียงสุ่ยอวี้เอ่อร์เยาะหยัน เมื่อเห็นเฟิ่งฉู่เกอทำท่าจะลงนั่ง

 

อีกฝ่ายหาได้ตอบคำ ทว่ากลับหย่อนก้นลงนั่งในทันที

 

“อาเฉิน มานั่งนี่สิ”

 

เฟิ่งฉู่เกอเรียกอาเฉิน ขณะยกมือขึ้นตบที่รองนั่งข้างกายตน

 

เพียงเจ้าลูกชิ้นน้อยผู้ถูกอาเฉินข่มเหงมาตลอดทางได้ยินสุ้มเสียงกวนประสาทคุ้นหู มันก็ลุกขึ้นทำจมูกฟุดฟิดนัยน์ตาลุกวาวส่งเสียงร้องขู่

 

“เหมียว”

 

ครั้นสุ่ยอวี้เอ่อร์สังเกตเห็นเด็กน้อยอุ้มลูกแมวสีขาวเดินตามหลังเฟิ่งฉู่เกอมาติด ๆ นางก็รีบปิดปากเงียบในทันที

 

คุณหนูตระกูลสุ่ยยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตน

 

แม้รอยแผลจะจางหาย ทว่าความทรงจำยังคงฝังแน่น

 

เพียงได้เห็นเจ้าแมวจอมแผลงฤทธิ์ ภาพเหตุการณ์ในวันก่อนพลันผุดขึ้นในหัวของนางทันที

 

แววตาของสุ่ยอวี้เอ่อร์เหี้ยมเกรียมขึ้นมาทันที ขณะลอบก่นด่าอยู่ในใจ : เจ้าหน้าขน รอก่อนเถิด ไม่ช้า ข้าจะต้องจับเจ้ามาถลกหนังทั้งเป็นให้จงได้ !

 

หากแต่ประกายตาแห่งความชั่วช้าของคุณหนูตระกูลสุ่ยผู้นี้หาได้เล็ดลอดสายตาอันเฉียบคมของสตรีผู้งดงามน่าตื่นตะลึงที่นั่งเคียงข้างไม่

 

เพียงครู่ สุ่ยอวี้เอ่อร์กลับต้องหรี่นัยน์ตาเพ่งมอง---

 

ตำแหน่งที่นั่งว่างอยู่นั้น คือที่นั่งซึ่งสำรองไว้ให้แก่เฟิ่งฉู่เกอ !

 

เมื่อการมาถึงของเฟิ่งฉู่เกอหญิงอัปลักษณ์สะท้านแผ่นดินปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีอย่างมิทันมีผู้ใดตั้งตัว ทุกคู่สายตาจึงเคลื่อนทิศเบี่ยงเบนมาในทันที เป็นไปได้หรือว่า

 

ขณะที่ทุกผู้คนกำลังจมจ่อมอยู่กับความสับสนงงงวย เสียงร้องตะโกนจากด้านนอกพลันดังแทรกเปลี่ยนวิถีความสนใจของเหล่าผู้สูงส่ง

 

“เฟิ่งฉู่เกอ เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงทำกับหว่านเอ่อร์เช่นนั้น ? !”

 

เพียงคำว่า ‘เฟิ่งฉู่เกอ’ ดังขึ้น สีหน้าของทุกคนพลันแปรเปลี่ยนไปได้อีก…

 

เฟิ่งฉู่เกอ

 

สตรีผู้งดงามสยบแผ่นดินนางนี้ ก็คือเฟิ่งฉู่เกอกระนั้นหรือ ?

 

ไม่น่า...นี่มันเรื่องล้อเล่นใช่หรือไม่ ?

 

ทั่วหล้าต่างร่ำลือกันหนาหูว่าเฟิ่งฉู่เกอคือสาวน้อยอัปลักษณ์มิใช่หรือ ?

 

ทั้งเมื่อครู่ พวกเขายังตั้งวงปาถกความอัปลักษณ์ของเฟิ่งฉู่เกอผู้นี้กันอยู่ด้วยซ้ำ

 

หากทว่า รูปโฉมของสตรีผู้ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขานี้ คือสตรีผู้งดงามเกินสรรหาถ้อยคำบรรยายมิใช่หรือ ?

 

เมื่อจื่อหลานผู้ยืนคุ้มกันเฟิ่งฉู่เกออยู่ด้านหลังเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนราวถูกบังคับกินอาจมของบรรดาผู้สูงส่งที่พากันนินทารูปโฉมของคุณหนูตนเช่นนั้นก็ยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความลำพอง !

 

หากทว่าเฟิ่งฉู่เกอหาได้ใส่ใจปฏิกิริยาของผู้คนรอบข้างไม่ นางกำลังเพ่งความสนใจไปยังต้นเสียงที่ร้องตะโกนโหวกเหวกอยู่ด้านนอก

 

เหอเหลียนจินอวี่ ท่านอ๋องสามผู้อยู่ในชุดคลุมสีดำสนิทปรากฏกายขึ้นด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด

 

ยามนี้ ใบหน้าหล่อเหลามีเพียงอายแห่งการเข่นฆ่าสังหาร

 

ผู้คนในตระกูลเฟิ่งถูกริบทรัพย์ขับออกจากเรือนกระทั่งไม่มีแม้ที่ซุกหัวนอน ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเกิดแต่ฝีมือสตรีนางนี้ !

 

ยิ่งเมื่อหวนนึกถึงใบหน้าที่อาบไปด้วยหยาดน้ำตาของหว่านเอ่อร์ ยามเมื่อเขามอบที่พักพิงให้แก่นาง เหอเหลียนจินอวี่ก็ยิ่งชังน้ำหน้าเฟิ่งฉู่เกอขึ้นมาอีกหลายส่วน

 

ในสายตาของเขา เฟิ่งฉู่เกอผู้นี้คือนางอสรพิษ คือนางมารใจอำมหิต!

 

ยามนี้กระทั่งใบหน้าอันงดงามของหว่านเอ่อร์ผู้น่าเวทนาก็ถูกทำลาย กระทั่งไม่เหลือดี

 

ปรมาจารย์โอสถขั้นต้นในวังอ๋องรายงานว่าจำต้องได้ผงโอสถเกล็ดหิมะมาใช้ในการรักษาบาดแผลบนใบหน้าของเฟิ่งชิงหว่าน

 

หาไม่ เกรงว่ารอยแผลบนใบหน้าของเฟิ่งชิงหว่านจะมิอาจเยียวยาให้สมานสนิท

 

เฟิ่งฉู่เกอค่อย ๆ ช้อนดวงหน้างามขึ้นมองคู่สนทนา ครั้นเมื่อรำลึกได้ว่าบุรุษเบื้องหน้าคือผู้ใดนางจึงคลี่ยิ้มตอบคำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“อ้า... ท่านคือท่านอ๋องสามมิใช่หรือ ?”

 

“เฟิ่งฉู่เกอ เจ้ามาทำบ้าอันใดที่นี่ ?”

 

เหอเหลียนจินอวี่โกรธจนตาลุกเป็นไฟ

 

“ท่านอ๋องผู้นี้ พวกเรามิได้เกี่ยวดองร่วมสัมพันธ์กัน ข้ากระทำสิ่งใด ไปเยือนที่ใด คงมิต้องคอยส่งรายงานท่านกระมัง ?”

 

เฟิ่งฉู่เกอลอยหน้าลอยตาตอบด้วยท่าทีเฉยชาราวอีกฝ่ายไร้ตัวตน

 

***จบตอน โฉมงามอสรพิษ***

รีวิวผู้อ่าน