px

เรื่อง : ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ตอนที่ 49 พี่รองยังสาวสะพรั่ง


สองคิ้วของเฟิ่งฉู่เกอขยับเข้าหากันเล็กน้อย

 

“ทว่า ! ก็อีกนั่นล่ะ พี่รองกับคุณชายอวิ๋นสมรสกันก็เพียงในนาม แม้นหากพี่รองปรารถนาอยากออกเรือนอีกคราย่อมเป็นการสมควร จะอย่างไรเสีย พี่รองก็ยังอยู่ในวัยสาวสะพรั่งจะปล่อยทิ้งให้เหี่ยวเฉาร่วงโรยคาเรือนก็น่าเสียดายเกินไป”

 

ขณะกล่าวคำยอกย้อน เฟิ่งฉู่เกอยังจงใจลากหางเสียงให้ยาวไปถึงท้ายวัง

 

สิ้นสุดเสียงวิเคราะห์ ไม่เพียงสามารถทำให้เฟิ่งเฉียนเสวี่ยหน้าเสีย กระทั่งคนตระกูลอวิ๋นผู้นั่งห่างออกไปไม่ไกลยังมีสีหน้าไม่ต่างกัน

 

แม้คุณชายรองแห่งตระกูลอวิ๋นจะเป็นบุรุษเขลาเบาปัญญา ทว่าอย่างน้อย เขาก็เป็นแก้วตาดวงใจของนายท่านและอวิ๋นฮูหยิน

 

ครั้นได้ยินถ้อยคำค่อนขอดของเฟิ่งฉู่เกอ พวกเขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ไยเฟิ่งเฉียนเสวี่ยจึงแต่งกายด้วยสีสันฉูดฉาดสดใส ในช่วงไว้ทุกข์ให้แก่สามีเยี่ยงนี้

 

ใบหน้าของคนตระกูลอวิ๋นยามนี้หม่นมัวอย่างเห็นได้ชัด

 

พฤติกรรมของเฟิ่งเฉียนเสวี่ยแสดงให้เห็นถึงการไร้ความเคารพในผู้ใหญ่สกุลอวิ๋น !

 

เฟิ่งเฉียนเสวี่ยไหวตัวทันจึงรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที

 

“เฟิ่งฉู่เกอ เจ้าอย่าได้เฉไฉปั้นเรื่องเพ้อเจ้อไรสาระ !”

 

“พี่รอง ที่ข้ากล่าว ผิดที่ใด ?”

 

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นบุ้ยปากมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีทุกข์ใจ

 

“ก็เมื่อข้าเห็นพี่รองสวมใส่อาภรณ์สีแดงแปร๊ดเช่นนี้ ข้าจึงเข้าใจว่าพี่รองมิอาจแบกรับความเดียวดายแต่เพียงลำพัง จึงต้องตระเตรียมแผนการงาบพี่เขยมาให้ฉู่เกอได้ชื่นใจอย่างไรเล่า…”

 

ผู้นั่งรายล้อมที่ได้ฟังต่างหลุดหัวเราะกันครืน

 

เฟิ่งเฉียนเสวี่ยออกเรือนไปกับคุณชายรองผู้ได้ชื่อว่า ‘บุรุษไร้สมอง’ ทว่ากลับทำให้อีกฝ่ายขวัญผวาตื่นกลัว กระทั่งหัวใจวายตายคาห้องหอ เรื่องนี้กลายเป็นที่โจษจันกล่าวขวัญกันอย่างครื้นเครงในวงน้ำชา ทั้งเป็นเรื่อบขบขันสร้างความบันเทิงเรียกน้ำย่อยบนโต๊ะอาหารได้เป็นอย่างดี

 

ทว่ายามนี้ เมื่อพวกเขาได้ฟังถ้อยคำเสียดสีเป็นเรื่องเป็นราวของเฟิ่งฉู่เกอ จะให้พวกเขากลั้นหัวเราะไหวได้เยี่ยงไร

 

เสียงหัวเราะที่ดังกึกก้อง ยิ่งทำให้เฟิ่งเฉียนเสวี่ยประสาทเสีย

 

ครั้งหนึ่งนางเคยเป็นจอมยุทธหญิงรุ่นเยาว์ยอดอัจฉริยะแห่งตระกูลเฟิ่ง นางเคยเป็นคุณหนูรองแห่งตระกูลเฟิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นคุณหนูที่ผู้คนทั่วหล้าต่างพากันประคบประหงมเอาอกเอาใจราวไข่มุกในฝ่ามือ

 

ทว่าเพราะเฟิ่งฉู่เกอผู้นี้โดยแท้ ทุกวันนี้นางจึงตกต่ำถึงระดับนี้

 

ความเกรี้ยวกราดลุกโพลงภายในใจ กระทั่งที่สุดก็ระเบิดออก

 

“เจ้าสวะไร้ค่า เจ้ากล้าติเตียนข้ากระนั้นหรือ ! ข้าจะเลาะฟันเจ้าให้หมดปาก ! ข้าจะปลิดลมหายใจของเจ้าทิ้ง !”

 

แม้นางจะตกต่ำสักเพียงไร ทว่า นางคือเฟิ่งเฉียนเสวี่ย จอมยุทธขั้นสอง ปราณยอดยุทธ

 

เฟิ่งเฉียนเสวี่ยกระโจนขึ้นฟ้า ร่างสีแดงเพลิงพุ่งตรงลงมาหาเฟิ่งฉู่เกออย่างรวดเร็ว

 

เพียงเห็นอีกฝ่ายพุ่งเข้าโจมตีผู้เป็นนาย จื่อหลานผู้คอยพิทักษ์อยู่ด้านหลังก็กระโดดขึ้นขวางหน้าในทันที

 

เหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายผู้ประชุมกันในที่นั้นต่างไม่คิดยื่นมือเข้าแซกแทรง เมื่อยามนี้พวกเขากำลังร่วมชมการแสดงฉากพิเศษอันน่าตื่นตา การขัดแทรกผู้แสดงย่อมมิใช่มารยาทอันสมควร

 

ขณะเรื่องราวกำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้น เสียงประกาศก้องพลันดังมาจากที่ไกล

 

“ฝ่าบาทเสด็จ”

 

เสียงประกาศนั้นสามารถสยบทุกความเคลื่อนไหวในงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ได้อย่างราบคาบ

 

เฟิ่งเฉียนเสวี่ยหยุดชะงักกึก

 

แววตาแห่งความสำนึกผิดฉายวาบขึ้นคราหนึ่ง

 

นางวู่วามเกินไป

 

บุ่มบ่ามกระทั่งเกือบทำเสียแผน

 

หญิงสาวพยายามกัดฟันฝืนกลั้นความเดือดดาลไว้ภายใน

 

“เฟิ่งฉู่เกอ รอก่อนเถิด ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่ !”

 

สิ้นคำขู่ นางหันหลังเดินกลับไปยังที่นั่งของตน

 

องค์ฮ่องเต้แห่งเทียนฉีปรากฏกายในอาภรณ์อันสูงส่งสีเหลืองทอง เขาค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่บริเวณงานด้วยท่าทีสง่างาม

 

โดยมีองค์ฮองเฮาติดตามมาด้านหลัง

 

เมื่อทั้งคู่ขึ้นประทับเหนือบัลลังก์ องค์ฮ่องเต้แห่งเทียนฉีจึงกวาดตามองบรรดาผู้ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า หาได้ยากยิ่งที่สี่ตระกูลใหญ่จะมารวมตัวกันพร้อมหน้าเช่นนี้...ทว่าเมื่อครู่ เกิดเรื่องใดขึ้นกระนั้นหรือ ? เสียงเอะอะโวยวายดังไปถึงด้านนอก”

 

เพียงถูกถาม ทุกคนในที่นั้นต่างก็มีท่าทีกระอักกระอ่วน

 

เพียงครู่ เฟิ่งเฉียนเสวี่ยจึงค่อย ๆ ลุกขึ้น

 

“ทูลฝ่าบาท เพียงเกิดเรื่องเข้าใจผิดเพคะ พวกเราพี่น้องมิได้พบเห็นหน้ากันมานานจึงหยอกล้อกันนิดหน่อยเพคะ”

 

“เจ้าก็คือ…”

 

องค์ฮ่องเต้ถอนสายตามาหาเฟิ่งเฉียนเสวี่ย

 

“หม่อมฉันคือคุณหนูรองแห่งตระกูลเฟิ่ง พี่สาวของเฟิ่งฉู่เกอเพคะ…”

 

เมื่องานเฉลิมฉลองในวันนี้เป็นเพียงละครโรงใหญ่ ชุดเสด็จลุงรับขวัญหลานสาวหัวแก้วหัวแหวน

 

เช่นนั้น เมื่ออีกฝ่ายอ้างนามเฟิ่งฉู่เกอ เขาจึงมิได้สืบสาวหาความ

 

บุรุษผู้ยิ่งใหญ่กวาดตามองฝูงชนผู้ได้รับเกียรติให้เข้ามาร่วมงานเลี้ยง กระทั่งไปหยุดอยู่ตรงที่นั่งซึ่งจัดเตรียมไว้ให้แก่ตระกูลเฟิ่ง

 

***จบตอน พี่รองยังสาวสะพรั่ง***

 

รีวิวผู้อ่าน