บทที่ 325 : งานเข้า! ผลพวงจากอดีต!!
"เฮ่อ ถึงซะที"
หลังจากที่เดินทางรอนแรมมาหลายวัน ตอนนี้หลินฟ่านที่อยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งก็กำลังยืนมองนิกายเฉวียนเจวี้ยนที่ตั้งอยู่ในระยะไกลๆ
ครั้งแรกที่เขาได้เห็นนิกายเฉวียนเจวี้ยนนี้เขาก็อดที่จะตะลึงไม่ได้ เพราะนิกายเฉวียนเจวี้ยนมันถูกสร้างขึ้นบน ใบกระบี่! มิผิด ใบของกระบี่!! แต่มันเป็นกระบี่ขนาดมหึมาเล่มหนึ่ง ที่ปักเฉียง 45 องศา กับพื้นดิน!! กระบี่นี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬารนัก เมื่อได้เห็นนำพาให้อดตกตะลึงไม่ได้!
กลิ่นอายคมกล้าราวกับจะสะบั้นได้ทุกสิ่ง ทั้งสภาวะแหลมคม แผ่ซ่านออกมาจากตัวกระบี่ไม่หยุดยั้ง
คมกล้า แหลมคม!
ด้วยเหตุนี้เองมันส่งเสริมให้นิกายเฉวี้ยนเจวี้ยนแลดูแกร่งกล้า ดุดันไม่น้อย!
ภาพนี้แลดูราวกับเป็นภาพจากเทพนิยายอย่างไรอย่างนั้น+ ไม่คิดเลยว่าบนโลกใบนี้จะมีเรื่องราวเช่นนี้ได้!
มองไปยังภาพนี้ หลินฟ่านอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นนิกายของผู้หญิง ดูท่าแล้วพวกนางคงมีความสุขไม่น้อยที่อยู่ในสถานที่อลังการเช่นนี้!
พอคิดถึงนิกายตัวเองแล้วมัน...ก็อาจจะมีวิวสวยบ้างอะไรบ้างเพราะยังไงก็อยู่บนยอดเขาสูงเทียมเมฆ อันที่จริงก็กล่าวได้ว่างดงามราววิมานสวรรค์เลยนั่นล่ะ ... แต่อะไรที่อภินิหารแบบนี้ มันไม่มีเลยแม้แต่น้อย... อย่าได้เปรียบเทียบอีกเลย เรื่องมันเศร้า!
สภาวะสะกดข่ม วิจิตบรรจง สวยงาม ... ทั้งหมดนับว่าหลอมรวมผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ก่อเกิดเป็นความมีเสน่ห์อันลึกลับ
หลินฟ่านคิดว่าประมุขของนิกายเฉวียนเจวี้ยนคงมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี เรียกได้ว่าคงเป็นแม่เฒ่าคนหนึ่ง หากว่านางมีอายุน้อยสักหน่อยล่ะก็ หลินฟ่านคงไม่ค่อยคิดมากอะไรที่จะเข้ามาติดต่อแบบนี้ ...ใครๆก็รู้ว่าหญิงชรา เรื่องมากจะตาย!!
ใจของหลินฟ่านสั่นๆเล็กน้อยพอคิดถึงเรื่องหญิงชรา อดทำให้เขานึกย้อนไปถึงอาม่าที่ลานกายบริหารเสียไม่ได้...ครุ่นคิดความหลังครู่หนึ่ง หลินฟ่านก็เดินลงเขาไปเพื่อบรรลุจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้
...
“หยุดอยู่ตรงนั้น อย่าได้ก้าวล่วงล้ำเข้ามา ที่นี่เป็นนิกายเฉวียนเจวี้ยน ห้ามมิให้บุคคลภายนอกเข้า”สตรีคนหนึ่งแลดูอายุน้อย ก้าวออกมาขัดขวางหลินฟ่าน ด้วยท่วงท่าทะมัดทะแมง
สาวน้อยจับจ้องไปยังหลินฟ่าด้วยสายตาระมัดระวัง
“น้องสาว ข้าไม่ใช่คนนอก ข้ามาที่นี่เพื่อคุยธุระบางอย่างกับประมุขนิกายของเจ้าน่ะ” หลินฟ่านจับจ้องไปยังเด็กสาวตัวน้อย แน่นอนว่านางคงไม่อาจขวางอะไรเข้าได้หากเขาจะจัดการนางแล้วเข้าไป แต่จะให้หลินฟ่านทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน!
ตอนนี้เขาเป็นถึงคนที่แข็งแกร่งที่สุดของเม้งก่าเลยนะ! ให้รังแกสาวน้อยอ่อนแอนางหนึ่งหรือ เขาจะทำได้อย่างไร!
และที่สำคัญที่สุดคือ จุดประสงค์ของเขาคือการมาขอชิ้นส่วนตราประทับ หากไปรังแกคนของนิกายคนอื่นเค้าเข้า แล้วใครมันจะให้ของเขากันเล่า?
"เจ้าเป็นผู้ใด?" สาวน้อยมองไปยังร่างหลินฟ่านอย่างขึงขัง สองตาจับจ้องเขม็ง มือเอื้อมชักกระบี่ยาวออกมาเตรียมพร้อม
หลินฟ่านส่ายหน้า เขาคร้านจะวุ่นวายอะไรกับสาวน้อยนางนี้แล้ว จึงเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ไม่รังแกอีกฝ่ายแค่เดินเขาไปเฉยๆ น่าจะไม่เป็นอะไร..
"หยุดนะ…! เจ้าต้องตอบคำข้ามาก่อน...ว่าเจ้าเป็นผู้ใด! มาทำอะไร! มาจากไหน! มีธุระอันใด!" สาวน้อยเริ่มมีโทสะ นางพุ่งไปขวางทางเข้าด้วยความกราดเกรี้ยว พร้อมกล่าวถามราวปืนกล
“หากเจ้ายังมิยอมหยุดแต่โดยดี อย่าได้หาว่าข้าดุร้าย” สาวน้อยคนนี้เฝ้าประตูมานานแล้ว นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางพบเจออะไรเช่นนี้ ใยคนตรงหน้าถึงไม่กล่าวตอบคำถาม!
ถึงแม้ว่านิกายเฉวียนเจวี้ยนจะไม่ใช่นิกายที่สำคัญหรือยิ่งใหญ่อะไรมากมาย แต่ก็ไม่ใช่นิกายที่ใครๆจะมาสร้างปัญหาได้ ดังนั้นสาวน้อยคนนี้จึงปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน
หลินฟ่านไม่ได้ตอบอะไรนาง เขาเพียงเดินเข้าไปช้าๆเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันเขาก็บ่นในใจ ‘ทำไมแต่ละนิกายมันถึงเรื่องมากนักวะชิบหาย จะเข้าแต่ละทีต้องรอนู่นนี่นั่น! โอ๊ย ศัตรูเขาไม่เดินเข้ามาดีๆ หรอกอีหนู ป่านนี้ซัดตู้มๆ เละเทะหมดแล้ว!!’
“ในเมื่อกล่าวแล้วมิยอมฟัง เช่นนั้นก็รับกระบี่ข้า!” ไม่คิดเลยว่าบุรุษตรงหน้าจะไม่สนใจคำกล่าวเตือนของนาง มันยังคงเดินเข้ามาไม่ลดละ สาวน้อยบังเกิดโทสะลงมือโดยพลัน นางตวัดกระบี่ฟันไปยังแขนของหลินฟ่าน!
เคร๊งงงงง!! แกร่กๆ
"ปะ...เป็นไปได้อย่างไร?" มองไปยังกระบี่ยาวที่หักครึ่งร่วงไปกองเป็นซากที่พื้น นางตกตกตะลึงไม่น้อย ก่อนที่ดวงตาของสาวน้อยจะเริ่มแดงระเรื่อ หยาดน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา..
"กระ...กระบี่ของข้า ...ไม่จริง !" หลังจากที่สาวน้อยคนนี้ได้พยายามทำภารกิจเล็กๆน้อยในนิกายอยู่นานสองนาน ในที่สุดนางก็สามารถแลกกระบี่ยาวระดับต่ำที่หมายปองมาแสนนานเล่มนี้ได้สำเร็จ แต่ไม่คิดเลยว่า...ได้มาไม่กี่วัน มันกลับต้องมาหักครึ่งพังลงเช่นนี้!!
มองไปยังสาวน้อยที่กำลังทรุดลงไปคุกเข่าจับด้ามกระบี่ขึ้นมากอดพร้อมร่ำไห้น้ำตานองหน้า หลินฟ่านอดสงสารนางขึ้นมาไม่ได้ เขาส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบเศษกระบี่บนพื้น และเริ่มหลอม มันต่อหน้านาง
เพียง 2 ลมหายใจ กระบี่ยาวทอประกายคมกล้า รูปร่างประณีตงดงามเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ หลินฟ่านหยิบมันมาโยนไปปักลงบนพื้นดินตรงหน้านาง!
"อาล่ะ ถือซะว่าข้าชดใช้กระบี่เล่มนี้ให้เจ้าแล้วกัน ปล่อยข้าไปหาประมุขของเจ้าได้แล้ว ข้ามีธุระกับนางจริงๆ" หลินฟ่านไม่ได้รอคำตอบหรืออะไร กล่าวจบเขาก็เดินเข้าไปข้างในทันที
หญิงสาวที่ร่ำไห้ถึงกับเบ่งตากว้างมองดูกระบี่ยาวที่สวยงาม นางรีบหยิบมันขึ้นมาทันที และนางก็ต้องตื่นตะลึงมากยิ่งขึ้นเมื่อพบว่า...
มันเป็นกระบี่ระดับกลาง ... !
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส” ศิษย์สตรีคนนั้นรู้สึกผิดในใจ นางรับรู้ได้ทันทีว่าบุรุษคนเมื่อครู่ต้องเป็นผู้อาวุโสที่เก่งกล้าอย่างแน่นอน ฝีมือเลิศล้ำถึงขั้นหลอมกระบี่ระดับกลางเช่นนี้ในเพียงไม่กี่ลมหายใจ ต้องมีความเป็นมาไม่ธรรมดาเป็นแน่! ทั้งยังหลอมสร้างมันขึ้นมาจากเศษเหล็กอีกด้วย น่ากลัวอะไรเช่นนี้!!
หลินฟ่านแน่นอนว่าย่อมไม่ใส่ใจอะไรกับอาวุธระดับนี้ เขาสนแต่อาวุธระดับตำนานเท่านั้น!
บางครั้งเวลาเขาเบื่อๆ เขาก็ลองเอานู่นนี่นั่นมาหลอมเล่นๆ เผื่อฟลุคจะได้อาวุธในตำนานบ้าง แต่ความจริงมันช่างโหดร้ายนัก สิ่งที่เขาได้มีแค่ของซังกะบ๊วย...!
...
หลินฟ่านที่เดินมาตามทางแน่นอนว่าย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย เพราะมันแปลกอย่างถึงที่สุดที่พบเจอบุรุษอยู่ที่นี่ ศิษย์บางคนรีบวิ่งไปแจ้งผู้อาวุโสทั้งหลาย ว่ากำลังมีบุรุษคนหนึ่งเดินอยู่ในนิกาย
หลินฟ่านเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงด้านบนสุดของนิกาย เขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เพราะตอนนี้มีผู้คนของนิกายเฉวียนเจวี้ยนกำลังยืนออกันเป็นกลุ่มรอรับการมาถึงของเขา
"ท่านเป็นผู้ใด และคิดมาทำอันใดที่นิกายเฉวียนเจวี้ยนแห่งนี้?" คนที่กล่าววาจาเป็นสตรีอาวุโสของนิกาย
"หลินฟ่านแห่งเม้งก่า เดินทางมาขอพบประมุขนิกายเฉวียนเจวี้ยน" หลินฟ่านไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำถามของนางมากนัก เขาเลือกที่จะเปิดเผยตัวตนออกมา แม้ว่าเสียงกล่าวของเขาจะเบา แต่คนของนิกายเฉวียนเจวี้ยน ล้วนได้ยินกันทั่ว!
ภายในห้องโถงหลังของนิกายเฉวียนเจวี้ยน ...
ประมุขของนิกายเฉวียนเจวี้ยนที่กำลังสนทนากับผู้อาวุโสบางคนของนิกาย เมื่อได้ยินเสียงนี้ นางรีบวิ่งออกมาด้วยความตกใจ!
บรรยากาศด้านนอกตอนนี้ตึงเครียดไม่น้อย ท่วงท่าสงบนิ่งทว่าแผ่กลิ่นอายเหนือชั้นสะกดข่มของหลินฟ่านทำให้ผู้อาวุโสที่กล่าวถามออกมารู้สึกอึดอัด
นิกายเฉวียนเจวี้ยนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี ไม่ค่อยมีใครกล้ามาลูบคมถึงที่เช่นนี้นานแล้ว!
แน่นอนว่าพวกนางย่อมรู้จักนิกายเม้งก่าดี แต่พวกนางมองว่าหลินฟ่านดูไม่เหมือนคนของนิกายเม้งก่า!
"จับชายผู้นี้เอาไว้!" ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวคำออกมาอย่างไม่พอใจ
...
"หยุดให้หมด!"
ทันใดนั้นเอง สตรีที่ห้อมล้อมเตรียมจะจับกุมหลินฟ่านล้วนหันไปตามเสียงที่ดังขึ้น แน่นอนทั้งหมดย่อมจำได้ มันเป็นเสียงของประมุข!
"คารวะท่านประมุข!"
"ศิษย์พี่ ... !"
ประมุขนิกายเฉวียนเจวี้ยนก้าวออกมาอย่างช้าๆ...และด้านหลังของนางมีสตรีร่างหนึ่งก้าวติดตามออกมาด้วย นางคือเชวียนอวิ๋นเซียน!
เมื่อเชวียนอวิ๋นเซียน มองเห็นว่าเป็นร่างของผู้ใดที่ยืนอยู่นางอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เพราะนางย่อมจดจำหลินฟ่านได้! สีหน้าท่าทางของนางแปรเปลี่ยนเป็นไม่อยากจะเชื่อในทันใด
นางแทบไม่เชื่อว่านั่นจะเป็นเขา!
พริบตานั้นภาพความทรงจำในวังวนนรกมอดไหม้ได้หวนกลับมาฉายซ้ำในหัวของนาง มันเป็นภาพที่ตราตรึงในใจมิรู้ลืม!
เขายังไม่ตาย! เขายังไม่ตาย! ยอดเยี่ยมนัก ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
แต่ ...เพราะเหตุใดเขาถึงมาที่นี่?
เป็นไปได้หรือไม่..ที่เขามาที่นี่เพราะ...ข้า?
เชวียนอวิ๋นเซียน เริม่นึกเรื่องร่าวมากมายต่างๆนาๆในใจ วาจาสุดท้ายของบุรุษผู้นั้นยังคงฝังลึกตราตรึง ให้นางหวนคำนึงมิห่างหาย จวบจนชีพวายคำนั้นของเขาก็ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจนาง
หัวใจของนางนั้นปั่นป่วนมาเนิ่นนาน ...ทุกวันๆ นางรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง นางคิดถึงเขา...แต่สิ่งเดียวที่นางทำได้ คือภาวนาให้เขามีชีวิตรอด... แต่สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงเฝ้าบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเรื่องเช่นนั้นมันเป็นไปไม่ได้
เพราะนั่นคือเปลวเพลิงอันร้อนแรงของวังวนนรกมอดไหม้ ที่แม้แต่ตัวนางเองยังไม่อาจทานทนรับไหว
แต่เมื่อได้เห็นบุรุษที่ใจเฝ้าคำนึงมิวางวายยืนอยู่ตรงหน้า ในใจของเชวียนอวิ๋นเซียนบังเกิดความร้อนรุ่ม!
ใจที่เคยสงบนิ่งดังศิลาผาแกร่ง มายามนี้ช่างร้อนรุ่มปั่นป่วนราวกับทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง!!
ในขณะที่หลินฟ่านจะกล่าวคำตามที่เขาได้เรียบเรียงไว้ในใจ หัวใจของเขาก็กระตุกเล็กน้อย เพราะเขาพบว่ามีใครบางคนกำลังจับจ้องมองมาที่เขา และเมื่อเขาหันไปดู และพบว่าผู้ที่มองมาเป็นใคร เขาก็ถึงกับตะลึงไม่น้อย
'ชิบหาย! งานเข้า!!' หลินฟ่านนั้นถึงกับสะอึกไปทันที ในใจเริ่มนึกย้อนไปถึงวันนั้นในวังวนนรกมอดไหม้อีกครั้ง
วันนั้นเขาดันคึก คิดแสดงบทพระเอกเท่ห์ๆ ปกป้องสตรีจนตัวตาย ...ซ้ำยังทะลึ่งกล่าวคำราวสารภาพความในใจก่อนตายอย่างสนุกสนานซะอย่างนั้น!
เขาก็คิดว่าคงไม่ได้เจอสตรีที่นับว่าสวยจับใจคนนี้อีก แต่ดูจากสีหน้าและแววตาของนางแล้ว หลินฟ่านรับรู้ได้ทันทีว่า นางจดจำคำพูดพระเอกของเขาได้ทุกคำอย่างแน่นอน! และดูเหมือน ใจของนางจะถูกเขาฉกชิงมาซะแล้ว!!
‘เย็นเว้ยๆ ตอนนี้นิ่งสงบสยบการเคลื่อนไหวไปก่อน!’
หลินฟ่านกล่าวเตือนตัวเองในใจ ท่วงท่าของเขายังคงสงบดั่งสายธารา
"ประมุขเฉวียน ข้าคือหลินฟ่านจากเม้งก่า รบกวนท่านแล้ว"