px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 323 : รัตติกาลไร้น้ำตา


บทที่ 323 : รัตติกาลไร้น้ำตา

เสียงหัวเราะนี้ของเจิ้งฝานช่างเปล่งออกมาอย่างมีความสุขจากหัวใจ และปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ

ซ้ำยังผสมผสานไปกับร่องรอยความตื่นเต้นที่ยากอธิบาย ...

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีว่าเพราะอะไรเจิ้งฝานถึงบังเกิดความตื่นเต้นเช่นนี้

หาไม่แล้วเขาคงไม่กล่าวคำแสดงความยินดีออกไปก่อนหน้านี้...

"ต้วนหลิงเทียน เจ้าสามารถมองเห็นได้ด้วยหรือ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าตอนนี้?" ในที่สุดเจิ้งฝานก็เริ่มสงบลง เขาระงับความตื่นเต้นดีใจที่เผยออกมา ก่อนที่จะจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาทอประกายปัญญาลึกล้ำ ราวกับเขากำลังจะมองให้ทะลุต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ  "ขอแสดงความยินดีด้วยปรมาจารย์เจิ้งฝาน ท่านสามารถทำความเข้าใจ แนวคิดดาบ ได้สำเร็จและตัดผ่านไปยังระดับหยั่งรู้ธรรมชาติ ได้ในครั้งเดียว!"

แน่นอนว่าเขาย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจิ้งฝาน

คำกล่าวของเขาสมควรไปจุดประกายความคิดอะไรบางอย่างของเจิ้งฝาน

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆสำหรับเขา  แต่มันอาจจะเป็นปมในใจที่สำคัญของเจิ้งฝาน

บางทีกระทั่งเจิ้งฝานเองยังไม่อาจตระหนักได้ด้วยซ้ำ ว่าเป็นเพราะปมในใจนี้ของเขา มันทำให้เขายึดติด จนไม่อาจทำความเข้าใจแนวคิดของดาบ ได้เสียที และไม่อาจตัดผ่านไปยังระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นแรกได้เช่นนี้!

จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดแล้ว ต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าหากผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งต้องการที่จะตัดผ่านไปยังระดับหยั่งรู้ธรรมชาติ นอกเหนือจากต้องยกระดับบ่มเพาะไปถึงระดับ แรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 9 แล้ว คนๆนั้นต้องมีความเข้าใจที่มากเพียงพออีกด้วย  ...

มีเพียงบุคคลที่สามารถเปลี่ยน พลัง ที่มีให้กลายไปเป็น แนวคิด ได้สำเร็จเท่านั้น ถึงจะสามารถทะลวงผ่านคอขวดระดับแรกสัมผัสธรรมชาติไปยังระดับหยั่งรู้ธรรมชาติได้สำเร็จ

นี่คือกฎเหล็กของทวีปเมฆาล่อง!

นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไม ผู้ฝึกยุทธ์ถึงไม่อาจใช้ ทรัพยากรล้ำค่าของสวรรค์และโลก เพื่อยกระดับตัวเองให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติได้

และด้วยสาเหตุนี้เองต้วนหลิงเทียน จึงปฏิเสธที่จะเชื่อว่า หานเฉวี่ยไน่ที่เขาพบเจอวันนั้น เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหยั่งรู้ธรรมชาติ!

ในสายตาของเขาที่ได้รับความทรงจำมาจากจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด แม้ว่าความเข้าใจของเด็กสาว วัย 15 – 16 จะสูงส่งเลิศล้ำถึงเพียงไหน หรือจะมีความสามารถท้าทายสวรรค์มากสักเท่าไร ก็ยังเป็นไปไม่ได้ ที่นางจะเข้าใจ แนวคิด ได้รวดเร็วขนาดนี้

"ต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนว่าข้ายังคงประเมินเจ้าต่ำเกินไป" เจิ้งฝานจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งปัญญา ราวกับจะมองทะลุได้ทุกสิ่งอย่าง "บุคคลที่มาจากอาณาจักรเล็กๆภายใต้การปกครองของอาณาจักรพนาคราม กลับสามารถรู้เรื่องของ แนวคิด ได้อย่างไร?  ดูเหมือนว่าเจ้าเองจะหาได้ธรรมดาซะแล้ว"

คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปยังเจิ้งฝานด้วยสายตาประหลาดใจ "ปรมาจารย์ ดูเหมือนว่าท่านเองจะรู้จักข้าเป็นอย่างดี"

เขาไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไร ที่เจิ้งฝานจะรู้ว่าเขามาจากอาณาจักรที่อยู่ภายใต้อาณัติของอาณาจักรพนาคราม

เพราะเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ตอนที่เขาเข้ามายังนิกายกระบี่ 7 ดาววันแรก เขายังกล่าวถึงเรื่องนี้ต่อหน้าหลู่ชิวและศิษย์คนอื่นๆ อีกมากมาย

ดังนั้นจึงมีคนที่รู้เรื่องภูมิหลังนี้ของเขาไม่น้อยแล้ว

"ต้วนหลิงเทียน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วันนี้ข้าคงมิอาจตัดผ่านระดับ และประสบผลสำเร็จเลิศล้ำเช่นนี้ได้ หากไม่ได้คำกล่าวชี้นำของเจ้า ...คอขวดนี้ข้าติดมาหลายปีแล้ว ...นับว่าข้าเจิ้งฝาน เป็นหนี้เจ้า!" เจิ้งฝานมองไปยังต้วนหลิงเทียน ด้วยสายตาจริงจัง ใบหน้าของเขาแฝงความหมายตามนั้น และนี่นับเป็นคำมั่นหนึ่งของเขา

เขาย่อมรูซึ้งดี หากไม่ได้ วลี นั้นของต้วนหลิงเทียน กระตุ้นจิตสำนึกของเขาแล้วล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ชีวิตนี้เขาจะตัดผ่านระดับ!

บุญคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก!

มันยิ่งใหญ่ดั่งเขาไท่ซาน

เมื่อได้ยินคำกล่าวจริงจังของเจิ้งฝานต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ปฏิเสธอะไร "เช่นนั้น ข้าคงต้องขอบคุณท่านปรมาจารย์ขุนเขาล่วงหน้าแล้ว"

หลังจากวันนี้บุคคลที่อยู่เบื้องหน้าเขาไม่เพียงแต่เป็นปรมาจารย์ และจ้าวขุนเขาไท่หยางเท่านั้น ...

เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหยั่งรู้ธรรมชาติที่น่ากลัวอีกด้วย!

ผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติ ...

แม้กระทั่งในนิกายกระบี่ 7 ดาว ตัวตนเช่นนี้ยังเป็นอะไรที่สามารถนับได้ด้วย 2 มือ ซ้ำยังกล่าวได้ว่าเป็นเสาหลัก ของนิกายกระบี่ 7 ดาวอีกด้วย!

คำมั่นจากผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติ หาใช่อะไรที่สามารถตีราคาได้ด้วยเงินตรา!

คำมั่นของเจิ้งฝานนับว่าเป็นตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของต้วนหลิงเทียน!

เจิ้งฝานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และดวงตาของเขาก็ทอประกายเรืองวูบขึ้นมา มันฉายชัดถึงความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียน "ต้วนหลิงเทียน หากข้าคิดรับเจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัว เจ้าจักยินดีหรือไม่?"

ทันทีที่เจิ้งฝานกล่าวสิ้นคำ ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง!

แม้เขาจะคิดความเป็นไปได้มากมาย แต่คำกล่าวของเจิ้งฝานนี้ ไม่ได้มีอยู่ในหัวเขาสักเพียงนิด! ...

ให้เขาเป็นศิษย์ส่วนตัว ขอเป็นอาจารย์?

เจิ้งฝานคิดว่าที่ต้วนหลิงเทียนอึ้งไป คือต้วนหลิงเทียนกำลัง ลังเล เขาจึงรีบกล่าวเสริมออกมา "หากเจ้ายินดีรับข้าเป็นอาจารย์ ข้าจะมอบ รัตติกาลไร้น้ำตา นี้ให้เป็นของขวัญต้อนรับแก่เจ้า... "

ในขณะที่กล่าวจบคำ ดาบใบแคบซึ่งบางราวกับปีกของจั๊กจั่น พลันปรากฏขึ้นในมือของเจิ้งฝาน

มันเป็นดาบใบแคบ ใบดาบมีสีม่วงเข้ม แลดูราวกับวิญญาณร้ายเจ้าแห่งรัตติกาล  ยามต้องแสงมันทอประกายน่าพรั่นพรึงวูบวาบ แลดูไปน่าหวาดกลัวไม่น้อย

 ...

แน่นอนว่ามันย่อมเป็นดาบวิญญาณระดับ 6 ที่เจิ้งฝานพกติดตัวไว้ตลอดเวลาไม่ว่าจะไปไหนมาไหน

ภายในอาณาจักรพนาครามแห่งนี้นับว่าอาวุธวิญญาณระดับ 6 มีค่ามากมายมหาศาล!

ผู้หลอมโอสถระดับ 6 ภายในอาณาจักรพนาครามนี้นับว่าพอมีอยู่บ้าง ทว่าผู้หลอมศาสตราระดับ 6 นั้นเรียกได้ว่าสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็ฟื้นสติจากอาการอึ้ง

อาวุธวิญญาณระดับ 6?

พูดอย่างตรงไปตรงมา ตัวเขาไม่ได้มีความสนใจในอาวุธวิญญาณระดับ 6 แม้แต่นิดเดียว

ตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 แล้ว นั่นหมายความว่าเขาสามารถยกระดับเปลวเพลิง หลอมโอสถ และเปลวเพลิงหลอมศาสตรา ให้บรรลุระดับความชำนาญในสาขาต่างๆ ได้ถึงระดับ 7

และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง เขาก็จะสามารถยกระดับเปลวเพลิงให้กลายเป็นระดับ 6 ได้

และถึงตอนนั้นเขาก็จะกลายเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 6!

ถึงยามนั้นแล้วไม่ต้องให้ใครมอบให้ เขาก็สามารถหลอมอาวุธวิญญาณระดับ 6 ใช้เองได้

"ปรมาจารย์ขุนเขาของนิกายกระบี่ 7 ดาวทุกคนล้วนใช้กระบี่  ... แต่ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะใช้ดาบ" ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังดาบวิญญาณระดับ 6 ในมือของเจิ้งฝาน ที่เรียกว่า รัตติกาลไร้น้ำตา ก่อนที่จะยิ้มบางๆ

เจิ้งฝานลูบใบดาบของ รัตติกาลไร้น้ำตาเบาๆ แววตาของเขาพร่ามัวไปเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ระบายลมหายใจออกมา "ข้าและภรรยาได้พบดาบวิญญาณระดับ 6 เล่มนี้ เมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนที่เข้าไปในส่วนลึกสุดของป่าแรกเริ่ม ... ในตอนนั้นข้าเองก็ยังไม่ได้เป็นปรมาจารย์ประจำขุนเขาด้วยซ้ำ"

“ในยามนั้นดาบวิญญาณระดับ 6 เล่มนี้มันอยู่ในถ้ำของสัตว์อสูรระดับวิญญาณแรกก่อตั้งตัวหนึ่ง เดิมทีข้าเองก็คิดจะเลิกล้มความตั้งใจที่จะนำมันมา  แต่ภรรยาข้ากลับคิดว่า หากได้ดาบเล่มนี้มามันจะเป็นประโยชน์ต่อการคัดเลือกผู้สืบทอดปรมาจารย์ขุนเขาไท่หยางของนิกาย นางจึงยืนกรานที่จะนำดาบเล่มนี้มาให้ได้”

"สุดท้ายแล้ว... เพียงเพื่อผลประโยชน์ของข้า นางก็สามารถนำดาบเล่มนี้กลับมาให้ข้าจนได้ แต่ทว่านางเองก็ต้องจ่ายราคาออกไปอย่างหนักหนา....นางตกตายเพราะพิษบาดแผลจากสัตว์อสูรวิญญาณแรกก่อตั้งตัวนั้น"

แม้เจิ้งฝานจะกล่าวคำด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ แต่ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความเศร้าที่ท่วมท้นออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ

"นางเป็นศิษย์ของขุนเขาเหยากวงคนหนึ่ง ซึ่งนับได้ว่ามีพรสวรรค์และความโดดเด่นมิได้น้อยกว่าข้าด้วยซ้ำ... ตราบชั่วชีวิตของข้า เรื่องเดียวที่ข้าเสียใจมากที่สุด คือวันนั้นข้ามิได้ห้ามปรามนาง แต่ดันเลือกที่จะลงมือร่วมกับนาง สุดท้ายก็นำมาซึ่งผลลัพธ์อันน่าเศร้าเช่นนี้"

ในขณะที่เขากล่าวจบ ร่างของเขาก็สั่นสะท้านไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง "ในตอนนั้น หลังจากที่นางนำดาบเล่มนี้มามอบให้ข้าได้ ข้าก็ได้ใช้ดาบเล่มนี้สังหารสัตว์อสูรระดับวิญญาณแรกก่อตั้งตัวนั้น... และก่อนที่นายจะตกตายเพราะพิษบาดแผล นางก็ได้ตังชื่อดาบเล่มนี้ว่า รัตติกาลไร้น้ำตา”

"รัตติกาลคงเป็นชื่อของดาบเล่มนี้ ... ส่วนไร้น้ำตานั้น ..ข้ารู้ว่านางต้องการให้ข้าและซง อย่าได้หลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของนาง"

“ต่อมาด้วยการอาศัย ดาบวิญญาณระดับ 6 อย่างรัตติกาลไร้น้ำตานี้ ที่มีความสามารถในการเพิ่มพูนพลังโจมตีได้ถึง 40% ข้าก็สามารถเอาชนะการทดสอบสืบทอดตำแหน่งประมุขขุนเขาไท่หยางได้สำเร็จ  กระทั่งประมุขขุนเขาไท่หยางคนก่อนยังให้สนับสนุนข้าด้วยซ้ำ แล้วสุดท้ายข้าก็สามารถปกครองขุนเขาไท่หยางมาได้ด้วยดี”

"อันที่จริงแล้ว ดาบเล่มนี้ เป็นของดูต่างหน้าสิ่งสุดท้ายที่นางเหลือไว้ให้ข้า"

เมื่อเจิ้งฝานกล่าวจบ ดวงตาของเขาก็รื้นขึ้นมาเล็กน้อย

ดาบวิญญาณระดับ 6 ที่สามารถเพิ่มพูนพลังได้ถึง 40%?

ต้วนหลิงเทียนถึงกับต้องหรี่ตามองมันอีกครั้ง

แม้จะเป็นเขาเองตอนที่ตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งและกลายเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 6 แล้ว เขาก็ยังสามารถหลอมอาวุธวิญญาณระดับ 6 ที่มีความสามารถเพิ่มพูนพลังได้แค่ 40% เช่นกัน!

แต่เรื่องนี้ทั้งหมดเป็นเพราะความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ที่เป็นถึงผู้หลอมศาสตราระดับ ราชวงศ์!

เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าระดับความสูงส่งในฝีมือของผู้หลอมศาสตราระดับ 6 คนนี้ มากเพียงใด ย่อมมิได้ต่ำต้อยอย่างแน่นอน

แต่ในขณะเดียวกันนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงในความรัก ของภรรยาเจิ้งฝาน ที่มีต่อตัวเจิ้งฝาน...

เพื่อความสำเร็จในอนาคตของสามีนาง นางยินยอมจ่ายออกทุกราคา..

แม้กระทั่งชีวิตของนางเอง!

สายใยรักนี้นับว่าทำให้ใจเขาสะท้าน

ภรรยาของเจิ้งฝานเป็นคนที่ควรค่าแก่การเคารพนัก!

"หลังจากนั้นต่อมา ... เพื่อให้ข้าสามารถใช้ รัตติการไร้น้ำตา นี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ข้าละทิ้งวิชากระบี่ และหันมาฝึกฝนวิชาดาบอย่างจริงจัง" เจิ้งฝานระบายลมหายใจออกมา หลังจากนั้นก็มองไปยังต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะพยายามยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ "หากเจ้ายินดีที่จะกลายเป็นศิษย์ของข้า ข้าคิดว่ากระทั่งภรรยาของข้ายังเห็นด้วยที่จะยก รัตติกาลไร้น้ำตา ที่มีความหมายพิเศษเล่มนี้ให้แก่เจ้า"

"ท่านปรมาจารย์" ต้วนหลิงเทียนเพียงส่ายหัวออกมาช้าๆ "ข้าต้องขออภัยท่านด้วย แต่ยามนี้ข้ายังไม่คิดรับผู้ใดเป็นอาจารย์ ... สำหรับรัตติกาลไร้น้ำตานี้ มันนับว่ามีความหมายต่อท่านลึกซึ้งยิ่งนัก ท่านควรเก็บมันเอาไว้ให้ดี"

เจิ้งฝานไม่ได้กล่าวคำอะไรออกมา เขาทำเพียงจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้งจริงจัง

ต้วนหลิงเทียนเองก็สบตาเขาด้วยสายตาจริงจัง ไร้ซึ่งความหวั่นไหวใดๆ แม้เพียงเศษเสี้ยว

ในตอนเขาได้รับความทรงจำจากจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดนั้น เขาเองก็ได้รับความคิดและอัตตาบางอย่างจากจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดมาด้วย ...

ด้วยอัตตาของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดที่ว่านั้น ทำให้เขาไม่อาจรับใครที่อ่อนด้อยกว่าจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดเป็นอาจารย์ได้!

หลังจากเนิ่นนานผ่านไป เจิ้งฝานเหมือนจะรับรู้ถึงปณิธานอันแน่วแน่ของต้วนหลิงเทียนได้ เขาจึงพยักหน้ายอมรับ "เช่นนั้นก็หาได้เป็นอันใดไม่ ทุกคนย่อมมีหนทางและแรงบันดาลใจของตัวเอง ... อันที่จริงถึงแม้เจ้าจะรับข้าเป็นอาจารย์ แต่ข้าก็คงไร้ซึ่งสิ่งใดที่จะสั่งสอนเจ้าได้"

หลังจากที่กล่าวจบคำนี้ เจิ้งฝานก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรอีก

"ท่านปรมาจารย์ เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวลาก่อนแล้ว" ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ให้กับเจิ้งฝานก่อนที่เขาจะกระโดดลงมาจากศาลาโดยการใช้วิธีกระโดดชิ่งไปชิ่งมาระหว่างชั้นเพื่อลดแรงกระแทก จนในที่สุดก็มายืนบนพื้นด้านล่างได้อย่างมั่นคง

เจิ้งฝานเดินมายืนตรงขอบศาลา ก่อนที่จะจับจ้องไปยังร่างของต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง "แท้จริงแล้วเขาเป็นบุคคลเช่นไรกันแน่ ? ถึงขั้นที่สามารถเผชิญกับความเย้ายวนของอาวุธวิญญาณระดับ 6 ที่สามารถขยายพลังได้ถึง 40% อันนับว่ามีคุณภาพสูงที่สุดแล้วในอาณาจักร โดยไร้ซึ่งความหวั่นไหวแม้เพียงนิด...ชายหนุ่มผู้นี้ย่อมเป็นคนที่พิเศษอย่างยิ่งในอนาคต!  นับเป็นวาสนาอันดีของนิกายกระบี่ข้าโดยแท้ "

ในขณะเดียวกันหลู่ชิวที่รอคอยต้วนหลิงเทียนอยู่ด้านล่าง  เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนปรากตัว มันก็ร่ำลาเจิ้งซงแล้วเดินเข้าไปหาต้วนหลิงเทียน

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนและหลู่ชิวก็เดินเคียงไหล่ขึ้นไปยังยอดเขาเทียนชู

ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง

หอเทียนเฉวียน!

เจิ้งฝานฟื้นความรู้สึกหลังจากที่จมจ่อมอยู่ในภวังค์ เมื่อร่างของต้วนหลิงเทียนหายไปไกลจนลับตา ...ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกระบายออกมา

เขาและต้วนหลิงเทียนคงไร้วาสนาเป็นศิษย์อาจารย์กัน เช่นนั้นก็ไม่อาจทำอันใดได้

"ท่านพ่อ" ตอนนี้เองเจิ้งซงก็เดินขึ้นมาถึงศาลา พร้อมกล่าวถาม "เขายอมรับหรือไม่?"

เห็นได้ชัดว่าเจิ้งซงล่วงรู้ความคิดบิดาของตัวไม่น้อย

เจิ้งฝานพลันส่ายหน้า "เขาไม่ยอมรับ"

"อะไร? ไม่ยอมรับ?" เจิ้งซงถึงกับตกตะลึง  “ขนาดท่านพ่อที่เป็นถึงปรมาจารย์ขุนเขาหนึ่ง กล่าวชักชวนเขาด้วยตัวเองเช่นนี้ เขายังปฏิเสธอีกหรือ?”

"นับว่ายังมากกว่านั้นอีก" มุมปากของเจิ้งฝานยกขึ้นเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา "กระทั่งข้าเอารัตติกาลไร้น้ำตา ที่เป็นของดูมารดาเจ้ามอบให้เขาเป็นของขวัญต้อนรับ ... แต่ดูแล้วเขาไม่คิดจะแยแสมันด้วยซ้ำ"

รัตติกาลไร้น้ำตา!

ม่านตาของเจิ้งซงหดแคบลง  เขาไม่คิดเลยว่าเพียงเพื่อการรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์เช่นนี้ บิดาของเขาจะนำเอาอาวุธวิญญาณระดับ 6 ที่เต็มไปด้วยความหมายมากมายเช่นนี้ออกมามอบเป็นของขวัญ!

และสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเหนือคาดคิดยิ่งกว่านั้น ก็คือ! ขนาดต้องเผชิญหน้ากับความเย้ายวนของอาวุธวิญญาณระดับ 6 ต้วนหลิงเทียนคนนั้นยังไม่หวั่นไหว!

ความสงบนิ่งของเขานี้นับว่าเหนือชั้น น่าตื่นตระหนกเกินไปแล้ว!

แม้กระทั่งมองผ่านทั่วนิกายกระบี่ 7 ดาวแห่งนี้ รัตติกาลไร้น้ำตา อันเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 6 ที่อยู่ในการครอบครองของบิดาเขา หากนับในแง่ของการเพิ่มพูนพลังแล้ว นับว่ามีเพียงกระบี่วิญญาณระดับ 5 ของประมุขนิกายเท่านั้นที่เทียบชั้นได้

สำหรับกระบี่วิญญาณระดับ 6 ของปรมาจารย์ขุนเขาคนอื่นๆ กระทั่งตัวผู้พิทักษ์ของนิกายเอง ก็นับว่ายังมีความสามารถในด้านกำลังขยายด้อยกว่า รัตติกาลไร้น้ำตา ของบิดาเขาเสียอีก!

"จริงสิท่านพ่อ ข้าได้ยินเสียงท่านหัวเราะอย่างยินดียิ่งนักก่อนหน้านี้ เช่นนั้นท่านพ่อหัวเราะเรื่องอะไรเล่า?" เจิ้งซงมองไปยังเจิ้งฝานด้วยสายตาสงสัยระคนประหลาดใจ

รีวิวผู้อ่าน