px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 328 : ฟ่านเจี้ยน


บทที่ 328 : ฟ่านเจี้ยน

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกับหลู่ชิวเดินทางออกจากหอเทียนเฉวียนแล้วนั้น  ทั้งคู่ก็เดินเคียงไหล่ไปด้วยกันตามเส้นทางลงเขาก่อนหน้าเพื่อเดินทางกลับ

"ต้วนหลิงเทียนเจ้า ... " ในระหว่างทางหลู่ชิวกล่าวคำออกมาแล้วก็หยุดไป ราวกับว่ามันมีความลังเลและลำบากใจบางประการที่จะกล่าวออกมา

"อาวุโสหลู่ชิวท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ครั้งหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับท่านมอบชีวิตใหม่ให้ข้า...หากท่านมีคำใดคิดกล่าว ก็ว่ามาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจแล้ว" ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำออกมาพร้อมรอยยิ้ม แลดูช่างอ่อนโยนราวกับสายลมแรกฤดูใบไม้ผลิ

หลู่ชิวพยักหน้าก่อนเล็กน้อย ค่อยกล่าวออกมา "ถึงแม้ว่าข้าเองก็มิล่วงรู้ว่าเจ้าใช้วิธีการเลิศล้ำอันใด ถึงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งทั้งๆที่เจ้าอ่อนแอกว่ามาก  สังหารฉีฮ่าวลงได้กระทั่งถึงขั้นเอาชนะบุตรชายบุญธรรมของปรมาจารย์ขุนเขาอย่างอู๋หย่งเฉียน ได้ในกระบวนท่าเดียวเช่นนี้... แต่เจ้าอย่าได้ลืมว่า มีคำกล่าวเอาไว้...คนมิผิด ผิดที่ครอบครองหยก ...วันนี้เจ้าได้เปิดเผยความสามารถอันเลิศล้ำต่อหน้าปรมาจารย์ขุนเขา...ข้าเกรงว่า "

"ท่านกลัวว่าปรมาจารย์ขุนเขา จะบังเกิดจิตคิดละโมบ และต้องการความสามารถที่ข้ามีใช่หรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำต่อจากหลู่ชิวที่เงียบไปไม่กล้าเอ่ยออกมา มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มลี้ลับออกมาเล็กน้อย

หลู่ชิวเองก็พยักหน้าอย่างจริงจัง

"ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของท่าน อาวุโสหลู่ชิว  แต่วันนี้ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จำต้องกระทำเช่นนั้นออกไป" ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำพร้อมหรี่ตาจนเหลือเพียงเส้น

แน่นอนว่าเขาไร้หนทางอื่น แล้วจริงๆ

หากเขาไม่ใช้พลังสั่นสะเทือนแล้วล่ะก็ ไม่มีทางไหนเลยที่เขาจะเอาชนะอู๋หย่งเฉียนได้

หากตัวเขาต้องพ่ายแพ้ด้วยน้ำมืออู๋หย่งเฉียนแล้วล่ะก็... เช่นนั้นตามข้อตกลงระหว่างเขากับอู๋เต้า ตัวเขาก็ต้องกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของมัน

เพื่อแก้ไขปัญหาและปฏิเสธข้อเสนอของอู๋เต้า เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก เอาชนะอู๋หย่งเฉียน!

เพราะมีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดเช่นนั้นได้

"ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพราะเหตุใดเจ้าถึงไม่รับข้อเสนอของปรมาจารย์ขุนเขาไปเสีย เพราะอย่างน้อยหากเจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัวของปรมาจารย์ขุนเขา เจ้าก็จักได้รับความคุ้มครองในระดับหนึ่ง อย่างน้อยๆนี่ย่อมทำให้จ้าวหลินกริ่งเกรงและไม่กล้าลงมือต่อเจ้าอย่างผลีผลามอีก" หลู่ชิวส่ายหัวไปมา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เข้าใจความคิดของต้วนหลิงเทียนแม้แต่นิดเดียว

เท่าที่เขารู้หากต้วนหลิงเทียนยอมรับข้อเสนออู๋เต้า ต้วนหลิงเทียนมีแต่ได้กับได้ ไม่มีอันใดต้องเสีย!

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆยามได้ยินคำกล่าวของหลู่ชิว  แต่เขาไม่ได้ตอบคำอะไรกลับไป

เขามีเส้นทางชีวิตของเขาเอง

นอกจากนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาได้รับสืบทอดความทรงจำจากจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด จนไม่อยากรับใครที่อ่อนแอกว่าจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดเป็นอาจารย์ด้วยซ้ำ

เพราะเหตุผลที่อู๋เต้าต้องการรับเขาเป็นศิษย์นั้น เขาย่อมเห็นแจ้งถึงเจตนาของมันได้อย่างชัดเจน

อู๋เต้าไม่ได้ต้องการรับเขาเป็นศิษย์ส่วนตัวเพราะอยากประสิทธิประศาสตร์วิชาให้แก่เขา ...

แต่อู๋เต้ามันต้องการรับเขาเป็นศิษย์ส่วนตัวเพื่อสนองความพึงพอใจของตัวเอง เพื่อหน้าตาของมันเองในอนาคต!

ต้วนหลิงเทียนเชื่อว่าตราบใดที่เขาตั้งใจหาอาจารย์  แม้กระทั่งประมุขนิกายกระบี่ 7 ดาวยังต้องลงมาต่อสู้แย่งชิงเพื่อรับเขาไปเป็นศิษย์ส่วนตัว

เพราะพรสวรรค์ตามธรรมชาติที่เขาเปิดเผยออกมานั้น อยู่เหนือผู้ใดในอาณาจักรพนาครามแห่งนี้

ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรพนาคราม ไม่มีตัวตนใดที่มีระดับบ่มเพาะเทียบเท่าเขา ในขณะที่มีอายุเท่าเทียมกับเขาปรากฏตัวมาก่อน

"เป็นเจ้านั่นเอง!" ทันใดนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ราวกับอัสนีลั่นในรูหูของต้วนหลิงเทียน  ทำให้เขาถึงกับหลุดออกจากภวังค์ทันที

ต้วนหลิงเทียนเงยหน้าขึ้นมามองไป ก็พบว่ามีคนๆ หนึ่งกำลังเดินสวนขึ้นมาบนทางเดินขึ้นเขาเทียนชูสายนี้

มันเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดแสดงตัวเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาว อายุของมันดูแล้วมีราวๆ 25 - 26 ปี

เพียงมองผ่านแวบเดียวต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ราวกับว่าเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน แต่เขาเองก็ไม่อาจนึกออก

ศิษย์สายในคนนั้นกำลังจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง  ราวกับว่ามันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าลงมือจู่โจมต้วนหลิงเทียนโดยตรง และสังหารเขาทิ้งซะ

"ฟ่านเจี้ยน?" หลู่ชิวที่ยืนอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ย่อมจดจำออกว่าศิษย์สายในคนนี้เป็นใคร

ตอนนี้เองที่ศิษย์สายในคนนั้นก็สังเกตเห็นหลู่ชิวเช่นกัน มันสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวคำกับหลู่ชิว "อาวุโสหลู่ชิว สบาย"

"อะไรกัน นี่เจ้ารู้จักต้วนหลิงเทียนด้วยหรือ?" หลู่ชิวมองไปยังฟ่านเจี้ยนด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

เพราะเมื่อครู่นี้มันย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าในแววตาของฟ่านเจี้ยนยามจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนนั้น มันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและโทสะ

อดไม่ได้ที่ตัวมันจะบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา

เพราะเท่าที่มันรู้ฟ่านเจี้ยนผู้นี้ได้ออกเดินทางไกลไปฝึกฝนหาประสบการณ์นอกนิกายกระบี่ 7 ดาวตั้งแต่ 6 เดือนก่อน  ซ้ำยังก่อนีท่จะมีการดสอบรับศิษย์สายนอก และมองดูจากสภาพอิดโรยของฟ่านเจี้ยน ทำให้มันรู้ว่าอีกฝ่ายต้องพึ่งกลับมาถึงนิกายไม่ผิดแน่

ในขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็พึ่งเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาวเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ซ้ำเขายังเป็นคนที่มาจากอาณาจักรเล็กๆ ภายใต้การปกตรองของอาณาจักพนาครามด้วยซ้ำ

พอกล่าวเช่นนี้แล้ว มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่ฟ่านเจี้ยนจะรู้จักมักคุ้นกับต้วนหลิงเทียน

"ยิ่งกว่ารู้จักอีก!" ฟ่านเจี้ยนจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน แววตาของมันยามจับจ้องต้วนหลิงเทียนนั้น เผยประกายดุร้ายรุนแรง ใบหน้าของมันเองก็เผยความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"ข้ารู้จักเจ้าด้วยหรือ?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว ตอนนี้เขารู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย...สมองศิษย์สายในคนนี้ใช่มีอะไรผิดปกติหรือไม่?

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกคุ้นๆหน้าตาของศิษย์สายในคนนี้อยู่บ้าง

แต่เขาย่อมจดจำได้ดีว่าตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมานี้ตัวตัวเขาไม่ได้ติดต่อกับศิษย์สายในใดๆ แม้แต่คนเดียว

"ดูเหมือนเจ้าจักหลงลืมข้าไปเสียแล้วจริงๆ  เช่นนั้นให้ข้าเตือนความทรงจำเจ้าสักเล็กน้อยดีหรือไม่... ครึ่งปีก่อน ณ เหลาอาหาร เมืองไผ่ทมิฬ!" หลินฟ่านกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน เด็กบัดซบตรงหน้าใช้ให้ผู้ติดตาม โยนมันกับศิษย์น้องอีก 2 คนออกจากเหลาอาหาร  ทำให้มันต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย  แต่ตอนนี้ตัวบัดซบนี้กลับลืมมันไปแล้วจริงๆ!

ฟ่านเจี้ยนเองก็คิดว่าโยนเรื่องราวความแค้นเหล่านั้นทิ้งไปและลบความอัปยศครั้งนั้นออกไปจากใจได้แล้ว

แต่ไม่คิดเลยว่าพอมาได้พบพานกับชายหนุ่มคนนี้อีกครั้ง  ความไม่พอใจและคับแค้นใจของมันยังคงเต็มเปี่ยม...ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย

ครึ่งปีก่อน?

เหลาอาหาร เมืองไผ่ทมิฬ?

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ "ที่แท้เจ้าคือศิษย์สายในคนนั้นที่อยู่ด้วยกันกับ ฮั่วซินและเหวียนหวู่ ตอนที่คิดบีบบังคับให้ข้าขายหนูขนทองนั่นเอง”

“ดูเหมือนว่าในที่สุด เจ้าก็จดจำได้แล้ว” ฟ่านเจี้ยนหัวเราะเย้ยหยันออกมาเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจดจำมันได้

แต่มันเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ชายหนุ่มผู้นี้ได้กลายเป็นศิษย์สายนอก ดั่งที่ตัวมันเองกับฮั่วซินและเหวียนหวู่ได้คาดเดากันเอาไว้ไม่มีผิด

พวกมันคาดเดากันไปว่าชายหนุ่มแปลกหน้าที่พบพานในเหลาอาหารเมืองไผ่ทมิฬวันนั้น  ตั้งใจมาทดสอบเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาว

นอกจากนี้ชายหนุ่มตรงหน้ามันยังดูเหมือนว่าจะรู้จักกับฮั่วซินและเหวียนหวู่แล้วด้วย ...

เป็นไปได้หรือไม่ที่เหวียนหวู่กับฮั่วซินสั่งสอนบทเรียนให้มันแล้ว?

ฮั่วซิน? เหวียนหวู่?

มุมปากของหลู่ชิวที่อยู่ด้านข้างของต้วนหลิงเทียนถึงกับกระตุกเมื่อได้ยินคำกล่าวนี้

ตอนนี้เขาพลันเข้าใจได้ถึงบางสิ่ง

เขายังคงจำได้ดี เมื่อครึ่งปีที่แล้ว  หลังจากต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาวได้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็มีความขัดแย้งกับฮั่วซินและเหวียนหวู่ จนกระทั่งขึ้นไปตัดสินกันบนเวทีประลองเป็นตาย ...

และสุดท้ายฮั่วซินกับเหวียนหวู่ ก็ต้องตกตายบนเวทีประลองของขุนเขาเทียนเฉวียนภายใต้ 1 กระบี่ของต้วนหลิงเทียน!

หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มมีชื่อเสียงไปทั่วขุนเขาเทียนเฉวียน!

ในเวลานั้นเขาเองก็คิดว่ามันประหลาดไม่น้อย ว่าเหตุใดคนที่พึ่งเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาวอย่างต้วนหลิงเทียนนั้นจะไปมีเรื่องราวขัดแย้งอะไรถึงขั้นต้องขึ้นเวทีประลองเป็นตายเช่นนั้น  นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง  ตามตรรกะแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนพึ่งรู้จักกันจะไปแค้นกันจนถึงขั้นอยากฆ่ากันให้ตาย

แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนตัวมันพลันเข้าใจเรื่องราวได้ในที่สุด

ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเพราฮั่วซินเหวียนหวูและฟ่านเจี้ยนนี่ ไปใช้กำลังบีบบังคับ เพื่อจะซื้ออะไรบางอย่างจากต้วนหลิงเทียน ...

อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ทั้งหมดจึงเกิดความขัดแย้งกันมาแต่แรก

"ตอนนั้นฟ่านเจี้ยนเองก็ลงมือร่วมกับฮั่วซินและเหวียนหวู่จนมีความขัดแย้งกับต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นรึ?" ใจของหลู่ชิวเริ่มสั่นๆเล็กน้อย มันเริ่มบังเกิดสังหรณ์บางประการ

"อ่าใช่ ข้าจดจำได้แล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับอย่างเฉยเมย เขามองตาฟ่านเจี้ยนด้วยแววตาสงบไร้กังวล

"ฮึ่ม!" ฟานเจี้ยนเริ่มบังเกิดโทสะเล็กน้อย เมื่อเห็นทีท่าราวกับไม่แยแสของต้วนหลิงเทียน  มันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าเรียกว่าต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่  ตั้งแต่ที่เจ้ารู้ว่าศิษย์สายนอกข้างกายข้าวันนั้นคือ ฮั่วซินและเหวียนหวู่ นี่หมายความว่าพวกมันมาสั่งสอนบทเรียนให้แก่เจ้าบ้างแล้วใช่หรือไม่? ...”

"แต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นสิทธ์ของพวกมันที่จักสั่งสอนบทเรียนให้แก่เจ้า และถึงแม้เจ้าจักรับบทเรียนจากพวกมันทั้งคู่ไปแล้ว  แต่เจ้ายังไม่ได้ชำระหนี้ของข้า ฟ่านเจี้ยน!" ฟ่านเจี้ยนจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนเขม็ง สายตาของมันเริ่มเย็นชาลงราวกับจะกลายเป็นน้ำแข็ง

"ก็จริงที่ ข้าได้รับบทเรียนเล็กน้อยจากทั้งคู่" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำก่อนที่จะมองไปยังฟ่านเจี้ยนด้วยแววตาลี้ลับ ก่อนที่จะแอบกล่าวออกมาต่อในใจ ‘แต่สุดท้ายพวกมันที่ต้องการสั่งสอนบทเรียนให้ข้า ก็ตกตายเป็นผีที่คอเกือบขาดล่ะนะ’

"ดียิ่ง" ใบหน้าของฟ่านเจี้ยนเริ่มมืดลง "วันนั้นในเมืองไผ่ทมิฬ เจ้ามีผู้ติดตามระดับวิญญาณแรกก่อตั้งคอยคุ้มครองอยู่ด้านข้าง ... แต่ยามนี้เจ้าอยู่ในนิกายกระบี่ 7 ดาว หามีผู้ใดสามารถปกป้องเจ้าได้ไม่!"

"โอ้! แล้วยังไงหรือ?" ต้วนหลิงเทียนเริ่มหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน

ตอนนี้เขาเองก็รู้แล้วว่า ท่าทางฟ่านเจี้ยนจะพึ่งกลับมายังนิกายกระบี่ 7 ดาว

เขาจำได้ว่าฮั่วซินและเหวียนหวู่เคยกล่าวเรื่องราวทำนองว่า ฟ่านเจี้ยนออกจากนิกายกระบี่ 7 ดาวเพื่อเดินทางไกลไปไหนสักแห่ง

จากสภาพท่าทางแล้วมันน่าจะพึ่งกลับมาถึงด้วยซ้ำ

"แล้วยังไง?" ใบหน้าของฟ่านเจี้ยนลดต่ำลงโดยพลันเมื่อเห็นรอยยิ้มไร้เรื่องราวบนใบหน้าของต้วนหลิงเทียน ในตามันทอประกายวูบวาบขึ้นมา "ต้วนหลิงเทียนเจ้าทำให้ข้าต้องอับอายขายหน้าผู้คนมากมายในวันนั้น ... วันนี้ข้าจักให้โอกาสเจ้าได้ขอขมาลาโทษต่อข้า โดยการคลานลอดหว่างขาของข้า แล้วเรื่องของเราทั้งคู่จักเป็นอันยุติ!"

รอยยิ้มบนใบหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันค้างไปในทันใด เมื่อได้ยินวาจาของฟ่านเจี้ยน

คลานลอดหว่างขามัน?

ทันใดนั้นเองเปลวเพลิงได้ลุกโชนในแววตาของต้วนหลิงเทียน ราวกับจะเผาผลาญทุกสิ่งให้มอดไหม้ ...

ต้วนหลิงเทียนบังเกิดโทสะแล้ว!

ตัวบัดซบฟ่านเจี้ยนนี่ คิดว่าเขากลัวมันจริงๆงั้นหรือ?

ท่าทางของหลู่ชิวที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนเองก็มืดลงโดยพลัน มันรีบกล่าวตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด "ฟ่านเจี้ยนรีบขอขมาต้วนหลิงเทียนซะ  เดี๋ยวนี้!"

หลู่ชิวเองยังรู้สึกโมโหแทนต้วนหลิงเทียน

ฟ่านเจี้ยนย่อมตกใจกับเสียงตะโกนของหลู่ชิว มันขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความไม่พอใจโดยพลัน

ถึงแม้ว่าตัวมันเองก็มาจากขุนเขาเทียนเฉวียน และกล่าวได้ว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับอาวุโสหลู่ชิว ทว่าการที่หลู่ชิวทำเช่นนี้ ก็แทบไม่ต่างอะไรกับขอให้มันทำเรื่องขายหน้าต่อผู้คน

"อาวุโสหลู่ชิว ... " ใบหน้าของฟ่านเจี้ยนลดต่ำลง และมันคิดจะกล่าววาจาอะไรบางอย่าง  แค่ทว่ามันก็ไม่ได้กล่าวคำอะไรออกมา เพราะใบหน้าของมันต้องกลับกลายเป็นตะลึงค้าง และแววตาของมันเผยให้เห็นร่องรอยยากจะเชื่อและความหวาดกลัว

เพราะเมื่อครู่นี้มันได้รับข้อความเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดของอาวุโสหลู่ชิว

"ฟ่านเจี้ยนเมื่อครึ่งปีที่แล้ว ยามที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาว เขาได้สังหารฮั่วซินและเหวียนหวู่ในเวทีประลองเป็นตาย และต่อมาเขาก็ได้สังหารศิษย์สายนอกที่มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6  และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาในการประลองศิษย์สายนอก ต้วนหลิงเทียนก็ได้สังหารอดีตศิษย์สายนอกอันดับ 1 อย่างฉีฮ่าวอย่างง่ายดาย! "

"และก่อนหน้านี้ไม่นาน บุตรชายบุญธรรมของปรมาจารย์ขุนเขาอย่าง อู๋หย่งเฉียน ที่มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 ก็ยังต้องพ่ายแพ้ต้วนหลิงเทียน! กระทั่งพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว!  หากเจ้ามิคิดสร้างปัญหาหรือแสวงหาที่ตายอย่างฮั่วซินและเหวียนหวู รีบกล่าววาจาขอขมาต้วนหลิงเทียนซะ! " น้ำเสียงของหลู่ชิวนี้ ไม่ต่างอะไรกับพายุขนาดใหญ่โหมกระหน่ำในใจของฟ่านเจี้ยน ทำให้มันบังเกิดความท้อแท้ไม่น้อย

ต้วนหลิงเทียนพึ่งเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาวได้เพียงแค่ครึ่งปี ...กลับทำเรื่องราวน่าตกตะลึงมากมายถึงเพียงนี้แล้ว?

นอกจากนี้กระทั่งศิษย์พี่อู๋หย่งเฉียนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลยเช่นนั้นหรือ?

ลืมเรื่อง ฮั่วซิน,เหวียนหวู่ และฉีฮ่าวไปได้เลย เพราะพวกมันเป็นเพียงศิษย์สายนอก  ไม่ได้อยู่ในสายตาของมันแม้แต่น้อย

แต่สำหรับอู๋หย่งเฉียนนั้น ...เป็นถึงศิษย์สายในที่มีอาวุโสมากกว่ามัน! กระทั่งตัวมันเองยังรู้สึกด้อยกว่า!!

ทว่าตอนนี้กระทั่งอู๋หย่งเฉียนนั่น ยังต้องแพ้พ่ายภายใต้1 กระบวนท่าของต้วนหลิงเทียน!  เช่นนั้นมันย่อมล่วงรู้จุดจบของการที่ตัวมันต้องปะทะกับต้วนหลิงเทียนได้อย่างดี

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ฟ่านเจี้ยนยากที่จะเชื่อ เพราะในใจมันคิดว่าเรื่องราวดั่งอภินิหารเช่นนี้ยากนักที่จะเป็นไปได้  แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกันที่อาวุโสหลู่ชิวจะต้องกล่าววาจามากมายขนาดนี้เพื่อหลอกลวงมัน

"ฮึ่ม!" สายตาของต้วนหลิงเทียนดุร้ายขึ้นเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นหลู่ชิวตะโกนเรียกฟ่านเจี้ยน ก่อนที่ฟ่านเจี้ยนจะมีอาการเหมือนถูกผู้ใดบีบคอ ไม่อาจกล่าวคำออกมาได้

เขาย่อมคาดเดาเรื่องราวได้ทันที นี่ต้องเป็นผู้อาวุโสหลู่ชิวส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดไปเตือนฟ่านเจี้ยนเป็นแน่!

รีวิวผู้อ่าน