px

เรื่อง : The Strongest System จบแล้ว!!!
บทที่ 160 ตัวละครนี้!! ไม่ธรรมดา!


หลินฟ่านเงยหน้าขึ้นมองฟ้าก่อนที่จะถอนหายใจออกมา เป็นดั่งเช่นเคยเพียงคำอธิบายของวิชาชีพที่ระบบบอกมา เขาไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด 'เฮ่อ ตกลงเทรนเนอร์นี่ ... มันทำอะไรได้มั่ง แล้วใช้งานยังไงกันแน่วะเนี่ย?'

หลินฟ่านรู้สึกกังวลไม่น้อย ตอนนี้ดูเหมือนระบบในรูปแบบใหม่ มันจะรวบรัดอะไรหลายๆอย่างไปเยอะมาก แม้กระทั่งเขาได้รับวิชาชีพใหม่ ระบบเองก็ไม่อธิบายความสามารถออกมาทั้งหมดให้เขาเข้าใจได้ง่ายๆ

เขาสามารถค้นหาความสามารถของมันทั้งหมด จากการทดลองใช้งานดูเองเท่านั้น

หลินฟ่านไม่คิดอะไรให้มากความ เขาเปิดประตูและเดินออกไปทันที ตอนนี้เขาแค่ลองไปหาใครสักคนที่ไหนก็ได้มาลองทดสอบ วิชาชีพเทรนเนอร์นี้ดูว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง

ทิวทัศน์และบรรยากาศวันนี้ช่างสวยงามและดีงามไม่น้อย

ลูกศิษย์ตัวน้อยของเขายังคงหลับใหลอย่างมีความสุข ตั้งแต่ที่เขาเป็นคนพานางมา เขาก็ต้องดูแลนางให้ดีที่สุด ไม่ให้นางเจอเรื่องร้ายๆ

หลินฟ่านมองไปรอบๆ ในที่สุดก็เห็นซั่งเอ้อกั๋วนั่งบ่มเพาะอยู่เพียงลำพัง เขานั่งบ่มเพาะอยู่บนก้อนหินที่หลินฟ่านเคยไปนั่งเหม่อลอยก้อนนั้น

หลินฟ่านเดินมุ่งหน้าไปหาซั่งเอ้อกัวทันที เขาสัมผัสได้ว่าซั่งเอ้อกั๋วมีความรู้สึกเหงาๆแลดูอ้างว้างออกมา

"เอ้อกั๋วเจ้ากำลังคิดเรื่องราวอันใดอยู่หรือ?" หลินฟ่านไปยืนอยู่ด้านหลังซั่งเอ้อกั๋วเบาๆ ก่อนที่จะจ้องมองใบหน้าอัปลักษณ์ของเอ้อกั๋วแล้วกล่าวถามออกมา

"ท่านประมุข...ข้าคิดถึงอนาคต"

หลินฟ่านเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าศิษย์อย่างซั่งเอ้อกั๋วก็มีช่วงเวลากังวลและคิดถึงอนาคตอะไรเช่นนี้

มัน ... ต้องมีอะไรผิดพลาด

"เอ้อกั๋ว

"ใช่?"

"หากเจ้ายังคงจิตตกและเต็มไปด้วยความหดหู่เช่นนี้ ข้าประมุขคงไม่อาจมองเห็นอนาคตดีๆอะไรที่เจ้าจะมีได้" หลินฟ่านถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นรัศมีแปลกประหลาดพลันแผ่ออกมาจากหลินฟ่านปกคลุมไปทั่วบริเวณ

รัศมีนี้แม้มันจะแผ่ออกมากว้างไกลแต่มันช่างเบาบางมากเสียจนไม่อาจจะมีใครสังเกตเห็นมันได้ แม้กระทั่งตัวหลินฟ่านเองก็ตาม

ทว่าอยู่ดีๆซั่งเอ้อกั๋วที่ดูหดหู่พลันเปลี่ยนท่าทีของมันทันที ตอนนี้ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความอับอายและรู้สึกผิด มันรีบลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวออกมาว่า

"ท่านประมุข ข้าจะรีบกลับไปบ่มเพาะฝึกฝนทันทีขอรับ ข้าจะให้ท่านได้เห็นถึงอนาคตที่สดใสของนิกายแห่งนี้อย่างแน่นอนขอรับ" ซั่งเอ้อกั๋วกล่าวออกมาอย่างจริงจัง มันไม่รอให้หลินฟ่านกล่าววาจาอะไร มันรีบวิ่งกลับบ้านไปปิดประตูฝึกฝนบ่มเพาะทันที

หลินฟ่านยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ‘เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย? นี่เป็นความสามารถของเทรนเนอร์ป่าววะ?’

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะอะไรก็ไม่สำคัญ เขาไม่ได้คิดว่าทดลองแค่นี้จะรู้เรื่องอะไรอยู่แล้ว เขาเดินไปยังหอลงทัณฑ์ที่มีเอาไว้เพื่อกักขังและทำโทษศิษย์นิกายที่ทำผิดกฎและก่อเหตุร้ายแรง

หอลงทัณฑ์แห่งนี้เป็นหอที่ใช้ลงทัณฑ์และกักขังนักโทษ สำหรับผู้ที่ถูกจับขังอยู่นั้น มันมีทั้งศิษย์สาวกที่กระทำความผิด และศัตรู มีแม้กระทั่งสายสืบจากนิกายอื่นเองที่ถูกจับได้ก็ถูกขังเอาไว้ที่นี่ด้วย

เหล่าศิษย์ที่เฝ้าหน้าหอ เมื่อเห็นหลินฟ่านเดินมาพวกมันก็จดจำได้ทันที

สำหรับนิกายตอนนี้หลินฟ่านนับได้ว่าเป็นคนดังอย่างมาก ถึงแม้ว่าศิษย์ทั้งหมดจะไม่เคยได้เห็นหน้าเขาก็ตาม แต่อย่างน้อยพวกมันก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขา และศิษย์ที่เฝ้าประตูของหอลงทัณฑ์คนนี้เป็นศิษย์สายนอกที่รู้จักหลินฟ่าน มันรู้สึกว่าวันนี้ตัวมันโชคดีและได้รับเกียรติอย่างสูงที่ได้เจอหลินฟ่าน ดังนั้นตอนนี้มันจึงตื่นเต้นอย่างมาก

“คารวะท่านประมุขน้อยหลิน! อะไรนำพาท่านมาถึงที่นี่กันขอรับ?”

“อา ศิษย์น้อง ข้าประมุขมาเยี่ยมชมที่นี่ เพราะข้าประมุขอยากพบเห็นเหล่าศิษย์ที่น่าสงสารทั้งหลาย ที่เป็นดั่งลูกแกะหลงทาง ที่พลั้งพลาดเผอเรอกระทำความผิด ตัวข้าประมุขนั้นหาได้มา ซ้ำเติมอันใดพวกมัน ข้าประมุขมาที่นี่ก็หวังเพียงว่าอาจจะอบรมสั่งสอนพวกมันให้กลับตัวกลับใจ และกลายมาเป็นคนดีเพื่อช่วยเหลือครอบครัวใหญ่อย่างนิกายแห่งนี้อีกครั้ง” กล่าวได้ว่าความสามารถในการตอแหลและแถของหลิ่นฟ่านนั้น หากตัวมันบอกว่าเป็นที่ 2 คงไม่มีใครกล้ารับอันดับ 1 ในจักรวาลแห่งนี้

ทว่าเหล่าศิษย์นิกายที่บริเวณทางเข้าหลายคนที่ได้ยินคำกล่าวนี้ของหลินฟ่าน พวกมันคิดว่าท่านประมุขน้อยหลินช่างมีความตั้งใจอันสูงส่งและดีงามยิ่งนัก เขาช่างเป็นมหาวีรบุรุษที่ยอดเยี่ยมหาผู้ใดเสมอเหมือนอย่างแท้จริง

"ท่านประมุขน้อยขอรับ ข้าน้อยต้องขอกล่าวเตือนท่านประมุขน้อยไว้ข้อนึง เหล่าศิษย์ที่อยู่ที่นี่นั้นบางคนนั้นกระทำเรื่องชั่วร้ายมากมากมายจนมีความชั่วร้ายและมีจิตใจที่บิดเบี้ยวมากขอรับ บางคนนั้นเรียกได้ว่ามันหมดสิ้นความเป็นมนุษย์ไปแล้วด้วยซ้ำ จิตใจของพวกมันช่างมืดมนชั่วร้ายและวิปริตยิ่งกว่าสัตว์อสูรอีกขอรับ"

หลินฟ่านทำเพียงยิ้มบางๆและพยักหน้า "ข้ารู้"

แน่นอนว่าเพื่อให้เพื่อทดสอบดูว่าวิชาชีพเทรนเนอร์นี้มีความสามารถมากมายขนาดไหน หลินฟ่านจึงต้องหาคนที่จะมาเป็นหนูทดลองที่แข็งแกร่งและดื้อด้าน ยิ่งดื้อด้านยิ่งก้าวร้าวมากเท่าไรยิ่งดี เพราะหากพวกมันอ่อนแอหัวอ่อนเกินไป การทดสอบนี้ก็ไม่มีความหมาย

‘จิตใจชั่วร้ายไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ วิปริตบิดเบี้ยวดุร้าย ไม่ต่างอะไรกับสัตว์อสูรร้ายงั้นเหรอ จัดมา พี่ชอบ!’

เมื่อเขาเข้ามาในหอลงทัณฑ์ในส่วนกักกันนักโทษ ภาพที่พวกมันก็เหมือนกับคุกทั่วไปทางเดินภายในห้องขังราวกับทางเดินในเขาวงกต แต่ละสองฟากฝั่งจะมีคุกที่ด้านในมีนักโทษถูกคุมขังเอาไว้ ผนังที่กั้นแต่ละคุกเอาไว้ค่อนข้างหนาอย่างมาก

ด้านในนั้นกล่าวได้ว่าอบอวลไปด้วยจิตสังหารและความกระหายในการฆ่าที่คละคลุ้งตลบไปหมด มันราวกับเขาหลุดมาเดินอยู่ในขุมนรกอย่างไรอย่างไรอย่างนั้น ในนี้ไม่มีเสียงคร่ำครวญหรือร่ำร้องขออภัยโทษแม้แต่น้อย ...เรื่องเดียวที่อาจจะได้ยินในที่แห่งนี้คือเสียงคำรามและคำกล่าวสาบานเรื่อง ...จะฆ่า ...จะทำลาย ฆ่ามันให้หมด จะบั่นหัวมันให้ขาด จะแล่เนื้อเถือหนัง!...อะไรประมาณนี้

หลินฟ่านนั้นเดินหน้าไปตามทางเรื่อยๆ ทว่ามันใดนั้นเองดูเหมือนหลินฟ่านจะได้ยินเสียงดังเล็ดรอดออกมาจากส่วนลึกของคุก ที่ราวกับจะเป็นห้องขังแยกอยู่ตรงเกือบสุดทางเดินให้เห็นไกลๆ เสียงคำรามของมันนั้นดังกังวานอย่างมากแม้แต่หลินฟ่านที่อยู่ระยะไกลยังได้ยิน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ถ้าข้า เมี่ยเฉิงฉี ออกจาก ที่บัดซบนี่ได้เมื่อไหร่ ข้าสาบานจะกุดหัวพวกเจ้าออกมาให้เหี้ยน และใช้พวกมันแทนลูกหนังที่ข้าจะเตะเล่นไปรอบๆ! มาสิ! แน่จริงก็เฆี่ยนข้าให้แรงกว่านี้อีก ออกแรงให้มันมากกว่านี้อีก ยามเกิดมารดาไม่ให้ดูดนมหรืออย่างไร!” ศิษย์คนหนึ่งถูกมัดติดกับเสาที่เป็นรูปกางเขน ทั้งมือและขาของมันถูกจับตรึงเอาไว้ กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของมันปรากฏร่องรอยปริแตกฉีกขาด ศีรษะของมันโล้นเลี่ยนไร้ซึ่งเส้นผมแม้แต่เส้นเดียว นิสัยและกริยาของมันดุร้ายราวกับสัตว์อสูร

ทันใดนั้นเองหลินฟ่านที่เดินเข้ามาก็เรียกร้องความสนใจจากผู้คุมที่อยู่ด้านในทันที

"เอ๋? ท่านประมุขน้อยหลิน ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรขอรับ!" ศิษย์ที่นั่งเฝ้าตรงมุมหนึ่งรีบลุกขึ้นและวิ่งมาหาหลินฟ่าน พร้อมทำความเคารพด้วยความรวดเร็ว มันไม่คิดเลยว่าหลินฟ่านจะเดินมาถึงห้องขังเดี่ยวที่แยกออกมาห้องนี้

"ข้ามาที่นี่เพื่อมาดูน่ะ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันหรือ?" หลินฟ่านชี้นิ้วไปยังศิษย์ที่ถูกจับล่ามตรึงเอาไว้

"เรียนท่านประมุขน้อยหลิน เขาเองก็เคยเป็นศิษย์นิกายสายในที่เป็นอัจฉริยะสูงสุดของนิกายเม้งก่าเรามาก่อนขอรับ แต่ในระหว่างการเดินทางไปยังพื้นที่ต้องห้ามครั้งหนึ่ง อยู่ดีๆเขาก็ลุกขึ้นมาสังหารเพื่อนร่วมนิกายจนแทบหมดสิ้น เพียงเพื่อยึดครองสมบัติที่มันบังเอิญได้พบ เอาไว้แต่เพียงผู้เดียวขอรับ!" ใบหน้าของศิษย์นิกายสายในที่มีหน้าที่เฝ้าห้องขังนี้กล่าวเล่าเรื่องราวออกมาพร้อมความโกรธแค้น

"โทษทัณฑ์ของเขาคืออะไร?"

"เฆี่ยนตีอย่างหนักและทรมานด้วยทัณฑ์สูงสุดเป็นเวลา 6 ปี ก่อนที่จะทำลายระดับบ่มเพาะ หลัวจากนั้นก็จะถูกขับออกจากนิกายขอรับ"

หลินฟ่านก้าวไปข้างหน้าและทำการตรวจสอบ เมี่ยเฉิงฉี ที่ถูกมัดตรึงเอาไว้

"มองหน้าหาบิดาเจ้า!! ข้า บิดาจะถลกหนังเจ้าแล้วจิ้มกินกับซุปต่างขนมปัง! จะแล่หนังหน้าของเจ้าออกเป็นแผ่นไปย่างให้สุนัข!" เมี่ยเฉิงฉี กล่าวคำรามออกมาอย่างดุร้ายไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน

เพียะ!

"เจ้ากล้าโอหัง ทั้งแสดงกริยาต่ำทรามต่อหน้าท่านประมุขน้อยหลินเช่นนั้นรึ!" ศิษย์สายในคนนั้นง้างแส้และฟาดไปยังร่างกายของเมี่ยเฉิงฉีอย่างแรง อีกหลายครั้งกว่าจะหยุดลง

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!" เมี่ยเฉิงฉี หัวเราะออกมาดังลั่นดูเหมือนการเฆี่ยนตีจะไม่ทำให้เขารู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อย

นั่นเพราะว่าถึงแม้ระดับบ่มเพาะของเขายามนี้จะถูกปิดผนึกเอาไว้โดยผู้อาวุโส แต่ร่างกายของเขานั้นก็แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ไปแล้วไกลโข

'ระดับสู่สวรรค์อมตะ ขั้นสูง (ถูกผนึก)'

นี่เป็นระดับบ่มเพาะที่สูงที่สุดที่หลินฟ่านเคยเห็นจากเหล่าศิษย์สายในทั้งหลายในนิกาย รวมทั้งเหล่าศิษย์อัจฉริยะที่ถูกคัดไปทำภารกิจยังไม่สูงถึงเพียงนี้!

หลินฟ่านอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสังเวช แท้จริงแล้วชายคนนี้ต้องเป็นสุดยอดศิษย์อัจฉริยะไร้ผู้ต้านแห่งนิกายเม้งก่านี้อย่างแน่นอน

ในนิกายเม้งก่าตอนนี้ไม่มีศิษย์คนไหนที่สามารถเทียบเทียมกับเขาได้เลยแม้แต่คนเดียว...และก็ไม่มีใครที่คิดจะอยู่ข้างเดียวกับเขาหรือยกโทษให้เขาอีกด้วย

แค่ดูก็รู้ว่าหากชายคนนี้ยังอยู่ดี ไม่เสียสติและบ้าคลั่งเข่นฆ่าเพื่อนร่วมนิกาย เหล่าศิษย์ของนิกายอื่นคงเป็นได้แค่ขยะสำหรับมัน ... บางทีหากชายคนนี้ไม่กระทำความผิดร้ายแรงนั่น นิกายเม้งก่าอาจจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่อย่างตอนนี้

“ช่างน่าเศร้า...น่าเศร้า และน่าเสียดายอย่างยิ่ง " หลินฟ่านส่ายหน้าออกมา "เป็นอัจฉริยะถึงขนาดมีระดับบ่มเพาะสู่สวรรค์อมตะขั้นสูงแล้วแท้ๆ อะไรทำให้เจ้ากลับกลายเป็นฆาตกรโหดร้ายสังหารเข่นฆ่าคนในครอบครัวและทำให้สหายที่รักต้องหลั่งเลือดมากมายได้ถึงเพียงนี้? ช่างน่าผิดหวังและน่าเวทนานัก!”

"พ่อบิดา อยากเข่นฆ่าผู้ใดก็ได้แล้วแต่อารมณ์ของบิดา ไม่ใช่อะไรที่ตัวอุบาทว์เช่นเจ้าจะมายุ่งวุ่นวาย!" เมี่ยเฉิงฉี ตะโกนออกมาอย่างดุร้าย แววตาของมันแดงก่ำราวสัตว์อสูรเส้นเลือดเขียวปูดโปนขึ้นมาเต็มกระหม่อม แลดูดุร้ายอันตรายนัก

"ท่านประมุขน้อย! สภาพแวดล้อมที่นี้นั้นสกปรกและมีมลทินยิ่งนักขอรับ! ตัวท่านที่เป็นผู้นำพาเกียรติยศไม่ควรจะมาแปดเปื้อนสิ่งโสมมในนี้ขอรับ! ท่านรีบกลับไปเถิดขอรับ!" ศิษย์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้คุมและผู้เฆี่ยนตีเมี่ยเฉิงฉีนั้น กล่าวออกมาด้วยความเคารพ และเต็มไปด้วยโทสะอย่างถึงขีดสุด ‘ตัวบัดซบ เจ้ากล้าว่าและหมิ่นเกียรติของท่านประมุขน้อยหลิน! เมื่อประมุขน้อยหลินกลับไปแล้ว ข้าจะทรมานเจ้าให้หนักจะเฆี่ยนตีเจ้าให้ตกตาย ตัวบัดซบเช่นเจ้าต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม!

"อย่าได้กังวลไปเลย ถึงแม้ว่าเขาจะดูน่ากลัวเช่นนี้... และถึงแม้ว่าเขาจะแลดูก้าวร้าวทั้งกล่าววาจาก่นด่าอย่างดุร้าย ... แต่ข้าประมุขยังสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวของหัวใจอันบริสุทธิ์ที่ยังคงมีสำนึกในผิดชอบชั่วดีของเขาได้ ถึงแม้มันจะเหลือน้อยสักเพียงใดก็ตาม ...ให้ข้าประมุขลองจัดการเถิด บางทีข้าประมุขอาจจะเยียวยาจิตใจที่บิดเบี้ยวของเขาให้กลับมาสู่ครรลองได้อีกครั้ง.." หลินฟ่านเพียงโบกมือออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“ท่านประมุขน้อยหลินขอรับ! เมี่ยเฉิงฉีคนนี้นั้นบ้าคลั่งและไร้หนทางเยียวยาอย่างสมบูรณ์แล้วขอรับ ทั้งวันมันทำได้เพียงสาปแช่งด่าทอผู้คนและคิดที่จะเข่นฆ่าผู้คนเท่านั้น นี่ก็นับว่าท่านประมุขหยางนั้นมีเมตตาต่อมันมากแล้วขอรับ ที่ท่านคิดไว้ชีวิตมัน และปล่อยให้มันอยู่รอดสืบไปเพียงทำลายระดับบ่มเพาะมัน ไม่ให้ไปทำร้ายใครได้อีกเท่านั้น”

“ตัวอุบาทว์อย่างพวกเจ้ากล่าววาจาบัดซบอันใด! ข้าบิดาไม่ต้องการให้ใครมาเมตตาปรานี สงสารหรือเวทนา! แม้พวกเจ้าจะเข่นฆ่าบิดาจนตกตาย ! ข้าบิดาจะปีนขึ้นมาจากนรก! ข้าบิดาจะกลับมาเกิดใหม่ ไปถล่มตูดมารดาพวกเจ้า! และเข่นฆ่าตัวอุบาทว์อย่างพวกเจ้า! ลากพวกเจ้าไปลงนรกให้หมด!”

หลินฟ่านขมวดคิ้วเล็กน้อย มีอะไรบางอย่างที่ตะขิดตะขวงใจเขา

ย้อนกลับไปในชีวิตที่แล้วของหลินฟ่าน หลินฟ่านได้เคยอ่านนิยายและนวนิยายมามากมายนับไม่ถ้วน และบุคลิกอย่างชายคนนี้นับวามันเป็นตัวละครที่เหมาะที่สุด ที่จะเป็นพระเอกแบบ Anti-Hero (พระเอกสายดาร์ค)

ระดับบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง ผ่าน!

ทัศนคติ อหังการ,หยิ่งยโสโอหัง,จองหอง ผ่าน!

จิตสังหารที่อำมหิตเย็นยะเยือก ผ่าน!

และเรื่องที่สำคัญที่สุด คือมันไม่กลัวตาย ผ่าน!!

ตัวร้ายส่วนใหญ่มักจะหวาดกลัวความตายจนตัวสั่น แม้กระทั่งยินยอมคุกเข่าร้องขอชีวิตยามที่รู้ว่าตัวกำลังจะตาย แต่เมี่ยเฉิงฉี คนนี้แตกต่างกัน มันไม่หวาดกลัวความตายแม้แต่น้อย

ตัวละคร...อย่างชายคนนี้...ไม่ใช่ตัวประกอบเด็ดขาด! มันไม่ธรรมดา!!

ถึงเวลาแล้วที่เขาจะลงมือจัดการ!

รีวิวผู้อ่าน