px

เรื่อง : บุรุษที่ถูกทิ้ง
บทที่ 6 ยันต์ชำระจิตวิญญาณ


“พ่อ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?” ฉูจิงเหวินกลับไปยังโรงพยาบาลเอกชนและคนแรกที่เธอเห็นก็คือพ่อของเธอ นับตั้งแต่แม่ของเธอเข้าสู่สภาวะเจ้าหญิงนิทรา พ่อของเธอก็แทบจะวิ่งพล่านไปกับการลงทุนของเขาตลอดเวลา ขณะที่บริษัทของแม่เธอถูกบริหารโดยตัวเธอ เนื่องจากอาการเจ็บป่วยมารดาเธอ มันจึงเป็นไปตามระเบียบบริษัท แต่ถึงอย่างนั้นพ่อของเธอก็ไม่เคยถามเรื่องนี้กับเธอเลย และเขาก็ไม่เคยมาโรงพยาบาลเพื่อมาดูแม่เธอเลยสักครั้ง เพราะอย่างงั้นฉูจิงเหวินจึงไม่ทราบว่าพ่อเธอถึงมาที่โรงพยาบาลกระทันหันแบบนี้ทำไม

“หึ ถ้าฉันไม่ได้กลับมา ฉันก็คงจะไม่รู้เลยว่าแกไปก่อปัญหาไว้มากแค่ไหน ตอนนี้แกซื้อของไปทั่ว และยังเชื่ออีกว่ายันต์อะไรนั้นจะรักษาแม่ของแกได้ ครั้งต่อไปแกจะเชิญหมอผีมาหรือไง?” ฉูเจียงซ่งใบหน้าค่อนข้างมืดมน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขารู้สึกผิดหวังกับลูกสาวของเขา

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ฉูจิงเหวินรู้ว่าหวังเผิ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เธอรู้สึกเกลียดชังและเกลียดๆๆ หวังเฟิงเป็นที่สุด เขาไม่มีสิ่งที่ดีๆเลยเว้นเสียแต่หน้าตา อย่างไรก็ตามเธออารมณ์เสียมากกับพ่อ เธอจึงยังคงเงียบและไม่ต้องการตอบ
“อะไร แกพูดไม่ออกเลยรึไง? โยนของไร้ประโยชน์พวกนั้นลงถังขยะซะ!” ฉูเจียงซ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเชิงบังคับ

“พ่อ… หลังจากที่แม่ป่วยล้มลงไป พ่อทำอะไรบ้าง? พ่อมาเยี่ยมแม่ครั้งเดียวเมื่อตอนหมดสติ พ่อไปอยู่ไหนมาเมื่อหลายปีที่ผ่านมา? ถามตัวเองสิพ่อได้ทำเพื่อแม่บ้างไหม? สิ่งที่หนูทำอยู่ หนูรู้เกี่ยวกับสิ่งที่หนูทำดีและหนูไม่ต้องการให้พ่อสั่งหนู แม่ไม่เคยว่าเรื่องที่พ่อไปมีผู้หญิงอื่น แต่ตัวพ่อเองละ? พ่อคิดถึงแม่แม้เพียงสักนิดบ้างไหม?” หลังจากเงียบไปชั่วขณะหนึ่งฉูจิงเหวินก็ระเบิดมันทั้งหมดออกมา

“แก… ” ใบหน้าของฉูเจียงซ่งเป็นสีแดงและขาวหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ เขายกมือขึ้นและกำลังจะประทับมันแก่ลูกสาวเขา แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันเคร่งเครียดของเธอมีความเหนื่อยล้าปรากฎอยู่ เขาจึงค่อยๆลดมือของเขาลงอย่างช้าๆ เขารู้ดีจากใจว่าเขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเกี่ยวกับตัวลูกสาวของตัวเอง เขาทำร้ายภรรยาและลูกสาวอย่างแท้จริง บริษัทภรรยาเขาได้ถูกบริหารโดยลูกสาวของเขาและเขาก็ไม่ได้ช่วยเหลือแม้แต่เล็กน้อย

“เอาล่ะ ฉันรู้แล้วล่ะว่าฉันไม่สามารถสั่งแกได้ แต่ฉันหวังว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่แกเชื่อเรื่องโชคลางและอย่าทำอย่างนี้อีก แกได้รับการศึกษาระดับสูงแกทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันไม่ได้รึไงกัน? แล้วก็อย่ามีเรื่องกับหวังเผิ่งเพียงเพราะแค่เครื่องลางตามข้างถนน” ฉูเจียงซ่งกล่าวออกมาพร้อมความหงุดหงิด

ฉูจิงเหวินสาปแช่งหวังเผิ่งอย่างเงียบๆ แน่นอนเธอรู้ว่าทำไมพ่อของเธอต้องการให้เธอใกล้ชิดกับหวังเผิ่ง ถ้าพ่อของเธอต้องการก้าวหน้าในอาชีพตัวเองเขาจึงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากพ่อของหวังเผิ่ง แม้ว่าพ่อของเธอเป็นนายกเทศมนตรีแล้ว แต่พ่อของเธอก็ยังไม่มีชื่อผู้สนับสนุนมากมายเท่าไหร่สำหรับตระกูลฉู ฉูเจียงซ่งจะอยู่ตำแหน่งนั้นตลอดชีวิต ถ้าเขาไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ

 ในความเป็นจริงที่ฉูเจียงซ่งคิดได้เช่นนี้ เพราะตระกูลหวังนั้นอำนาจไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลฉู และยิ่งไปกว่านั้นตระกูลฉูไม่ได้เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่นักสำหรับเมืองหลวงแห่งนี้เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนและมีผู้ลงทุนจำนวนมากร่วมแค่นั้น ทว่าตระกูลเหล่านั้นมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด เขาทำงานในอาชีพของเขาเป็นนายกเทศมนตรีและมีอายุเกือบ 50 ปี ถ้าเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกบางทีเขาอาจค่อยๆเลือนหายไปจากสายตาของตระกูลฉู ถ้าเขาสามารถยืมพลังของตระกูลหวังได้เขาจะนำทุกคนไปหนึ่งก้าว บางทีผู้อาวุโสในตระกูลอาจจะประเมินศักยภาพของเขาอีกครั้ง

 

แม้ว่าเธอจะรู้แผนของพ่อเธอ ฉูจิงเหวินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ถึงหวังเผิ่งจะหล่อเหลาแต่ในสายตาฉูจิงเหวิน เขาดูดีแต่ช่างไร้ประโยชน์

เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเข้าไปในห้องของแม่เธอ ฉูเจียงซ่งก็เปิดปากของเขาและอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็หยุดมัน เขารู้ดีว่าแผนการของเขามันไร้ประโยชน์และไม่เกิดผลดีต่อลูกสาวตัวเอง เขาคิดเกี่ยวกับมันและเดินตามลูกสาวไปแต่ก็หยุดอยู่ที่หน้าประตู เขามีความกล้าหาญไม่มากนักที่จะเผชิญหน้ากับภรรยาของตัวเองที่หมดสติไป 3 ปี

บนเตียงมีร่างผู้หญิงที่งดงามวัย 30 ปีปรากฎอยู่ เธอคล้ายกับฉูจิงเหวินอย่างมาก แต่ตาของกลับปิดอยู่และคิ้วของเธอยู้ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นฉูจิงเหวินเข้ามาพยาบาลที่นั่งอยู่ข้างเตียงรีบลุกขึ้นมาทักทายก่อนจะออกจากห้องไป

มองไปยังมารดาที่ยังไม่ได้สติของเธอ ดวงตาของฉูจิงเหวินเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แม้มันจะผ่านไปไม่กี่ปี แม้ว่าเธอจะยังไม่ยอมแพ้ก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถร้องไห้กับใครได้และบอกความทุกข์ใจให้ใครได้ เธอเพียงแต่ร้องไห้ที่ข้างเตียงแม่ตอนกลางคืนเพียงเท่านั้น

 

เธอเอายันต์ชำระจิตวิญญาณที่มีมูลค่า 20,000 เหรียญออกมา ใจของฉูจิงเหวินรู้สึกเคว้งคว้าง แม้ว่าเธอรู้ว่ามันอาจจะเป็นของปลอม เธอก็ยังไม่สามารถระงับตระหนกในใจของเธอได้ มันรู้สึกราวกับว่าแม่ของเธอจะตื่นขึ้นมาจริงๆหลังจากที่วางยันต์นี้ลง

เมื่อเห็นลูกสาวเขากำลังจมไปกับความสิ้นหวัง ฉูเจียงซ่งส่ายหัวแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาต้องรอหลังจากที่ลูกสาวเขาใช้ยันต์นี้เสร็จและเขาจะพูดดีๆกับเธอ

 ฉูจิงเหวินลุกขึ้นยืนและถอยหลังสองก้าว เธอเงยหน้าขึ้นและโยนยันต์ชำระจิตวิญญาณไปยังผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงและเวลาเดียวกันนั้นเธอก็พูดว่า ‘ปรากฎ’ เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเขาเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ฉูเจียงซ่งไม่ได้คิดหัวเราะแม้เพียงเล็กน้อย แต่มันแทนที่ด้วยความระส่ำระสายและความรู้สึกผิดในใจเท่านั้น สำหรับแม่ของเธอลูกสาวเธอที่ได้รับการศึกษาที่ดีมากๆ ได้เริ่มเชื่อสิ่งเหล่านี้

อย่างไรก็ตามฉูเจียงซ่งคิดว่ามีปัญหาบางอย่างกับดวงตาของเขา ยันต์สีเหลืองของลูกสาวเขาส่องแสงออกมาหลังจากที่ลูกเขาพูดคำว่า’ปรากฎ’ แสงเหล่านั้นเข้าไปในร่างกายของภรรยาเขาขณะที่ขี้เถ้าอันเบาบางล่องลอยอยู่รอบๆตัวเธอ ถ้าห้องนี้มันไม่ได้เย็นอยู่ก่อนแล้วละก็ดวงตาของเขาคงรู้สึกแสบหลังจะโดนแสงนั้นเข้าไป เขาคิดว่าต้องคงจะเป็นภาพหลอนแน่ๆ “นะ.. นี่มันอะไรกัน?”

 ฉูจิงเหวินเองก็ตกใจ เธอคิดว่าหลังจากที่โยนยันต์ออกไปและพูดคำนั้น มันก็คงจะตกไปยังผ้าห่มของแม่เธอและแม่ของเธอก็จะต้องตื่นขึ้นมา อย่างไรก็ตามมันเกินที่เธอคาดหวังไปมาก ยันต์ที่เธอโยนออกไปกลายเป็นแสงจำนวนมาก และแสงนั้นมันก็เข้าสู่ร่างกายของแม่เธอ ในขณะยันต์ที่เธอโยนมันกลับหายไป พริบตาเดียวกันเธอเห็นเถ่าเล็กๆลอยอยู่รอบๆ

ฉูจิงเหวินรู้สึกมีบางอย่างระเบิดในหัวเธอ เธอรู้ดีว่ามีบางพวกใช้สารเคมีเพื่อหลอกลวงผู้คน ทว่าเธอเป็นนักศึกษาวิทยาศาสตร์ที่มีการศึกษาดี และไม่มีทางใดที่เธอสามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ด้วยปฏิกิริยาทางเคมีอันไหน เป็นไปได้ไหมว่ามันเกิดจากยันต์จริงๆ? เมื่อคิดได้ว่ายันต์อาจจะมีผลจริงๆ มือของฉูจิงเหวินเริ่มสั่นสะท้านถ้าสิ่งที่นายขายยันต์นั้นกล่าวถูกต้อง แม่ของเธอควรจะตื่นขึ้น

ฉูจิงเหวินไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจเธอได้ เธอรีบวิ่งไปข้างๆแม่ของเธอทันที

รีวิวผู้อ่าน