แม้ว่าเธอจะรู้แผนของพ่อเธอ ฉูจิงเหวินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ถึงหวังเผิ่งจะหล่อเหลาแต่ในสายตาฉูจิงเหวิน เขาดูดีแต่ช่างไร้ประโยชน์
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเข้าไปในห้องของแม่เธอ ฉูเจียงซ่งก็เปิดปากของเขาและอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็หยุดมัน เขารู้ดีว่าแผนการของเขามันไร้ประโยชน์และไม่เกิดผลดีต่อลูกสาวตัวเอง เขาคิดเกี่ยวกับมันและเดินตามลูกสาวไปแต่ก็หยุดอยู่ที่หน้าประตู เขามีความกล้าหาญไม่มากนักที่จะเผชิญหน้ากับภรรยาของตัวเองที่หมดสติไป 3 ปี
บนเตียงมีร่างผู้หญิงที่งดงามวัย 30 ปีปรากฎอยู่ เธอคล้ายกับฉูจิงเหวินอย่างมาก แต่ตาของกลับปิดอยู่และคิ้วของเธอยู้ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นฉูจิงเหวินเข้ามาพยาบาลที่นั่งอยู่ข้างเตียงรีบลุกขึ้นมาทักทายก่อนจะออกจากห้องไป
มองไปยังมารดาที่ยังไม่ได้สติของเธอ ดวงตาของฉูจิงเหวินเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แม้มันจะผ่านไปไม่กี่ปี แม้ว่าเธอจะยังไม่ยอมแพ้ก็ตาม แต่เธอก็ไม่สามารถร้องไห้กับใครได้และบอกความทุกข์ใจให้ใครได้ เธอเพียงแต่ร้องไห้ที่ข้างเตียงแม่ตอนกลางคืนเพียงเท่านั้น
เธอเอายันต์ชำระจิตวิญญาณที่มีมูลค่า 20,000 เหรียญออกมา ใจของฉูจิงเหวินรู้สึกเคว้งคว้าง แม้ว่าเธอรู้ว่ามันอาจจะเป็นของปลอม เธอก็ยังไม่สามารถระงับตระหนกในใจของเธอได้ มันรู้สึกราวกับว่าแม่ของเธอจะตื่นขึ้นมาจริงๆหลังจากที่วางยันต์นี้ลง
เมื่อเห็นลูกสาวเขากำลังจมไปกับความสิ้นหวัง ฉูเจียงซ่งส่ายหัวแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาต้องรอหลังจากที่ลูกสาวเขาใช้ยันต์นี้เสร็จและเขาจะพูดดีๆกับเธอ
ฉูจิงเหวินลุกขึ้นยืนและถอยหลังสองก้าว เธอเงยหน้าขึ้นและโยนยันต์ชำระจิตวิญญาณไปยังผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงและเวลาเดียวกันนั้นเธอก็พูดว่า ‘ปรากฎ’ เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเขาเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ฉูเจียงซ่งไม่ได้คิดหัวเราะแม้เพียงเล็กน้อย แต่มันแทนที่ด้วยความระส่ำระสายและความรู้สึกผิดในใจเท่านั้น สำหรับแม่ของเธอลูกสาวเธอที่ได้รับการศึกษาที่ดีมากๆ ได้เริ่มเชื่อสิ่งเหล่านี้
อย่างไรก็ตามฉูเจียงซ่งคิดว่ามีปัญหาบางอย่างกับดวงตาของเขา ยันต์สีเหลืองของลูกสาวเขาส่องแสงออกมาหลังจากที่ลูกเขาพูดคำว่า’ปรากฎ’ แสงเหล่านั้นเข้าไปในร่างกายของภรรยาเขาขณะที่ขี้เถ้าอันเบาบางล่องลอยอยู่รอบๆตัวเธอ ถ้าห้องนี้มันไม่ได้เย็นอยู่ก่อนแล้วละก็ดวงตาของเขาคงรู้สึกแสบหลังจะโดนแสงนั้นเข้าไป เขาคิดว่าต้องคงจะเป็นภาพหลอนแน่ๆ “นะ.. นี่มันอะไรกัน?”
ฉูจิงเหวินเองก็ตกใจ เธอคิดว่าหลังจากที่โยนยันต์ออกไปและพูดคำนั้น มันก็คงจะตกไปยังผ้าห่มของแม่เธอและแม่ของเธอก็จะต้องตื่นขึ้นมา อย่างไรก็ตามมันเกินที่เธอคาดหวังไปมาก ยันต์ที่เธอโยนออกไปกลายเป็นแสงจำนวนมาก และแสงนั้นมันก็เข้าสู่ร่างกายของแม่เธอ ในขณะยันต์ที่เธอโยนมันกลับหายไป พริบตาเดียวกันเธอเห็นเถ่าเล็กๆลอยอยู่รอบๆ
ฉูจิงเหวินรู้สึกมีบางอย่างระเบิดในหัวเธอ เธอรู้ดีว่ามีบางพวกใช้สารเคมีเพื่อหลอกลวงผู้คน ทว่าเธอเป็นนักศึกษาวิทยาศาสตร์ที่มีการศึกษาดี และไม่มีทางใดที่เธอสามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ด้วยปฏิกิริยาทางเคมีอันไหน เป็นไปได้ไหมว่ามันเกิดจากยันต์จริงๆ? เมื่อคิดได้ว่ายันต์อาจจะมีผลจริงๆ มือของฉูจิงเหวินเริ่มสั่นสะท้านถ้าสิ่งที่นายขายยันต์นั้นกล่าวถูกต้อง แม่ของเธอควรจะตื่นขึ้น
ฉูจิงเหวินไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจเธอได้ เธอรีบวิ่งไปข้างๆแม่ของเธอทันที