……
เย่โม่เริ่มมีความรู้สึกแปลกใจ หลังจากกินอาหารในมหาลัยเสร็จ ยัง….เขายังไม่พบคนน่าสงสัยที่มาตามเขาเลยซักคน เขาไม่คิดว่าเจิงเหวินเชียวจะปล่อยเรื่องไปทั้งแบบนี้ “อืมมม… ดูเหมือนมันจะมีความอดทนจริงๆ ”
เมื่อเย่โม่เดินทางกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นชูเหว่ยมีสีหน้าที่ดูเป็นกังวลและกำลังเดินวนไปมาอยู่ที่หน้าห้องของเขา เย่โม่ถามด้วยความประหลาดใจ ”ชูเหว่ยมีปัญหาอะไรรึเปล่า? เธอดูเหมือนมดที่โดนอบในเตาเลยนะ”
“เย่โม่นายกลับมาแล้ว! นายช่วยฉันได้ไหม? วันนี้ฉันมีเรื่องด่วนต้องทำจริงๆ แต่ฉันเผอิญตกลงกับชูหยินไว้ว่าจะเข้ากะกลางคืนแทนเธอ” ทันทีที่ชูเหว่ยเห็นเย่โม่ เธอก็เกิดความโล่งใจทันทีและเดินไปหาเขา
“ฉันสามารถช่วยอะไรได้บ้างละ?”เย่โม่ถามขึ้น
“มันเป็นแบบนี้ ฉันจะต้องเปลี่ยนกะกับชูหยินในวันนี้ แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วนที่ไปต้องทำ นายสามารถไปแทนฉันได้ไหม? มันเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นแหละ และมันจะสิ้นสุดเมื่อถึงเที่ยงคืน” ชูเหว่ยถามด้วยใบหน้าที่เร่งรีบ
เย่โม่รู้สึกเหมือนเส้นเลือดสีดำที่ขมับกระตุก เขาแทบหมดคำจะพูด ”ฉันเป็นคนไม่มีงานทำและเธอยังให้ฉันไปที่โรงพยาบาลเพื่อเปลี่ยนกะ เธอมีโอเครึเปล่าเนี้ย?”
“นายไม่ได้บอกเองรึไงว่ารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับยา? จริงๆ แล้วนายสามารถเปลี่ยนกะแทนฉัน โดยที่ไม่ต้องมีความรู้อะไรก็ได้ เพราะมันเป็นงานตอนกลางคืน โดยปกติแล้วก็แค่วัดอุณหภูมิร่างกายของผู้ปวยเท่านั้น นายเพียงแค่ต้องหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิให้พวกเขา พวกเขาสามารถทำมันเองได้ จากนั้นนายก็จดบันทึกไว้ตามอุณหภูมิที่ปรากฎออกมา จดมันไว้ในรายชื่อคนที่รอหากจำเป็น ฉันจะโทรไปหาเสี่ยวหวู่และให้เธอสอนนาย นายคงเรียนรู้ได้ภายในไม่กี่นาที” หลังจากที่ชูเหว่ยพูดเสร็จ เธอมองไปที่เย่โม่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
เย่โม่มองไปที่ชูเหว่ยโดยไม่พูดอะไร มันฟังดูง่ายดี และก็เนื่องจากที่เขามีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับชูเหว่ยผู้ซึ่งได้มาชวนเขากินข้าวก่อนหน้านี้ เขาจึงกล่าวว่า ”ฉันจะช่วยเธอ แต่ถ้าหัวหน้าแผนกมาตรวจสอบและรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ละ?”
“อย่ากังวล หัวหน้าจะไม่ไปแผนกตอนรับ มันจะไม่มีหัวหน้าคนไหนในตอนกลางคืนทั้งนั้น และแม้ว่าพวกเขาจะเข้ามาตรวจสอบก็คงจะเป็นที่ตึกผู้ป่วยพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นนายจะได้สวมหน้ากาก ใครจะไปรู้ว่าเป็นนายละจริงไหม?” ชูเหว่ยกล่าวด้วยความมั่นใจ
เย่โม่คิดกับตัวเอง ”แน่นอน ฉันไม่กังวลหรอก แม้ว่าพวกเขาจะพบว่าฉันไม่ได้ทำงานที่นั่น คนที่ถูกลงโทษใช่ไหมฉันอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าเย่โม่ตกลง ชูเหว่ยให้การ์ดที่มีสายเล็กๆ กับเย่โม่ ก่อนที่จะเก็บของใส่กระเป๋าและออกเดินทาง เย่โม่รู้ว่าเธออาจอยู่ในสถานการณ์บีบรัดบางอย่าง ในสถานการณ์แบบนี้เย่โย่โม่เตรียมชุดเครื่องมือแพทย์เล็กๆ ของเขาไว้ เขาไม่คิดว่าชุดเครื่องมือทางการแพทย์ที่เตรียมไว้ใช้สำหรับแผงลอยของเขา ซึ่งมันยังไม่เคยถูกใช้มาก่อน จะถูกนำมาใช้ครั้งแรกที่โรงพยาบาล แต่มันค่อนข้างเป็นสถานที่ๆ เหมาะสม
อาจเป็นเพราะที่ชูเหว่ยโทรหาเสี่ยวหวู่ก่อนหน้านี้ เสี่ยวหวู่ดึงหน้ากากออกทันทีที่เย่โม่เดินมายังแผนกตอนรับของโรงพยาบาลหลี่คังแห่งนี้
”คุณเย่โม่ ใช่ไหม? สวมเสื้อคลุมขาวนั้นก่อน ให้ฉันบอกงานกับคุณก่อนนะ มันง่ายมาก นี่ใบบันทึกและนี่เครื่องวัดอุณหภูมิ นอกจากนั้นฉันจะทำให้เอง”
เย่โม่เข้าใจแล้วว่ามันง่ายขนาดไหนและมันมีจำนวนผู้ป่วยไม่มากในเวลาตอนกลางคืน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มา เสี่ยวหวู่อาจจะจัดการเองได้
“เรากลัวว่าผู้ป่วยบางคนอาจโดนระเบิดเข้า และมาที่นี้อย่างกระทันหัน แล้วเมื่อเป็นยังงั้นฉันคงไม่เก่งพอที่จะจัดการคนเดียวได้ จากนั้นเราจะได้รับการร้องเรียนและเป็นเรื่องร้ายแรงหากผู้ป่วยบ่นเกี่ยวกับเรื่องหมอไม่มาทัน….ชูหยินทรมาณอยู่กับประจำเดือนของเธอ นั้นเลยเป็นเหตุผลที่คุณถึงต้องมา โดยส่วนมากที่นี้มักเป็นเด็กเล็กๆ ที่มาในตอนกลางคืนมีทั้งที่เป็นหวัดหรือมีไข้”เสี่ยวหวู่ดูเหมือนจะเห็นความสับสนของเย่โม่เธอจึงอธิบาย
เย่โม่เข้าใจเรื่องที่เขาจำเป็นต้องเข้ามาเปลี่ยนกะแล้ว พวกเขากลัวว่าผู้ป่วยจะมาบ่นถ้าเห็นว่าแผนกต้อนรับนั้นมีเพียงคนเดียว ในกรณีนี้ผู้ที่ไม่ได้มาจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง
เสี่ยวหวู่เป็นสาวที่มีใบหน้ากลมและมักมีลักยิ้มทั้งสองข้างปรากฎ เวลาเธอยิ้มมันทำให้เธอดูเป็นกันเอง แล้วก็อย่างที่คาดไว้เพิ่งผ่าน 6 โมงเย็นมานิดๆ ผู้ป่วยเพิ่มจำนวนขึ้น และมันก็เหมือนกับที่เสี่ยวหวู่พูดพวกเขาส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กๆ บางคนอาจมีหวัดหรือมีไข้ ถ้าแค่เสี่ยวหวู่ด้วยตัวเธอจริงๆ แล้ว เธอคงจะไม่สามารถดูแลทุกสิ่งทุกอย่างได้
เวลาประมาณ 23.00 น. บางคนได้ทำงานที่ได้รับหมอบหมายมาเสร็จแล้วก็มี และโรงพยาบาลเริ่มเงียบลง เวลาที่เหลืออยู่มันจึงเป็นเวลาว่างของเย่โม่และเสี่ยวหวู่ เมื่อเสี่ยวหวู่เห็นว่ามีคนเหลือไม่มาก เธอจึงพูดกับเย่โม่ว่า ”ฉันจะไปหาอะไรกินนะ เพราะฉันยังมีอีกกะหนึ่งเหลืออยู่ คุณต้องการอะไรไหม?”
เย่โม่โบกมือของเขาๆ เพื่อบอกว่ายังไม่หิว เมื่อเห็นเสี่ยวหวู่เดินออกไป เขาเดินไปเข้าห้องน้ำและนำกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ติดตัวไปด้วย เหตุผลที่เขานำติดตัวมาด้วยนั้น เพราะว่าเขาเข้าใจถึงราคาและคุณค่าของมันอย่างดี และอีกอย่างมันยังมีคนเดินไปมาที่แผนกต้อนรับอยู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางคืนถ้าบางคนหยิบมันออกไป การทำงานอย่างหนักไม่กี่วันที่ผ่านมาของเขาและนับหมื่นเหรียญที่ใช้ไป มันจะกลายเป็นสูญเปล่าทันที
“เธอนะมากับฉันหน่อยสิ ฉันมีบางอย่างที่ต้องการให้เธอช่วย” หมอวัยกลางคนสวมชุดกาวน์สีขาว บังเอิญผ่านมาพบกับเย่โม่ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ และหยุดเขาไว้
เย่โม่ไม่ได้อยากให้ความสนใจกับคนที่แต่งตัวประหลาดนี้ แต่หลังจากคิดว่าเสียงของเขาดูคล้ายกับหัวหน้าหรืออะไรซักอย่าง ถ้าเขารู้ว่าตัวเขากำลังเปลี่ยนกะแทนชูเหว่ย เขาอาจจะทำให้ชูเหว่ยต้องลำบากได้ เขาตัดสินใจที่จะตามไป ในขณะที่เขาอยู่ที่นี่และเลือกที่จะช่วยชูเหว่ย
หมอคนนั้นพาเย่โม่มายังแผนกฉุกเฉินและถามเขา”เธออยู่แผนกไหน?”
เย่โม่คิดจากอายุของผู้ชายคนนี้ เขาถามว่าอยู่แผนกไหน เขาอาจจะรู้ทันทีถ้าเขาโกหก หากเขาพูดผิดพลาดไปมันคงไม่ใช่เรื่องดี ฉะนั้นเขาจึงมีแต่ต้องพูดความจริง ”ผมมาที่นี่เพราะ...”
ก่อนที่เย่โม่จะพูดหาข้ออ้าง โทรศัพท์ของหมอก็ส่งเสียงขึ้นมาก่อน เขาหยิบขึ้นมาและพูดเพียงไม่กี่ประโยคก่อนที่จะระเบิดอารมณ์โกรธออกมาด้วย เขาได้โต้เถียงกับคนในโทรศัพท์เป็นเวลานาน ก่อนที่เย่โม่จะได้ยินเขาพูดว่า”หย่าแล้ว แกมันไร้ยางอาย…”
เมื่อเสร็จสิ้นการโทรของเขา ชายวัยกลางคนก็ไม่สนใจเย่โม่อีกต่อไป เขาถอดเสื้อกาวน์ทิ้งก่อนจะหยิบกระเป๋าและเดินออกไป
เย่โม่คิดว่า เจ้านั้นช่างเอาแต่ใจเสียจริง เขาทิ้งในสิ่งที่เขาทำและคุยกับภรรยาของเขาเรื่องหย่ากับตัวเองตอน 23.00 เย่โม่เองก็เป็นใบ้อยู่ชั่วขณะเหมือนกัน หมอเรียกเขามานี้แต่ก็ทิ้งเขาไป ก่อนที่จะได้บอกอะไรกับเขาไม่แปลกใจเลยที่ภรรยาคนนี้เลือกที่จะหย่า เมื่อเย่โม่ยืนขึ้น พยาบาลและหญิสาวอายุ 20 ปีมาพร้อมกับคนแก่อายุประมาณ 60 ปีกำลังเดินมาทางนี้ และเขาสามารถบอกได้ด้วยฝีเท้าของพวกเขาว่าสถานการณ์กำลังเร่งด่วน
“คุณคือใคร? คุณหมอซุยเขาอยู่ไหน? ” แม้ว่าเย่โม่จะมีหน้ากากปกปิด แต่พยาบาลกลับกังวล เพียงว่าไม่ใช่หมอซุย และถามเขาอย่างลุกลี้ลุกลน
“อ่อ เขาเพิ่งออกไปเมื่อกี้เอง ฉันเปลี่ยนกะกับคนใครบางคน มันก็เพรา- ” ก่อนที่เย่โม่จะบอกว่าเปลี่ยนกะแทนชูหยิน พยาบาลคนนี้ขัดจังหวะเขาซะก่อน
“ต้องรีบแล้ว ต้องรีบเช็คผู้สูงวัยคนนี้! เขารู้สึกเจ็บปวดไปทุกที่และไม่สามารถพูดได้อีกต่อไปแล้ว….” พยาบาลช่วยผู้สูงวัยที่มีใบหน้าซีดเซียวลงบนเตียง และพร้อมที่จะช่วยเหลือเขาในขั้นตอนต่างๆ