หลังจากที่ซั่งเอ้อกั๋วโดนเท ตัวมันก็ชอบไปยืนซึมเศร้าเหงาหงอย หมดอาลัยตายอยากอยู่ริมขอบผาราวกับพระเอกมิวสิค ..แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงจะปลอบใจอะไรไปมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เรื่องเช่นนี้ต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น
ทว่าเมื่อตกเย็น ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ขุนเขาไร้นามก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน
"หลินฟ่าน ห้องหับของนิกายของเรานั้นไม่ค่อยกว้างขวางสักเท่าไร ข้าเลยเสนอให้พวกเขามาพักที่นี่ เพราะว่าบ้านพักของเหล่าศิษย์เจ้ายังว่างอยู่มากมาย จะได้หรือไม่?" ประมาจารย์อู่หยากล่าวอธิบายถึงการมาเยือนครั้งนี้
“ไม่มีปัญหา! พวกเรายินดีต้อนรับ!” เมื่อได้ยินคำขอของปรมาจารย์อู่หยาหลินฟ่านแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาย่อมเป็นเจ้าบ้านที่ดี! และแน่นอนว่าคนใจกว้างอย่างเขาย่อมยินดีอ้าแขนกว้างๆรอต้อนรับแขกต่างนิกายเช่นนี้
"เอาล่ะปรมาจารย์อู่หยา ท่านไว้ใจข้าได้เลย ข้าจะต้อนรับพวกเขาอย่างดี" หลินฟ่านกล่าวออกมาอย่างจริงจัง หลังจากนั้นเขาก็หันไปทางศิษย์ของนิกาย 9 สวรรค์ ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างเจ้าบ้านที่ดี แต่ก็ไม่ลืมวางท่าหยิ่งเหมือนเมื่อกลางวันไว้ด้วยไม่ให้หลุดฟอร์ม
"เจ้าไม่ต้องทำอันใดให้วุ่นวายมากหรอก พวกเขาเพียงอยู่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น เมื่อการประลองชี้แนะพรุ่งนี้จบลงพวกเขาก็กลับกันแล้ว" ปรมาจารย์อู่หยาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
แม้ว่าเรื่องราวในตอนเที่ยงจะทำให้นิกาย 9 สวรรค์เสียหน้าอย่างมาก แต่ปรมาจารย์อู่หยาก็คิดว่าหลินฟ่านคงไม่ได้ถือสาอะไรแล้ว
"อา แน่นอนว่าย่อมไม่มีปัญหาอันใด จะอย่างไรขุนเขาไร้นามนี่ก็เงียบสงบมานานนัก มีผู้คนมาพอได้มีความครึกครื้นขึ้นมาหน่อย!" หลินฟ่านเรียกเอ้อกั๋วออกมา แล้วกล่าวกับมัน "เอ้อกั๋ว เจ้ารีบไปจัดเตรียมสถานที่พัก! จำไว้ด้วยว่า ต้องให้แขกของเรานั้นได้พักอย่างสะดวกสบายที่สุด!"
แม้ว่าซั่งเอ้อกั๋วจะอกหักและซึมเศร้าอย่างหนัก แต่เขาก็ซ่อนอาการเอาไว้ได้อย่างดี แม้นใจเศร้าแต่ใบหน้าของเขายังคงฉายไว้ด้วยรอยยิ้ม ...
"ศิษย์พี่ทั้งหลาย ตามข้ามาทางนี้เลยขอรับ!" ถึงแม้ใบหน้าของซั่งเอ้อกั๋วจะอัปลักษณ์ แต่สีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความมีน้ำใจก็ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดีไม่น้อย...แล้วศิษย์ของนิกาย 9 สวรรค์ก็เดินตามซั่งเอ้อกั๋วไป
ส่วนชิงฟงนั้น ก่อนที่มันจะไป มันหันมามองยังหลินฟ่านพร้อมรอยยิ้มขื่นขมเล็กน้อย มันนั้นระลึกถึงเรื่องราวตอนกลางวันอยู่เสมอ ถึงแม้ว่างานเลี้ยงจะรื่นเริงและอาหารเองก็อร่อยไม่น้อย...แต่มันก็หาได้รับรู้รสชาติอันใดไม่ ภาพเหตุการณ์เมื่อกลางวันมันฉายซ้ำวนเวียนอยู่ในหัว...ยากจะลบเลือนมออกไปจากใจ
ตอนนี้เมื่อมันขึ้นมาพักยังขุนเขาไร้นาม...และต้องเจอหลินฟ่านอีกครั้ง แน่นอนล่ะว่า มันย่อมรู้สึกลำบากใจและอึดอัดใจอย่างมาก
"พี่อี้ชู คืนนี้ต้องรบกวนท่านให้พักที่นี่แล้ว" ปรมาจารย์อู่หยาหัวเราะออกมาเล็กน้อย
"เอาล่ะ ที่นี่เองก็ดูเหมือนสะดวกสบายไม่น้อย ยามนี้ข้าจะปล่อยให้ลูกศิษย์ไปพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ พรุ่งนี้พวกเขาจะได้แสดงผลงานได้ดี ข้าเองก็ขอตัวไปพักก่อนล่ะ"เหลียงอี้ชูเองก็โยนเรื่องราวน่าอับอายที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันทิ้งไป แม้ว่านิกาย 9 สวรรค์จะเสียหน้าไม่น้อย แต่ผลการประลองชี้แนะในวันพรุ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง...แล้วเหลียงอี้ชูก็เดินตามหลังศิษย์ไป
เพื่อที่จะกู้หน้าคืน พรุ่งนี้พวกเขาต้องทำการประลองอย่างเต็มที่!
"เอาล่ะท่านปรมาจารย์อู่หยา ปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าดูแลเอง ข้าจะให้คนพวกนี้รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของนิกายเม้งก่าเรา ด้วยการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ข้าจะมอบความทรงจำอันดีที่พวกเขาไม่มีวันลืมเลือนเอง!" หลินฟ่านกล่าวออกมาพร้อมตบหน้าอกตัวเองเบาๆ
ปรมาจารย์อู่หยาพยักหน้าอย่างยินดี การที่ได้หลินฟ่านมาอยู่ในนิกายเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องราวอันประเสริฐนัก เขาไม่ต่างอันใดกับมหาลาภครั้งใหญ่ของนิกายเม้งก่าจริงๆ
"พี่อี้ชู พักผ่อนให้สบาย ข้าไม่กวนท่านแล้ว" ปรมาจารย์อู่หยาตะโกนกล่าวลาอาวุโสอี้ชู ก่อนที่จะจากไป
...
เมื่อปรมาจารย์อู่หยาจากไปรอยยิ้มที่จริงใจและแสนดีบนใบหน้าของหลินฟ่านก็หายไป เขาเริ่มแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เสียงหัวเราะสยดสยองค่อยๆเล็ดรอดออกมาจากไรฟัน
ในเมื่อพวกมันมาเหยียบที่ขุนเขาไร้นามของเขาเช่นนี้ แน่นนอนล่ะว่าตัวเขาที่เป็นเจ้าของขุนเขา ก็ต้องทำตัวเป็น เจ้าบ้านที่ดี! ให้พวกมันจดจำขุนเขาไร้นามนี้เอาไว้ฝังลึกในความทรงจำอย่างไม่มีวันลืมเลือน ไม่อย่างนั้นแล้วก็เสื่อมเสียชื่อเสียงของขุนเขาไร้นามหมด..!
เนื่องจากผลการประลองชี้แนะพรุ่งนี้เกี่ยวพันถึงหน้าตาของนิกายเม้งก่า ตัวเขาเองก็ต้องทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่ เพื่อให้ศิษย์และพี่น้องร่วมนิกายสะดวกสบาย
แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้ว่าหลินฟ่านนั้น ไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจ,ไร้ยางอาย,หยาบคาย หรือชั่วร้าย ....การที่จะทำเรื่องราวบางประการในค่ำคืนนี้...ก็นับว่าสร้างความลำบากใจให้เขาไม่น้อย... แต่ถึงแม้มันจะลำบากใจ! ถึงแม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่เขาเป็น! ถึงมันจะต้องกล้ำกลืนฝืนทน! เขาก็ต้องกระทำ!! ทั้งหมดล้วนเพื่อสร้างคุณงามความดีให้แก่นิกาย!
‘เราประมุขไม่ลงนรก แล้วใครจะลงนรก !!’
"อาจารย์ ผู้คนมากมายเลยเจ้าค่ะ!" ไช่ฉิเฉียวตบมืออย่างสนุกสนานร่าเริงเมื่อเห็นผู้คนมากมายในขุนเขาไร้นาม หลินฟ่านไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาเพียงยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะลูบหัวศิษย์ตัวน้อยเบาๆ ดวงตาของเขาทอประกายเรืองวูบเมื่อมองไปยังศิษย์นิกาย 9 สวรรค์ที่อยู่ห่างไป
...
ยามค่ำคืนมาเยือน ...
ศิษย์สาวกของนิกาย 9 สวรรค์มารวมตัวกันในห้องโถงอย่างครบครัน ก่อนที่เหลียงอี้ชูจะกล่าวคำแนะนำเรื่องราวออกมา
"การประลองชี้แนะพรุ่งนี้นั้น พวกเจ้าต้องทุ่มเทแสดงฝีมือออกมาอย่างเต็มที่ อย่าได้กักเก็บฝีมือเอาไว้ พวกเราต้องชนะ!" เหลียงอี้ชูเองก็ค่อนข้างมั่นใจอย่างมาก เพราะจะอย่างไรศิษย์ที่มันพามาครั้งนี้ นับว่าคัดมาแต่หัวกะทิของเหล่าศิษย์อัจฉริยะของนิกาย สวรรค์ทั้งสิ้น
โดยเฉพาะตัวศิษย์เอกของเขาอย่างชิงฟง มันเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะอย่างแท้จริง ถึงแม้เรื่องราวเมื่อช่วงกลางวันจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน แต่ตัวเขาเชื่อว่าล้วนแล้วแต่เป็นชิงฟงที่ประมาทอีกฝ่ายมากเกินไป
สำหรับการประลองชี้แนะพรุ่งนี้นั้น มันจะดำเนินกันอย่างยุติธรรม ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างไปอย่างแน่นอน!
"ท่านผู้อาวุโสอย่าได้กังวลไปเลยขอรับ พวกเราจะพยายามเต็มที่เพื่อนำชัยชนะและเกียรติยศกลับมา!" เหล่าศิษย์ของนิกาย 9 สวรรค์กล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง
"ยอดเยี่ยม เอาล่ะ พวกเจ้าแยกย้ายไปเถิด พักผ่อนเอาแรงให้เต็มที่พรุ่งนี้จะได้มีสภาพสมบูรณ์พร้อม!"
...
ภายในบ้านพักของหลินฟ่าน...
ตอนนี้หลินฟ่าน ซั่งเอ้อกั๋ว เมี่ยเฉิงฉี เฟิ่งปู้จู่ กำลังนั่งล้อมวงกันอยู่พร้อมทำหน้าตาจริงจัง
"นายท่าน คืนนี้ท่านจะให้พวกเราทำอันใดหรือขอรับ?" ซั่งเอ้อกั๋วนั้นรู้สึกถึงความสามารถหลินฟ่านดี สำหรับคนพวกนี้ เรื่องที่มันจะพักผ่อนอย่างสงบสุขบนขุนเขาไร้นามน่ะหรือ?? ให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกยังจะง่ายเสียกว่า!!
มองไปยังบ้านพักด้านนอกที่ยังเปิดไฟสว่างอยู่หลินฟ่านเผยรอยยิ้มลี้ลับออกมา เขาโบกมือให้ทั้งหมดสุมหัวกันเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่จะกระซิบกล่าวถึงเรื่องราวและแผนการณ์ที่พวกมันต้องไปกระทำ... หลังจากวางแผนชั่วกันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งหมดก็เงยหน้าขึ้นมา พร้อมแสยะยิ้มชั่วร้าย... /gg
รัตติกาลเงียบสงบ...ความมืดแผ่ซ่านปกคลุม
มืดมนดั่งอนทกาล
ขุนเขาไร้นามเองก็เงียบสงบไร้ซึ่งสรรพเสียงสำเนียงใด ด้วยความที่ไม่ค่อยมีผู้คนอยู่แล้ว ทำให้มันเงียบยิ่งกว่าเงียบ มีเพียงเสียงจั๊กจั่นเรไรดังขึ้นในบางครั้ง...บริเวณส่วนของบ้านพักทางทิศตะวันตก เป็นบริเวณบ้านพักที่มอบให้ศิษย์ของนิกาย 9 สวรรค์ใช้พักผ่อน
ในบ้านพักแต่ละหลังนั้นจะมีศิษย์ของนิกาย 9 สวรรค์พักอยู่ 2 คน
หวังหยางหลิง นั้นนับว่าเป็นอัจฉริยะของนิกาย 9 สวรรค์คนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีพรสวรรค์และศักยภาพเทียบเท่าชิงฟง แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูแคลนความสามารถและพรสวรรค์ในระดับบ่มเพาะของเขา
เช่นนั้นเขาจึงเป็นคนที่กระหายการประลองชี้แนะครั้งนี้อย่างถึงขีดสุด แม้ว่าอาจจะไม่เด่นและเทียบเท่าศิษย์พี่ชิงฟงของเขา แต่ตัวเขาเองก็กระสันที่จะลิ้มรสชัยชนะและประกาศศักดาของตนให้ทุกคนได้รับรู้
หวังหยางหลินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงและโคจรพลังงานที่แท้จริงไปมาทั่วร่างกาย กระแสพลังงานที่แท้จริงค่อยๆหมุนวนโคจรไปรอบร่างกาย เมื่อครบหนึ่งรอบมันเข้มแข็งขึ้นส่วนหนึ่ง พลังงานที่แท้จริงโคจรไปทั่วร่างกายรอบแล้วอบเล่า แต่ทันใดนั้นเอง
พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านนอก จนทำให้หวังหยางหลินที่ได้ยินต้องเบิกตากว้าง
"ศะ..ศิษย์พี่ ... ระ เรื่องจริงหรือขอรับ? มะ..มันมีจริงๆหรือ ... บะ..บนยอดเขาไร้นามนี้ มะ..มีภูตผี จริงๆ!?"
"ข้าเองก็ไม่ค่อยมันใจสักเท่าไร ...เจ้าเคยได้ยินเรื่องเล่าที่กล่าวขานกันมาจนเป็นตำนานของขุนเขาไร้นามหรือไม่?"
"เรื่องเล่า ... ตำนาน !!"
น้ำเสียงของชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
"ขุนเขาไร้นามนี้...แท้จริงแล้ว มันเคยถูกเรียกว่าขุนเขาไร้หวนกลับ...เนื่องเพราะแต่ก่อนมันเป็นสุสาน เหล่าศิษย์สาวกของนิกายเม้งก่าที่ตกตายลงจะถูกนำมาฝังเอาไว้ในที่แห่งนี้...ทว่าแน่นอนพวกมันล้วนหามีผู้ใดยินยอมพร้อมใจที่จะจากลาโลกนี้ไปไม่...แม้นร่างกายของพวกมันจะถูกฝังให้หลับใหลใต้ผืนดิน...ทว่าจิตวิญญาณที่ไม่ยินยอมของพวกมันนั้นมิอาจหลับใหลลงไปได้ ...ท่านผู้อาวุโสคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อยามค่ำคืนมืดมิดที่ไร้แสงมาเยือน พวกมันจะ...กลับมา... และยามใดที่เจ้าสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นประการหนึ่งแล่นวูบไปทั่วไขสันหลัง ...นั่นหมายความว่า...มีผู้มาเยือนเจ้าแล้ว!"
...
"อย่าทำให้ข้ากลัวสิ ศิษย์พี่...ข้าเป็นคนขี้กลัว!"
"เจ้าอย่าได้กังวล แม้ว่าวิญญาณเหล่านั้นจะเป็นภูตผีที่มีห่วง ทว่าพวกมันไม่คิดทำร้ายเจ้ากับข้าหรอก เพราะจะอย่างไร พวกเราทั้งหมดก็เป็นศิษย์นิกายเดียวกัน ถึงแม้พวกมันจะตายไปแล้ว แต่ถึงตายก็เป็นผีเม้งก่า!”
"อา เช่นนี้นี่เอง!"
...
แม้ว่าเสียงภายนอกจะเงียบไปแล้ว ทว่า...ในหูของหวังหยางหลินนั้น ยังก้องกังวานไปด้วยบทสนทนาเมื่อครู่
ขุนเขาไร้หวนกลับ? สุสานและที่ฝังศพของศิษย์นิกายที่จากไป?
นิ…นี่!
วังหยางหลินอดไม่ได้ที่จะประหวั่นใจขึ้นมา และรู้สึกเสมือนมีอะไรร้อนวูบขึ้นมาที่คอและแขนทันทีหลังจากที่ได้ยินเรื่องราว เขาพลันเริ่มสำรวจสภาพรอบๆตัวดูก็พบว่า...อากาศค่อนข้าง เย็น!
หรือมันมีผู้...มาเยือน ผี!?!?
หวังหยางหลินเบิกตาโพล่งในทันใด มันลุกขึ้นยืนบนเตียงและมองไปรอบๆ อย่างไม่รีรอ
****บนขุนเขาไร้นามตอนนี้หลังจากสร้างสิ่งก่อสร้างแล้ว มันก็เหมือนนิกายอื่นทั่วๆไป มีเขตนอกเขตใน และก็มีบ้านพักแยกเป็นโซนๆ จุคนได้เป็นพันเป็นหมื่นๆ ใหญ่และกว้างมาก .... เพราะฉะนั้น คิดสภาพอยู่ทาวเฮาส์สักโครงการหนึ่งที่ไว้รองรับคนสัก 10,000 คน แต่ มีบ้านอยู่ไม่กี่หลังที่เปิดไฟดู ...