px

เรื่อง : Peerless White Emperor
ตอนที่ 29 : ความผิดหวังของลุงฟรอสเลอร์


fdr dollar ของเปลี่ยนเป็น เหรียญสหรัฐ นะครับ

----------------------------------------------------------------------------------------------

อูนาเดินมาส่งอาหารให้กับพวกเขา เธอรู้สึกตัวสั่นเมื่อเห็นทั้งสามคนกำลังกินอาหารอย่างหิวโหยอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้นที่หมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะกันนะ!? เธอเพียงแค่ส่ายหัว “ตอนนี้ฉันเลเวล 5 แล้วนะ เมื่อวานนี้ฉันกับปาร์ตี้ได้ฆ่ามอนเตอร์ระดับ Elite พวกคนทั้งหมดในปาร์ตี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ฉันก็มีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยนะ นอกจากนี้พวกเรายังได้หนังสือสกิลเวทมนตร์มาอีกด้วย”

พวกเขาเริ่มกินอย่างช้าๆเมื่อฟังเรื่องที่อูนาเล่า

“นั่นเยี่ยมมาก เวทมนตร์แบบไหนที่เธอได้มา?” จางเจิ้งเฉียงพูดขณะกำลังเลียกล่องอาหารของเขา

“...” อูนาไม่รู้จะพูดอย่างไรกับพฤติกรรมแบบนี้ของจางเจิ้งเฉียง “Light Wind Blade”

“ไม่เลวเลย เธอต้องรีบแข็งแกร่งขึ้นนะ ฉันความคาดหวังกับเธอไว้มาก...” เย่ฉางพูดเหมือนกับกัปตันทีมบางคนพร้อมกับเช็ดปากหลังกินอาหารเสร็จ อูนาทำได้เพียงกลอกตาไปมา

“เนื่องจากวันนี้มีเสื้อผ้าลดราคา ฉันเลยซื้อชุดเดรสตัวใหม่มา มันดูเป็นยังไงบ้าง?” อูนาถามขณะที่เธอลุกขึ้นและหมุนตัวเล็กน้อยเพื่อแสดงชุดเดรสสีฟ้าของเธอ ในขณะที่เธอหมุนตัวนั้นได้มีกลิ่นหอมอ่อนๆโชยออกมาเล็กน้อย

เย่ฉางยิ้มและพยักหน้า “สวยมากเลย”

อูนาเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข “แน่นอน ฉันใส่อะไรก็สวย”

“นานะ เราได้เพื่อนใหม่ในเกมแล้วนะ” หลินหลี่พูดอย่างมีความสุขหลังจากกินอาหารเสร็จ อูนาไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ มันคงจะเป็นแค่พวกผู้ชายบางกลุ่มเท่านั้น

มหาวิทยาลัยเมืองหลวง,ตำบลเวอมิเลี่ยนเบิร์ด,ในวิลล่าบางแห่ง

ThornyRose ไม่รู้ว่าทำไมเธอไม่เคยสังเกตเลยว่าอาหารกลางวันที่เธอกินประจำมันมีรสชาติดีขึ้นกว่าปกติ “นี่มันอร่อยมาก!” ความหิวโหยของเธอเป็นเรื่องใหญ่ น้ำตาได้เกิดขึ้นที่มุมดวงตาขณะที่เธอกำลังกิน นี่สิถึงจะเรียกว่าอาหาร! อาหารที่แท้จริง! เธอรู้สึกขอบคุณชีวิตจริงๆ

“คุณหนู อาหารกลางวันของวันนี้ดูเหมือนจะถูกปากคุณหนูจริงๆ...” ใกล้ๆกับเธอมีพ่อบ้านชรากำลังหัวเราะอย่างเป็นกันเอง โดยปกติเธอมักจะกินข้าวเพียงแค่ครึ่งชามเท่านั้น แต่วันนี้เธอกินไปถึงสามชาม นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“อื้ม ลุงจางขอให้หนูอีกชามนะ” ThornyRose ยื่นชามที่ว่างเปล่าไปทางพ่อบ้านชรา แม้ว่าพ่อบ้านจางจะได้รับชามที่ว่างเปล่า แต่หลังของเขาเริ่มถูกปกคลุมด้วยเหงื่อที่เย็นเยียบ

มหาวิทยาลัยหลินไห่,ย่านตะวันออก,แถวถนนหยูลอง

โดยปกติแล้ว เวลานี้พวกเย่ฉางต้องดู[ศึกพิศวาสสองพี่น้อง]อยู่ที่อพาร์ตเมนต์ แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนตระเวนไปตามถนนอย่างเฉื่อยชาและหาซื้ออาหารเย็นเพื่อนำกลับมากินที่อพาร์ตเมนต์ พวกเขาต้องการเลี้ยงเฉลิมฉลองจากการเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพเต็มตัว เพราะพวกเขาเพิ่งได้รับเงินมาครั้งแรกจากการขายเงินในเกม

ทั้งสี่คนหัวเราขณะเดินไปตามถนน อูนามองเห็นชุดเดรสที่มีลวดลายดอกบัวสีฟ้าอ่อน มันมีกระโปรงเพรียวมองดูแล้วให้ความรู็สึกสบายใจ เย่ฉางเห็นความปรารถนาในสายตาของอูนา “อะไร? เธอชอบหรอ?”

“ไปเถอะ! มันแพงเกินไป ราคาของชุดนี้ตั้ง 20000เหรียญสหรัฐ” อูนาส่ายหัว เธอกุมมือของเธอและหันหลังเดินนำหน้าออกไป

เย่ฉางและกลุ่มของเขาหันไปมองอูนาและยิ้ม จางเจิ้งเฉียงพยักหน้า “นานะ เธอคอยดูแลพวกเราอย่างดีเสมอมา เงินเดือนแรกของเราควรจะใช้เพื่อซื้อของขวัญให้เธอ...”

หลินหลี่พยักหน้าอย่างจริงจัง เย่ฉางก็คิดเช่นเดียวกัน เธอมาดูแลพวกเขาทุกวัน เธออาจจะเป็นเพียงเพื่อนหญิงคนเดียวของพวกเขาภายในมหาวิทยาลัย

อูนามองไปรอบๆและหันมา แต่ก็ไม่สามารถเห็นพวกทั้งสามคนได้ เธอพยายามหันดูๆรอบๆบริเวณนั้น และเห็นเย่ฉางเดินออกจากร้านพร้อมกับชุดเดรสที่มีลายดอกบัวสีฟ้าอ่อน เธอรู้สึกมีความสุขมากแต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกเป็นห่วงและรู้สึกผิด “เฮ้! ฉันบอกว่ามันราคาแพงเกินไป พวกนายทั้งสามคนยังไม่มีเงินพอที่จะใช้จ่ายเป็นค่าครองชีพในแต่ละเดือนได้เลย เอามันกลับไปคืนเถอะ”

“นานะ พวกเราสามคนขายเงินในเกมได้เงินตั้งมากมาย นี่เป็นของขวัญสำหรับเธอ รับมันไปเถอะนะ” เย่ฉางคว้าชุดเดรสใส่ไว้ในมือของเธอ

อูนามองเขาอย่างหวาดระแวง เธอโน้มตัวไปหาเย่ฉางและกระซิบ “ได้เงินมาเท่าไหร่?”

เย่ฉางหยิบมือถือออกมาและโชว์ยอดเงินคงเหลือ หัวใจของอูนาสั่นสะท้าน คนทั้งสามคนนี้ไปพบเจอสมบัติอะไรมากัน? แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม ดูเหมือนว่าพวกเขาเหมาะที่จะเป็นผู้เล่นระดับมืออาชีพ “ดูเหมือนว่านายยังมีจิตสำนึกที่ดี...” เธอพูดขณะที่เอามือไปคล้องคอของเย่ฉาง “ไปกันเถอะ ยังมีกระเป๋าที่ฉันต้องการอีกใบ...”

“...” เย่ฉางพูดไม่ออก

อูนาได้จัดกระเป๋าและชุดใหม่ของเธออย่างเรียบร้อย เมื่อเห็นเธอมีความสุขมากเย่ฉางอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

“พี่ใหญ่ขาว! พี่ใหญ่ขาว! ลุงฟรอสเลอร์อยู่ตรงนั้น!” คำพูดของหลินหลี่ทำให้อีกสามคนหยุดชะงัก พวกเขามองเข้าไปในซอยที่หลินหลี่ชี้เห็นชายหัวล้านสวมเสื้อคลุมยาวสีเทาปกคลุมทั้งตัวอยู่ที่นั่น มือทั้งสองข้างซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม กำลังเดินไปหาโปรเฟสเซอร์ผู้หญิงที่ถือแฟ้มข้อมูลอยู่ หน้าที่ดูเข้มงวดของเธอดูค่อนข้างเบื่อหน่าย ทำให้ทั้งสี่คนคิดถึงผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน อย่างไรก็ตามเธอยังถือได้ว่าดูน่าสนใจอยู่

“เพื่อน นายคิดว่าลุงฟรอสเลอร์จะประสบความสำเร็จในครั้งนี้ไหม?” จางเจิ้งเฉียงพึมพำ

“เขาน่าจะทำมันได้ ฉันจะเดิมพัน 500! ว่าหลังจากที่ได้เห็นช้างน้อยของเขาแล้วเธอจะกรีดร้องและวิ่งหนีไป” เย่ฉางพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ

“ฉันรับเดิมพัน” จางเจิ้งเฉียงหยิบออกมา 500เหรียญสหรัฐ

“ฉันอยู่ข้างพี่ใหญ่ขาว” หลินหลี่ได้หยิบเงินของเขาออกมา 500เหรียญสหรัฐ เช่นกัน

“พวกนาย ฉันเดิมพัน 1000 ว่าเธอจะไม่หนีไป” อูนาพูดออกมาพร้อมหยิบเงิน 1000เหรียญสหรัฐออกมา

“มันกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว...” เย่ฉางกระซิบเบาๆ ทั้งสี่คนแอบมองเข้าไปในซอย

ชายวัยกลางคนได้เดินมาถึงหน้าของโปรเฟสเซอร์หญิง ชายชราแสดงออกด้วยความเยือกเย็น เขาจึงเปิดเสื้อคลุมเผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าและช้างน้อยของเขา

เสียงกรีดร้องที่เย่ฉางคาดหวังไว้ไม่ได้เกิดขึ้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เธอแสดงออกอย่างสงบและหยิบแฟ้มข้อมูลออกมาขวางผู้ชายโรคจิตไว้ “เฮ้ *ขนาดแค่ 7 เซนติเมตร แม้ว่ามันจะดูมีชีวิตชีวาแต่ขนาดที่ฉันพอใจต้องประมาณ 15 เซนติเมตร นี่คือนามบัตรของฉัน ฉันกำลังมองหางานวิจัยที่เพิ่มขนาด มาหาฉันถ้าคุณสนใจ”

ผู้หญิงคนนั้นแสดงออกด้วยท่าทีที่จริงจังแล้วเดินผ่านเขาออกจากซอยไป ชายชราทั้งหงุดหงิดและหวาดกลัว ปากของเขาอ้ากว้างด้วยความประหลาดใจพร้อมกับกลุ่มผู้สังเกตการณ์

“ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้!?” ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงกับพื้นดินด้วยความสิ้นหวัง

“พี่ใหญ่ขาว เป็นความผิดของพี่ทั้งหมด ตอนนี้เงินในกระเป๋าของฉันได้หายไปแล้ว...” หลินหลี่บุ้ยปาก เย่ฉางถอนหายใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าผลลัพธ์มันจะเป็นแบบนี้

อูนาและจางเจิ้งเฉียงแบ่งรางวัลกันด้วยรอยยิ้ม

“ลุงฟรอสเลอร์...” หลินหลี่เหลือบมองขายแก่วัยกลางคนและไม่สามารถช่วยได้ เขาเพียงแค่เห็นใจนิดหน่อย

“หัวขาว นั้นคือนายใช่ไหม?” ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าลุงฟรอสเลอร์มองคนที่พึ่งมาถึง

“หัวขาว นายก็รู้ใช่ไหมว่า? เมื่อฉันได้ยินเสียงกรีดร้อง ‘ว๊ายย! สัตว์ประหลาด! มันน่ากลัวมาก! อย่าเข้ามา! และมองพวกเธอวิ่งหนีไปด้วยความกลัว ฉันนั้นมีความสุขอย่างมาก แต่คำพูดเหล่านี้มันค่อยๆกลายเป็นว่า ‘อ่า สัตว์ตัวน้อยน่ารัก! พึ่งหนีออกมาจากสวนสัตว์หรอ?’ จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นว่า ‘ว้าวว! ฉันพบหนอนน้อย! มันน่ารักมาก! ทุกๆคนมาดูกันเร็ว มีคนมาแสดงหนอนน้อยให้ดู! คุณลุงมันน่ารักจัง~~’ ทำไมมันถึงกลายเป็นปฏิกิริยาแบบนี้ไปได้ มันเหมือนความแตกต่างระหว่างกลางคืนกับกลางวัน ทุกวันนี้คนเหล่านี้ไม่มีความอับอายกันแล้วหรือ!? ฉันรู้ว่าเสียงกรีดร้องและรูปลักษณ์ที่น่ากลัวเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ตำนาน...” ลุงฟรอสเลอร์บ่น ในขณะที่การบ่นของเขาเหมือนลำโพงสาธารณะ เขามองไปยังท้องฟ้าที่ไม่มีวันสิ้นสุดและหลับตาลง

ทั้งสี่คนถอนหายใจด้วยความสั่นสะท้าน แต่หลังจากที่คิดว่าคนแบบลุงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปว่าคนอื่นไม่มีความอับอาย!!!

รีวิวผู้อ่าน